ไม่ใช่เรา หมายความว่าอย่างไร


    ส.   เข้าใจว่า ที่กำลังเห็นเป็นเรา บางคนอาจกำลังคิดนึก ไม่มีใครห้ามความคิดนึก ทุกคนคิดนึกตลอด เรากำลังคิดนึก ถึงใคร ถึงเรื่องนั้น ถึงเรื่องนี้ อาจจะเป็นเรื่องที่อ่านจากหนังสือพิมพ์ ในวารสาร จากทีวี ก็คิดไปได้ต่างๆ หรือกำลังนั่งอยู่ที่นี่ ทุกคนก็คิด แต่ว่าก่อนจะได้ฟังพระธรรม เป็นเราทั้งหมดที่เห็น ที่คิดนึกด้วย แต่ถ้ารู้ว่า คำว่า “ธรรม” หมายความว่าอะไร หมายความถึงทุกสิ่งที่มีจริง เราเริ่มเข้าใจแล้วว่า แม้แต่ความคิดก็เป็นธรรมชนิดหนึ่ง การเห็นไม่ใช่เรา เป็นธรรมชนิดหนึ่ง

    ขณะที่กำลังได้ยิน ยากที่จะฟังพระธรรมแล้วคล้อยตามว่า ไม่ใช่เรา เป็นแต่เพียงธรรม สภาพที่มีจริงอย่างหนึ่ง รู้สึกยากแสนยากที่จะเห็นอย่างนั้น เข้าใจอย่างนั้น แต่ลองพิจารณาว่า ถ้าไม่มีเสียงกระทบหู จะได้ยินไหม ทำอย่างไรๆ ให้เกิดได้ยินได้ไหมคะ ถ้าเสียงไม่กระทบหู

    เพราะฉะนั้น เสียงเป็นธรรมชนิดหนึ่งซึ่งกระทบอื่นไม่ได้เลย นอกจากโสตปสาท ซึ่งเป็นรูปชนิดหนึ่ง เป็นรูปที่มีลักษณะพิเศษในร่างกายของเราที่สามารถกระทบเสียง รูปอื่นที่ไม่ใช่โสตปสาท กระทบเสียงไม่ได้เลย ก็มองเห็น ค่อยๆเห็นทีละน้อยว่า เสียงก็เป็นธรรมอย่างหนึ่ง มีจริงๆ โสตปสาทก็เป็นรูป เป็นธรรมชนิดหนึ่งที่มีจริงๆ เพราะฉะนั้น ได้ยินในขณะนี้มีแน่ๆ แต่เคยคิด เคยเข้าใจว่า เป็นเราได้ยิน ลองคิดดูซิว่า เสียงหมดไปแล้ว เพราะฉะนั้น ได้ยินจะยังได้ยินต่อไปไม่ได้ เสียงเมื่อกี้นี้ใครจะเก็บห่อเอาไว้ กลับมาได้ยินอีกทีก็ไม่ได้ จิตที่ได้ยินเสียงก็ดับไปแล้ว

    เพราะฉะนั้น สิ่งที่เกิดแล้ว ดับแล้ว จะเป็นของเราได้ไหม จะเป็นเราจริงๆได้ไหม เป็นตัวตนได้ไหม

    นี่คือพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสวงหาตลอดระหว่างที่เป็นพระโพธิสัตว์ ๔ อสงไขยแสนกัป นี่อย่างเร็ว กว่าจะได้ประจักษ์แจ้งจริงๆว่า เป็นสภาพธรรม หรือเราจะใช้คำว่า ธรรมชาติก็ได้ อย่างหนึ่งซึ่งมีจริง และไม่ควรหลงยึดถือว่าเป็นเรา เพราะทุกอย่างเกิดเพราะเหตุปัจจัยแล้วดับหมด เสียงดับแล้ว ได้ยินดับแล้ว คิดนึกทีละคำ ทีละขณะก็ดับแล้ว

    เพราะฉะนั้น มีอะไรบ้าง ตั้งแต่เกิดมา รูปตอนเป็นเด็กก็ดับแล้ว สุข ทุกข์ ความป่วยไข้ ความดีใจ ความเสียใจตอนเป็นเด็กก็ดับแล้ว หรือแม้แต่เมื่อวานนี้เองก็ไม่เหลือแล้ว หรือแม้แต่ขณะชั่วครู่ เมื่อกี้นี้เองก็ดับหมดแล้ว

    นี่แสดงให้เห็นว่า เราไม่ได้เข้าใจธรรมตรงตามที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงจนกว่าจะได้ศึกษาพระธรรมจริงๆ และถ้าศึกษาพระธรรมจริงๆแล้ว ยังต้องเป็นผู้เห็นประโยชน์ของการรู้ความจริงของตัวเอง มิฉะนั้นแล้วเราจะมีชีวิตอยู่โดยที่เกิดมาได้อย่างไรก็ไม่รู้ ตายไปแล้วอย่างไรก็ไม่รู้ เต็มไปด้วยความไม่รู้โดยตลอด


    หมายเลข 4412
    31 ส.ค. 2558