อุรคชาดก


    ข้อความใน ขุททกนิกาย ปัญจกนิบาตชาดก อุรคชาดก มีว่า

    พราหมณ์ผู้บิดาได้กล่าวถึงบุตรที่สิ้นชีวิตลง มีข้อความว่า

    บุตรของข้าพเจ้า ละทิ้งร่างกายของตนไป ดุจงูละทิ้งคราบเก่าไป ฉะนั้น เมื่อร่างกายแห่งบุตรของข้าพเจ้าใช้อะไรไม่ได้ เมื่อบุตรของข้าพเจ้ากระทำกาละไปแล้วอย่างนี้ บุตรของข้าพเจ้าถูกเผาอยู่ ย่อมไม่รู้สึกถึงความร่ำไห้ของพวกญาติ เพราะฉะนั้น ข้าพเจ้าจึงไม่เศร้าโศกถึงเขา คติของตนมีอย่างใด เขาก็ย่อมไปสู่คติของตนอย่างนั้น

    แสดงให้เห็นว่า ทำกรรมแทนกันไม่ได้ ปรารถนาจะให้ผู้ที่สิ้นชีวิตไปสู่สุคติ แต่ก็ย่อมแล้วแต่คติ หรือกรรมของเขามีอย่างไร เขาก็ย่อมไปสู่คติของตนอย่างนั้น

    นางพราหมณีผู้มารดากล่าวว่า

    บุตรของดิฉันนี้ ดิฉันมิได้เชื้อเชิญให้เขามาจากปรโลก เขาก็มาเอง แม้เมื่อจะไปจากมนุษยโลกนี้ ดิฉันก็มิได้อนุญาตให้เขาไป เขามาอย่างใด เขาก็ไปอย่างนั้น การปริเทวนาถึงในการที่บุตรของดิฉันไปจากมนุษยโลกนั้น จะเกิดประโยชน์อะไร บุตรของดิฉันถูกเผาอยู่ ก็ไม่รู้สึกถึงความร่ำไห้ของพวกญาติ เพราะฉะนั้น ดิฉันจึงไม่เศร้าโศกถึงเขา คติของตนมีอย่างใด เขาก็ไปสู่คติของตนอย่างนั้น

    เชื้อเชิญใครให้มาเกิดหรือเปล่า อนุญาตให้ใครไปหรือเปล่า แต่ว่าทุกคนก็ต้องเป็นไปตามกรรม

    น้องสาวได้กล่าวถึงพี่ชาย มีข้อความว่า

    เมื่อพี่ชายตายแล้ว หากว่าดิฉันจะพึงร้องไห้ ดิฉันก็จะผ่ายผอม เมื่อดิฉันร้องไห้อยู่ จะมีผลอะไร ความไม่ยินดีจะพึงมีแก่ญาติ มิตร และสหายของดิฉันยิ่งขึ้น พี่ชายของดิฉันถูกเผาอยู่ ก็ไม่รู้สึกถึงความร่ำไห้ของพวกญาติ เพราะฉะนั้น ดิฉันจึงไม่เศร้าโศกถึงพี่ชายนั้น คติของตนมีอย่างใด เขาก็ไปสู่คติของตนอย่างนั้น

    บางท่านเศร้าโศกเหลือเกินเวลาที่ผู้ที่เป็นที่รัก หรือว่าญาติมิตรสหายของท่านสิ้นชีวิตลง ลืมคิดว่า ได้ประโยชน์อะไรกับการเศร้าโศกนั้น ผ่ายผอม รับประทานไม่ได้ นอนไม่หลับ นอกจากตัวท่านเองจะเป็นทุกข์ คนที่ใกล้ชิดก็พลอยเป็นทุกข์ไปกับท่านด้วย บางท่านก็สงสารเหลือเกินว่า คนนี้เศร้าโศกยิ่งนัก มีวิธีอะไรที่จะผ่อนเบาความเศร้าโศกของบุคคลนั้นได้ เศร้าโศกมากๆ ก็จะไม่สบาย หรือว่าจะต้องสิ้นชีวิตลงไปอีกคนหนึ่ง ทำให้คนอื่นเดือดร้อนไปอีกหลายคน

    ภรรยาของผู้ที่สิ้นชีวิตกล่าวว่า

    เด็กร้องไห้ขอพระจันทร์อันโคจรอยู่ในอากาศ ฉันใด การที่บุคคลมาเศร้าโศกถึงผู้ที่ละไปสู่ปรโลกแล้วนี้ ก็มีอุปไมยฉันนั้น สามีของดิฉันถูกเผาอยู่ ย่อมไม่รู้สึกถึงความร่ำไห้ของพวกญาติ เพราะฉะนั้น ดิฉันจึงไม่เศร้าโศกถึงสามีนั้น คติของตนมีอย่างใด เขาก็ไปสู่คติของตนอย่างนั้น

    ภรรยาก็ยังคิดได้อย่างนี้

    คนใช้ของผู้ที่สิ้นชีวิตกล่าวว่า

    หม้อน้ำที่แตกแล้ว เชื่อมให้สนิทอีกไม่ได้ ฉันใด การที่บุคคลมาเศร้าโศกถึงผู้ที่ละไปสู่ปรโลกแล้วนี้ ก็มีอุปไมยฉันนั้น นายของดิฉันถูกเผาอยู่ ย่อมไม่รู้สึกถึงความร่ำไห้ของพวกญาติ เพราะฉะนั้น ดิฉันจึงไม่เศร้าโศกถึงนายนั้น คติของตนมีอย่างใด นายของดิฉันก็ไปสู่คติของตนอย่างนั้น

    เป็นการพิจารณาธรรมของผู้ที่ไม่เศร้าโศก แต่การที่จะโศกเศร้าก็เป็นสิ่งที่บังคับบัญชาไม่ได้ เวลาที่มีผู้ที่คุ้นเคยสนิทสนม วงศาคณาญาติ มิตรสหายสิ้นชีวิตลง ถ้าตราบใดท่านยังไม่ดับกิเลสจนถึงขั้นพระอนาคามีบุคคลแล้ว ถึงแม้ว่าจะรู้ พิจารณาธรรมที่ได้ฟัง แต่เวลาที่มีเหตุปัจจัยที่จะให้เศร้าโศก ความเศร้าโศกก็เกิดขึ้น เพราะเหตุว่าไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน ปุถุชนก็เป็นอย่างนี้ พระอริยบุคคลที่ไม่ใช่ พระอนาคามีบุคคล ไม่ใช่พระอรหันต์ ก็ยังคงมีความเศร้าโศกอยู่ แต่ว่าปุถุชนก็เจริญสติปัฏฐานได้ แม้พระอริยะเวลาที่มีความเศร้าโศกเกิดขึ้น สติก็ระลึกรู้สภาพธรรมนั้นตามความเป็นจริง


    หมายเลข 3612
    15 ต.ค. 2566