จะปฏิบัติธรรมอย่างไร


    ส.   ถ้ายังไม่เข้าใจเรื่องสิ่งที่ปรากฏทางตาในขณะนี้ถูกต้องจริงๆ ปฏิบัติธรรมไม่ได้ ไม่มีใครจะปฏิบัติ โดยไม่มีความรู้ ไม่มีความเข้าใจ ถ้าใครชวนไปดูหนัง ไปดูได้ ใครชวนไปซื้อของก็ไปซื้อได้ ใครชวนไปเที่ยว ก็ไปเที่ยวได้ ใครชวนไปปฏิบัติ ไปปฏิบัติได้ไหมคะ ยังไม่รู้อะไรเลย

    เพราะฉะนั้น ก่อนอื่นต้องเข้าใจ ไม่ว่าจะทำอะไรทั้งหมด ต้องเข้าใจ ต้องซักถามว่า ปฏิบัติคืออะไร อย่าเพิ่งพอใจว่า ปฏิบัติแปลว่าทำ ก็จะทำ แต่ไม่ใช่อย่างนั้นเลย ขณะนี้มีสภาพธรรมที่ปรากฏทางตา กำลังเห็น ขณะที่ได้ยิน มีเสียงและมีได้ยินด้วย และขณะที่รับประทานอาหาร ลิ้มรส ขณะที่กระทบสัมผัสทางกายก็มีความรู้สึกเย็นบ้าง ร้อนบ้าง ตึงบ้าง ไหวบ้าง ถ้ายังไม่รู้ความจริงของสภาพธรรมต่างๆเหล่านี้แล้ว ปฏิบัติไม่ได้ เพราะเหตุว่าไม่ใช่เราหรือตัวตนที่จะปฏิบัติ

    ในพระพุทธศาสนามีปริยัติ และปฏิบัติ ปริยัติหมายถึงการศึกษาให้เข้าใจเรื่องสภาพธรรมที่มีจริงๆ ที่กำลังปรากฏในขณะนี้ ไม่ต้องไปแสวงหาที่อื่นเลย เพราะในขณะนี้สภาพธรรมกำลังปรากฏ มีท่านผู้หนึ่งท่านเที่ยวไปหลายจังหวัดเพื่อเสาะแสวงหาธรรม แต่เมื่อท่านเข้าใจแล้ว ทันทีที่ลืมตาตื่นก็ธรรมแล้ว จนกระทั่งหลับไป ขณะที่หลับโลกนี้ไม่ปรากฏ ไม่ต้องอาศัยตา เพราะไม่มีการเห็น ไม่ได้ยินอะไรเลยเวลาหลับสนิท ไม่ได้กลิ่น ไม่ลิ้มรส ไม่มีการคิดนึกเมื่อไม่ฝัน ไม่มีความรู้เลยว่า ตัวเองอยู่ที่ไหน ชื่ออะไร ไม่มีความรู้ใดๆเลยทั้งสิ้น แต่จิตกำลังเกิดดับดำรงภพชาติความเป็นบุคคลนี้ไว้ ทำให้ตื่นอีก เห็นอีก ได้ยินอีก ยังไม่ตายไป ถ้าไม่มีความรู้ความเข้าใจเรื่องโลกที่กำลังปรากฏทางตาเป็นโลกหนึ่ง และโลกเสียงที่ปรากฏทางหู ทำให้ได้ยินเสียงสูงต่ำ เป็นเรื่องราวนึกคิดต่างๆ ถ้าไม่มีโลกปรากฏทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ ให้คิดนึก ถ้ายังไม่รู้เรื่องต่างๆเหล่านี้ ปฏิบัติไม่ได้ เพราะเหตุว่าปฏิบัติในพระพุทธศาสนา คือ เมื่อเข้าใจละเอียดและถูกต้องในเรื่องของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ เป็นสังขารขันธ์ ที่เราได้ยินบ่อยๆ ขันธ์ ๕ เพราะฉะนั้น ความเข้าใจเป็นสังขารขันธ์ที่ปรุงแต่งทำให้ระลึกได้ ที่จะพิจารณาลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ จากการฟังแล้วเข้าใจ ให้รู้ว่า ในขณะนี้เป็นอย่างนั้นจริงๆ เหมือนกับได้ยินได้ฟังจริงๆ

    เพราะฉะนั้น ก่อนอื่นอย่าเพิ่งปฏิบัติ แต่ต้องเข้าใจลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ เพราะว่าการปฏิบัติไม่ใช่เรา แต่เป็นสภาพธรรมแต่ละชนิด เช่น สติเป็นสภาพธรรมอย่างหนึ่ง ปัญญาเป็นสภาพธรรมอย่างหนึ่ง วิริยะเป็นสภาพธรรมอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งในขณะนี้สภาพธรรมเกิดหลายอย่าง แต่เมื่อไม่รู้ ก็ไม่รู้ว่า ไม่ใช่เราจะปฏิบัติ แต่เป็นสภาพธรรมนั้นๆเกิดขึ้นปฏิบัติกิจ ขณะนี้จิตกำลังทำกิจของจิต คือ เห็น ขณะที่เห็นเป็นจิตที่เกิดทำกิจเห็น เป็นวิญญาณด้วย เพราะเหตุว่าถ้าไม่เรียกว่าจิต เรียกวิญญาณก็ได้ แต่จิตมีมากมายหลายชนิด แล้วจะเรียกจิตที่เห็นว่าอย่างไร เมื่อจิตนี้ต้องอาศัยตา จึงสามารถเห็นได้ จึงเรียกจิตนี้ว่า จักขุวิญญาณ คือเป็นจิตที่อาศัยตาเกิดขึ้นเห็นสิ่งที่กำลังปรากฏในขณะนี้

    ต้องเข้าใจเรื่องเหล่านี้ก่อน แล้วถึงจะรู้ว่า กำลังเข้าใจเป็นสังขารขันธ์ที่จะทำให้เข้าใจขึ้นอีกๆ เมื่อฟังเรื่องนี้มากขึ้นอีก จนกระทั่งเห็นขณะไหน มีการระลึก รู้ว่า นี่เป็นสภาพรู้ เป็นจิต ไม่ใช่เรา

    นี่คือการปฏิบัติ การอบรมเจริญปัญญา


    หมายเลข 4414
    31 ส.ค. 2558