เรื่องของกะเทย
สำหรับบางบุคคลมีเครื่องหมายเพศ ๒ อย่าง แต่ว่ามีภาวรูปอย่างเดียว นี่ก็เป็นสิ่งซึ่งไม่บ่อย แต่ก็เป็นสิ่งซึ่งเป็นไปได้ ซึ่งในพระไตรปิฏกใช้คำว่า อุภโตพยัญชนก หมายความว่า เป็นผู้ที่มีภาวรูปเดียวแต่ว่ามีเครื่องหมายเพศ ๒ อย่าง
มีคำถามว่า ก็อุภโตพยัญชนก มีอินทรีย์เดียว หรือ ๒ อินทรีย์ ตอบว่า มีอินทรีย์เดียว และสำหรับอินทรีเดียวนั้น ถ้าเป็นอิตถีอุภโตพยัญชนก ก็เป็นอิตถินทรีย์ แต่สำหรับปุริสอุภโตพยัญชนก ได้แก่ปุริสสินทรีย์
เพราะฉะนั้นความเข้าใจผิดของเรา เรื่องกะเทย ไม่เหมือนกับที่ทรงแสดงไว้ว่า อเหตุกปฏิสนธิจิต คืออุเบกขาสันตีรณกุศลวิบาก ทำกิจปฏิสนธิในภูมิมนุษย์ หรือในภูมิสวรรค์ชั้นต้น คือสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา ทำให้เป็นคนพิการ หรือว่าบ้า ใบ้ บอด หนวกแต่กำเนิด หรือว่าเป็นกะเทย แต่สำหรับผู้ที่เป็นกะเทยนั้นต้องไม่มีภาวรูปเลย เพราะฉะนั้น ผู้ที่ไม่มีภาวรูปไม่จำเป็นต้องเป็นมนุษย์ก็ได้ใช่หรือไม่ สัตว์ตัวเล็กๆ หรืออะไรก็ตามแต่ ซึ่งเวลาเกิดมาก็มีกรรมชรูป รูปอื่นๆ แต่ว่าไม่มีภาวรูป
แต่ว่าตามความเป็นจริงแล้ว ก็คือว่า ต้องทราบว่าที่ใช้คำว่ากะเทยจริงๆ ต้องไม่มีภาวรูปเลย แต่ถ้ามีภาวรูปหญิง หรือว่าภาวรูปชาย แต่ว่ามีความโน้มเอียงที่จะพอใจในอากัปกิริยาต่างๆ นั่นก็เป็นการสะสมในหลายๆ ชาติ ซึ่งทุกคนก็เคยเกิดเป็นทั้งหญิงทั้งชายมาแล้ว เพราะฉะนั้นหญิงบางคนก็อยากจะเป็นชาย ทั้งๆ ที่ก็เป็นผู้หญิงแท้ๆ หน้าตาสะสวย แต่ก็ไม่ทราบพูดทีไรก็บอกว่าชาติหน้าขอให้เกิดเป็นผู้ชาย ไม่ทราบว่าเพราะอะไร จึงได้อยากจะเป็นชาย ในเมื่อชาติก่อนๆ โน้นก็เคยเป็นมาแล้ว และอาจจะบอกว่าเมื่อไหร่จะเกิดเป็นหญิงก็ได้ใช่ไหม
เพราะฉะนั้น ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องเปลี่ยนแปลงสิ่งซึ่งมีอยู่แล้วในชาตินี้ คือถ้าชาตินี้เป็นหญิงก็เป็นหญิงไป ไม่เท่าไหร่ก็หมด แล้วก็กรรมหนึ่งก็จะทำให้เกิด แล้วแต่ว่าจะเป็นหญิงหรือเป็นชาย ถ้าเป็นชายแล้วก็รู้สึกว่าลำบาก เดือดร้อน มีภาระมาก ก็อยากจะเป็นหญิง ไม่นานก็จะเป็นหญิงได้ เมื่อจุติจิตดับ ปฏิสนธิเกิดก็แล้วแต่ว่ากรรมใดจะทำให้เป็นหญิง
