ทราบไดัอย่างไรว่าใครเป็นสัตบุรุษ


    ส.   สัตบุรุษก็ต้องพูดจริง พูดเรื่องจริง พูดถึงสิ่งที่มีจริง ถ้าพูดถึงเรื่องเห็นเดี๋ยวนี้  เราจะสนใจไหมที่จะรู้ว่า ไม่ใช่ตัวตน หรือเราคิดว่า เมื่อเราเคยเห็นเป็นเรา ก็เป็นเราไปเรื่อยๆตลอดไป ซึ่งอันนี้ไม่ต้องศึกษา ถ้าจะเห็นว่าเป็นเราเห็น ไม่ต้องศึกษาเลย เป็นของธรรมดา ใช่ไหมคะ แต่ถ้ามีใครบอกว่า เห็นขณะนี้เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัยและดับด้วย ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน เราจะศึกษาไหมว่า เขาพูดจริงหรือเปล่า มีอะไรที่จะทำให้เราค่อยๆเข้าใจขึ้นๆ และเรื่องที่พูดอย่างนี้ รู้ได้อย่างไร ถ้าไม่มีการตรัสรู้ของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ใครก็พูดอย่างนี้ไม่ได้ เพราะว่าทุกคนพูดตามที่ทรงแสดง แม้แต่พระอริยบุคคลทั้งหลายท่านก็อบรมเจริญปัญญารู้แจ้งอริยสัจธรรมว่าตรงตามที่ทรงแสดง แต่ทุกคำพูดของท่านก็ตรงตามคำเทศนาของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ใช่ท่านพูดเอง ทุกคำก็พูดตามที่ตรัสแล้ว อย่างที่บอกว่า สังขารทั้งหลายไม่เที่ยง นี่พระพุทธเจ้าก็ตรัสไว้แล้ว ถ้าเราจะบอกว่า เห็นขณะนี้เกิดดับ พระพุทธเจ้าก็ตรัสไว้แล้ว

    เพราะฉะนั้น ก็ไม่มีทางที่คนหนึ่งคนใดจะตรัสขึ้นมา และที่จะรู้ว่า เป็นสัตบุรุษ ก็คือพูดเรื่องจริง และทำให้ปัญญาของคนฟังเกิดขึ้นจากการที่ฟังและคิดและพิจารณา ไมใช่พาไปไหนก็ไม่รู้ แล้วไม่รู้อะไรสักอย่าง ไปฟังมาแล้วกลับบ้านก็ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ไม่ใช่อย่างนั้น แต่นี่กำลังพูดถึงสิ่งที่มีจริง และทำให้เราสามารถเข้าใจในความไม่ใช่ตัวตน และในสภาพธรรมที่ไม่เที่ยงเพิ่มขึ้น ผู้นั้นก็เป็นสัตบุรุษ และฟังธรรมก็ไม่ใช่เรื่องอื่น ก็ฟังธรรม ธรรมที่มีจริงๆ แล้วเวลาที่พิจารณาเข้าใจ ก็ไม่ได้เข้าใจอย่างอื่น เข้าใจเห็นเดี๋ยวนี้ที่กำลังเห็น เริ่มเข้าใจได้ยิน เข้าใจได้กลิ่น เข้าใจลิ้มรส เข้าใจกายที่กระทบสัมผัส เข้าใจคิดนึก เข้าใจชีวิตประจำวัน เข้าใจสิ่งที่มีอยู่แล้ว เกิดขึ้นแล้วเพราะเหตุปัจจัย

    นี่คือปัญญาที่เริ่มพิจารณาเข้าใจขึ้น แล้วปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม รู้ว่า ไม่ใช่เรา แต่เป็นสติ แล้วก็เป็นมรรคมีองค์อื่นเกิดร่วมกันที่กำลังระลึกรู้ อบรมเจริญปัญญาเพิ่มขึ้น

    นี่คือปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม คือไม่ผิด ตรงตามลักษณะของสภาพธรรม แล้วไม่ใช่ตัวตนปฏิบัติ

    เพราะฉะนั้น สัตบุรุษ คือผู้ที่รู้สัทธรรม หรือพระนิพพาน นี่อย่างอุกฤต แต่ว่าเราเริ่มเข้าใจขึ้นก็เป็นไปทางนำไปสู่การดับกิเลสทั้งหมดได้ แต่ว่าถ้าผู้สงบ คือผู้ไม่มีกิเลส และต้องเป็นรู้แจ้งอริยสัจธรรมจึงดับกิเลสได้ แต่หนทางก็ต้องมี

    เพราะฉะนั้น สัตบุรุษอย่างอุกฤตก็คือผู้เป็นพระอริยบุคคล แต่ถ้าไม่ใช่อุกฤตก็ผู้ที่อบรมเจริญปัญญาแล้วละคลายกิเลสไปเรื่อยๆ


    หมายเลข 4413
    31 ส.ค. 2558