อธิปติปัจจัย กับ กิจวัตรประจำวัน


    มีข้อสงสัยไหม ในเรื่องของ  “อธิปติปัจจัย” ยากไหม ?  เป็นสภาพธรรมที่เกิดกับแต่ละบุคคล  ถ้าไม่รู้ก็ไม่รู้ไป เท่านั้นเอง คือไม่เห็นความเป็นอนัตตา แต่ถ้ารู้ก็สามารถจะเป็นผู้ที่ละเอียดขึ้น ที่จะรู้ว่าขณะใดอกุศลจิตมีสภาพธรรมใดเป็นอธิบดี หรือกุศลจิตมีสภาพธรรมใดเป็นอธิบดี

    ถ้าท่านผู้ฟังเป็นช่างจัดดอกไม้   เวลาที่กำลังจัดดอกไม้ อะไรเป็นอธิปติ ?   มีไหม ทำในสิ่งที่ชอบ ทำด้วยความพอใจในขณะนั้น  ไม่ว่าจะเป็นกุศลหรืออกุศล ท่านที่ชอบทำอาหาร   เวลาที่ท่านทำอาหาร  ทำด้วยฉันทะ หรือด้วยวิริยะ บางคนไม่ชอบ แต่จำเป็นที่จะต้องทำ  หรือจำเป็นที่จะต้องช่วย  ขณะนั้นก็กำลังทำ และต้องมีวิริยะด้วย ขณะนั้นจึงเห็นว่าวิริยะเป็นอธิปติ   ไม่ว่าจะเป็นกุศลหรืออกุศลก็ตาม

    และเมื่อใช้คำว่าสหชาตาธิปติก็เป็นปัจจัย  ๒ ปัจจัย   คือสหชาตะหรือสหชาต  ๑ ปัจจัย   อธิบดีหรืออธิปติอีก ๑ ปัจจัย

    เพราะฉะนั้นสำหรับสหชาตาธิปติปัจจัย จะต้องเกิดพร้อมกันกับสภาพธรรมที่เป็นปัจจยุปบันซึ่งตนเองเป็นหัวหน้า หรือว่าเป็นสภาพธรรมที่ชักจูงให้สภาพธรรมอื่นเกิดร่วมด้วย   พร้อมกันในขณะนั้น   เพราะเหตุว่าจิตและเจตสิกเกิดพร้อมกัน ดับพร้อมกัน   เพราะฉะนั้นเมื่อเจตสิกเป็นอธิปติ  ก็ต้องเป็นสหชาตาธิปติ   เพราะเหตุว่าเกิดร่วมกับจิตและเจตสิก   

    ถ้าจิตเป็นสหชาตาธิปติ  จิตก็เป็นสภาพธรรมที่เป็นหัวหน้าที่ชักจูงให้สภาพธรรมอื่นเกิดพร้อมกับตน ดับพร้อมกันกับตน จึงเป็นสหชาตาธิปติ  คือจิตและเจตสิกซึ่งเกิดร่วมกันในวันหนึ่ง ๆ นั่นเอง ขณะใดมีสภาพธรรมใดปรากฏความเป็นอธิบดี  ขณะนั้นก็เป็นอธิปติปัจจัย  เป็นชีวิตประจำวัน

    โลภะที่เกิดขึ้นโดยที่ไม่มีฉันทะเป็นอธิบดีก็ได้ ไม่มีวิริยะเป็นอธิบดีก็ได้ ไม่ใช่หมายความว่าจะต้องมีอธิปติปัจจัยเกิดร่วมด้วยทุกครั้ง  เพราะเหตุว่าบางครั้งสภาพที่เป็นโลภะก็เกิดพอใจเพียงเล็กน้อย แล้วก็หมดไป  แต่ว่าขณะไหนซึ่งแสดงความสนใจ  พอใจมาก  ขณะนั้นอย่าลืม   อธิปติปัจจัยที่ได้ศึกษาแล้วปรากฏแสดงความเป็นอธิบดี ของสภาพธรรมนั้นในขณะนั้น   

    เพราะฉะนั้นท่านผู้ฟังทุกคนก็พิสูจน์ได้ว่าขณะไหน ท่านกำลังเกิดกุศลหรืออกุศลที่มีความพอใจเป็นอธิบดี  หรือว่ามีวิริยะเป็นอธิบดี  หรือว่ามีปัญญาคือวิมังสาเป็นอธิบดี


    หมายเลข 2492
    29 ส.ค. 2558