หิริโอตตัปปะมีกำลังน้อย


    ถ. ธรรมของพระผู้มีพระภาคมีมากมาย และต้องใช้ให้ถูกกาลเทศะ เมื่อ ฟังเรื่องหิริโอตตัปปะจากอาจารย์แล้ว ก็พิจารณาตัวเองว่า มีกำลังน้อยเหลือเกินสำหรับหิริโอตตัปปะ ทำบาป ทำอกุศลไป วันหนึ่งๆ คิดเรื่องอกุศล เราก็ฟังเรื่องหิริโอตตัปปะมาตั้ง ๓ – ๔ อาทิตย์แล้วก็ยังไม่มีกำลัง ยิ่งไปกว่านั้น บางท่านเจริญ สติปัฏฐานอยู่ด้วย ก็ยังไม่นำไปปฏิบัติ ไม่นำไปประพฤติ ไม่ละ

    อาจารย์บอกว่า หิริโอตตัปปะจะมีกำลัง ก็โดยการเพียรเผากิเลส ละในที่นี้ คงละกิเลสอีกเหมือนกัน ใช่ไหม คือ ต้องเจริญสติปัฏฐาน จะเอาอย่างหนึ่งอย่างใดหนักก็ไม่ได้ ต้องหนักๆ ด้วยกันทั้งนั้น ใช่ไหม

    สุ. เป็นผู้ละเอียดขึ้น ไม่ใช่เป็นผู้ที่จะเจริญสติปัฏฐานอย่างเดียว เพราะถ้ามุ่งเจริญสติปัฏฐานอย่างเดียว วันนี้ทำอะไรบ้าง อหิริกะเท่าไร อโนตตัปปะเท่าไร แม้แต่ในเรื่องมารยาท ในเรื่องปฏิสันถาร ในเรื่องความเอื้อเฟื้อ ในเรื่อง บุญญกิริยา แม้เล็กๆ น้อยๆ

    ถ. ต้องเก็บหมด

    สุ. เป็นผู้ที่ละเอียดขึ้น ด้วยสติ ถ้าสติไม่เกิดก็ไม่ระลึกรู้ลักษณะสภาพจิตของตนเองในขณะนั้น ก็ยังคงเป็นเรื่องของคนอื่นมากมายอยู่นั่นเอง

    เพราะฉะนั้น ขณะใดที่คิดถึงคนอื่นด้วยจิตที่เป็นอกุศล จะเห็นได้ใช่ไหมว่า ขณะนั้นเพราะอหิริกะ อโนตตัปปะ แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นกุศล คิดด้วยเมตตา ด้วยกรุณา ด้วยมุทิตา หรือด้วยอุเบกขา ไม่ต้องคอยถึงชาติหน้าที่จะอยากมีกิเลสน้อย ถ้าอยากจะมีกิเลสน้อยชาติหน้า คือ ขณะนั้นเองต้องลดคลายอกุศล ซึ่งเพียรคือ อย่างนั้น ไม่ใช่คอย แต่ค่อยๆ ระลึกได้ และรู้ว่าขณะใดเป็นอกุศลก็ละ

    ถ. ก็ควรเริ่มตั้งต้น ตำหนิตัวเองไปหนักๆ หน่อย

    สุ. ขออนุโมทนาอย่างยิ่ง สำหรับท่านที่คิดจะรู้จักตัวเองและเตือนตัวเอง นี่เป็นการน้อมรับอนุศาสนีย์ที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดง เพื่อปฏิบัติด้วยความเคารพ

    อย่าลืม กัลยาณมิตร ไม่ใช่คนที่จะทำให้เราโกรธ หรือรู้สึกโกรธคนนั้นคนนี้ แต่เป็นผู้ที่ทำให้เราเกิดเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขาในบุคคลอื่นๆ

    สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้ดับกิเลส จะเห็นได้ว่า อหิริกะ อโนตตัปปะ มีปัจจัยที่จะเกิดได้ทุกทาง ไม่ว่าจะเป็นทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ และถ้า ไม่มีปัจจัยที่จะเกื้อกูลได้ หิริโอตตัปปะก็ไม่เกิด ต่อเมื่อใดที่มีปัจจัยที่เหมาะสม ที่เกื้อกูลได้ในขณะนั้น หิริโอตตัปปะจึงเกิดได้

    แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 1580


    หมายเลข 14128
    28 พ.ย. 2568