เวลานอนหลับสนิท สติเกิดได้ไหม


    ผู้ฟัง    เวลานอนหลับสนิท สติเกิดได้ไหมครับ

    ส.   สำหรับคนที่เกิดเป็นมนุษย์ และไม่พิการตั้งแต่กำเนิด ก็จะเป็นมหาวิบากญาณวิปปยุตต์หรือญาณสัมปยุตต์ แม้ว่าเป็นมหาวิบากญาณวิปยุตต์ก็มีสติเจตสิกเกิดร่วมด้วย แต่โดยชาติแล้วเป็นวิบาก สำหรับผู้ที่ปฏิสนธิด้วยมหาวิบากญาณสัมปยุตต์ คือ ประกอบด้วยปัญญา แต่โดยชาติเป็นวิบากเหมือนกัน เพราะเหตุว่าไม่รู้อารมณ์ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ ในขณะไม่ฝัน แต่ถ้าในขณะที่ฝัน ก็แล้วแต่ว่าฝันด้วยกุศลจิต หรือฝันด้วยอกุศลจิต ความฝันก็มีทั้งที่เป็นกุศลและอกุศล ถ้าฝันแล้วตกใจกลัว ขณะนั้นก็เป็นอกุศลจิตที่ฝัน แต่ถ้าฝันแล้วจิตใจผ่องใสเป็นกุศล ขณะนั้นก็เป็นกุศลจิต

    ความต่างกันของสิ่งที่เราเรียกว่า ฝัน หรือไม่ฝัน ก็คือธรรมดาของภวังคจิต ไม่ใช่วิถีจิต ไม่รู้อารมณ์ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ แล้ววิถีจิต คือ ขณะที่รู้อารมณ์โดยอาศัยทวารหนึ่งทวารใด แต่ก็มีภวังคจิตคั่นแต่ละวาระที่รู้อารมณ์ทางทวารหนึ่งทวารใด เช่น ในขณะนี้หลังจากที่จักขุทวารวิถีจิตดับแล้ว ภวังคจิตเกิดคั่น ก่อนมีวิถีจิตทางหูที่ได้ยินเสียง

    เพราะฉะนั้น ความต่างกันของฝันกับไม่ฝัน ก็คือในขณะนี้ที่ภวังคจิตเกิด แต่ก็มีอารมณ์จริงๆ กระทบทางตา กระทบทางหู กระทบใจ ที่ทำให้มโนทวารเกิดขึ้นนึกคิดเรื่องราวต่างๆ แต่ในขณะที่ฝัน เป็นเพราะการสะสมของสิ่งที่เคยเห็นบ้าง เคยได้ยินบ้าง เป็นสุข เป็นทุกข์กับสิ่งที่เคยเห็นบ้าง ได้ยินบ้าง ทำให้อารมณ์นั้นกระทบกับมโนทวาร คือ ภวังคุปเฉทะ และมโนทวาราวัชชนจิตก็เกิดขึ้นนึกถึงเรื่องหนึ่งเรื่องใดก็เป็นความฝัน แต่เป็นช่วงระยะที่สั้นมาก เพราะฉะนั้น ในขณะที่ฝันก็จะมีภวังค์เกิดคั่นกับวิถีจิต โดยไม่มีรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะจริงๆ กระทบ แต่ขณะที่ไม่ฝันจะมีรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะจริงๆกระทบมากกว่า

    เพราะฉะนั้น เวลาตื่นขึ้นก็รู้ได้ว่า ขณะนั้นเป็นความฝัน เพราะเหตุว่าไม่ใช่มีรูปกระทบตาจริงๆ ไม่ใช่มีเสียงกระทบหูจริงๆ ไม่ใช่มีกลิ่น มีรส มีโผฏฐัพพะกระทบจริงๆ

    ผู้ฟัง    เป็นกุศลหรืออกุศล

    ส.   ถ้าเป็นกุศลจิตก็ต้องมีสติเจตสิกเกิดร่วมด้วย

    ผู้ฟัง    ที่ว่าเป็นบุญ เป็นบาป

    ส.   ไม่เป็นอกุศลกรรมบถ เพราะคำว่า “กุศลกรรมบถ” ก็ดี “อกุศลกรรมบถ” ก็ดี คำว่า ปถ แปลว่า  ทาง เพราะฉะนั้น เมื่ออกุศลนั้นถึงความเป็นทางที่จะไปสู่คติหนึ่งคติใด หรือทำให้วิบากจิตเกิด จึงจะครบองค์ แต่ขณะที่ฝันนั้นไม่ครบองค์ เป็นอกุศลจิตหรือกุศลจิต

    ผู้ฟัง    ที่ว่า ?ธรรม ตอนนอนหลับสนิท จะมีคำถามว่า สติเกิดได้ไหม

    ส.   อย่างที่เรียนให้ทราบ ตอนหลับสนิทไม่ใช่วิถีจิต คือไม่ได้อาศัยตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจรู้อารมณ์ ถ้าขณะนั้นเป็นผู้ที่ปฏิสนธิด้วยมหาวิบากญาณวิปปยุตต์ก็ดี หรือมหาวิบากญาณสัมปยุตต์ก็ดี ขณะนั้นต้องมีสติเจตสิกเกิดร่วมด้วย แต่เป็นชาติวิบาก เกิดขึ้นเพราะกรรมเป็นปัจจัย ทำให้ดำรงภพชาติความเป็นบุคคลที่ไม่พิการแต่กำเนิด หรือทำให้ดำรงภพชาติความเป็นบุคคลที่มีปัญญาเจตสิกเกิดในขณะที่กำลังเป็นวิบาก เป็นพื้นฐานของจิตที่ทำให้สามารถเจริญเติบโตขึ้นเมื่อมีโอกาสได้อบรมเจริญปัญญาต่อๆไป

    ผู้ฟัง    และที่ว่าไม่มีสติเกิดล่ะครับ

    ส.   ทำไมจะชื่อว่าไม่มีสติล่ะคะ สติเกิดกับโสภณจิต แม้วิบากจิตซึ่งเป็นโสภณ เป็นมหาวิบากจิต ก็เป็นกามาวจรโสภณจิต แต่โดยชาติเป็นชาติวิบาก แต่สติเป็นสภาพธรรมที่ระลึก เพราะฉะนั้น เมื่อเกิดขึ้นแม้โดยสภาพที่เป็นวิบาก ก็ระลึกในอารมณ์ที่เป็นมหาวิบากนั้นเอง

    ผู้ฟัง อย่างนี้ที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า แม้พระองค์ก็นอนหลับ แต่นอนหลับด้วยสติ หมายถึงอะไร

    ส.   หมายความถึงพร้อมที่จะลุกขึ้นด้วยสัมปชัญญะ ไม่เหมือนกับคนที่หลงลืมสติตื่น หลงลืมสติหลับ

    เพราะฉะนั้น อายตนะมีโทษมากเมื่อไม่รู้ แต่ว่ามีประโยชน์มากเมื่อสติเกิด


    หมายเลข 3222
    1 ก.ย. 2558