ฟังครั้งเดียวไม่พอ ก็ฟังอีก
ถ้าเป็นการฟังที่ถูกต้อง ด้วยความเข้าใจว่าเพื่อเข้าใจถูกเห็นถูกว่า สิ่งที่ปรากฏเป็นธรรมก็จะรู้ในขณะนั้น ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไม่ได้ฟังแล้วจะรู้ได้ แต่เพราะฟังด้วยการละความเป็นเราที่หวังจะไปรู้มากๆ เมื่อนั้น เมื่อนี้ แต่ว่าฟังแล้วค่อยๆ เข้าใจสะสมไปที่จะรู้ว่า เวลาที่อกุศลธรรมประเภทหนึ่งประเภทใดเกิดขึ้น เข้าใจลักษณะนั้นได้ ว่า ลักษณะนั้น ไม่เหมือนอย่างอื่น ก่อนโกรธ ลักษณะนั้นไม่มี แต่เมื่อโกรธเกิด มีลักษณะที่เป็นอย่างนั้น ให้เห็นความเป็นธรรม
ธรรมจึงเป็นสิ่งที่ละเอียด นี่ยกตัวอย่างเพียงลักษณะของความโกรธ แต่เห็นเดี๋ยวนี้ ก็เป็นธรรม ได้ยินก็เป็นธรรม ไม่มีสักอย่างเดียว ที่ไม่ใช่ธรรม
การฟังธรรมแต่ละภพ แต่ละชาติ ก็คือการสะสมความเห็นถูก ด้วยการละ เพราะว่าเวลาที่มีการสะสมของความรู้ ความเข้าใจถูก เพียงฟังไม่มาก แต่ปัญญา ที่สะสมพร้อมการละ การไม่ติดข้อง สามารถละการยึดถือสภาพธรรมนั้น แล้วสภาพธรรมนั้นจึงปรากฏตามความเป็นจริง เพราะว่าขณะนี้ความจริงแท้คือ สภาพธรรมเกิดดับสืบต่อเร็วมาก แต่อย่างไรๆ อวิชชาและโลภะ ไม่สามารถเห็นถูกอย่างนั้นได้เลย จนกว่าเมื่อไรที่ละคลายอวิชชาด้วยการฟังแล้วฟังอีก ในเรื่องของสิ่งที่กำลังปรากฏ เพื่อเมื่อไรจะรู้ลักษณะที่ปรากฏ เพื่อรู้ ไม่ใช่เพื่อติด
ถ้าโลภะเกิด จะติดข้องต้องการไปหมดเลยแม้ต้องการจะรู้ เห็นไหม แม้ต้องการจะรู้ความจริงของสิ่งนั้นก็ไม่ใช่ปัญญา เป็นแต่เพียงความต้องการ เป็นแต่เพียงความอยาก
การศึกษาธรรม ต้องเป็นผู้ละเอียดและรู้จุดประสงค์ว่า ฟังเพื่อเข้าใจถูก เห็นถูกในสภาพธรรม เรื่องละไม่ใช่เรื่องของคนหนึ่งคนใด แต่เป็นเรื่องของสภาพธรรม คือ ปัญญาเจตสิก ขณะใดที่มีความเห็นถูก ขณะนั้นไม่เห็นผิด แม้ในขั้นการฟัง ก็รู้ว่า หนทางที่จะรู้ความจริงของสภาพธรรมไม่ใช่หนทางอื่นเลย ใครจะไปทำอะไร ที่ไหน อย่างไร แต่ขณะนี้เป็นธรรม แล้วรู้ลักษณะที่เป็นธรรม หรือไม่
การฟังแต่ละครั้งก็คือ เพื่อให้รู้ความจริงว่าเราหลงลืมอยู่เสมอ ไม่ว่าจะฟังมาแล้ว ตั้งแต่ปีไหนก็ตามแต่ ครั้งไหนก็ตามแต่ ก็มีปัจจัยที่จะให้ลืมอยู่เรื่อยๆ ว่า เป็นธรรม จนกว่าได้มีโอกาสได้ฟังธรรม ได้สนทนาธรรมเมื่อไร เมื่อนั้นก็เป็นการสะสมความเห็นถูกต้องว่าเป็นธรรม ส่วนจะเข้าใจธรรมมากน้อยแค่ไหนนั้น ถ้าปัญญา ยังคงอยู่ในระดับนี้ ไม่มีทางที่จะรู้ความจริงของสภาพธรรม
ด้วยเหตุนี้จึงเห็นการเจริญขึ้นของธรรม ซึ่งเป็นฝ่ายของการรู้แจ้งอริยสัจธรรม ศรัทธา ถ้าไม่มีการเห็นถูก ความเข้าใจถูก รู้ประโยชน์ของการฟัง ก็ไม่มีศรัทธาเพิ่มขึ้น แต่ว่าที่ศรัทธาจะเพิ่มขึ้น ฟังครั้งเดียวไม่พอ ก็ฟังอีก มีโอกาสที่จะฟังเมื่อไรก็ฟัง นั่นคือลักษณะของศรัทธา ซึ่งกว่าจะเจริญ ก็จะเห็นได้ว่าต้องเป็นผู้ตรงที่จะรู้ว่าเป็นระดับขั้นของการฟังเข้าใจ หรือเริ่มรู้ลักษณะที่กำลังเป็นธรรมขณะนี้
