ลักษณะของตัณหาประการต่างๆ
ลักษณะของตัณหาอีกหลายประการมีว่า
ธรรมชาติอันให้สัตว์เกิด ธรรมชาติอันให้สัตว์เกิดกับทุกข์
ถ้าบอกว่า ธรรมชาติอันให้สัตว์เกิด ก็ยังรู้สึกว่าไม่เป็นไร ยังชอบจะเกิด อยากจะเกิด พยัญชนะต่อไปก็ใช้คำที่ถ้าเป็นภาษาทางโลกก็อาจจะว่า ข่มขู่ไว้ทีเดียวว่า ธรรมชาติอันให้สัตว์เกิดกับทุกข์
ธรรมชาติอันเย็บไว้ ธรรมชาติเพียงดังข่าย ธรรมชาติอันไหลไป ธรรมชาติอันซ่านไปในอารมณ์ต่างๆ ความเป็นผู้หลับ
ถ้าขณะใดที่ไม่ได้เจริญสติปัฏฐาน ก็ไม่มีโอกาสที่จะตื่นรู้จักโลก คือ นามรูปตามความเป็นจริง ก็จะต้องถูกตัณหาฉาบทาให้ซ่านไป ให้ไหลไปอยู่เรื่อยๆ
ความกว้างขวาง ธรรมชาติอันให้อายุเสื่อม
เกิดแล้วก็ต้องตาย เกิดแล้วก็ต้องตายไม่มีที่สิ้นสุด
ความเป็นเพื่อน
ลักษณะของตัณหา คือ ความเป็นเพื่อนให้ทนอยู่ได้ต่อไปในวัฏฏะ ถ้าไม่มีเพื่อนจะทนไหวไหม ถ้าไม่มีตัณหาจะอยู่ต่อไปในวัฏฏะไหวไหม มีแต่นามรูปที่เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป ไม่ใช่ตัวตน สัตว์ บุคคลทั้งนั้น แต่เพราะเหตุว่าตัณหานี้เหมือนกับเพื่อนสนิท ทำให้พอใจในสิ่งนั้น ทำให้พอใจเพลิดเพลินไปอยู่ได้เรื่อยๆ ตัณหานี้ก็เป็นเพื่อน คือ ให้ทนอยู่ต่อไปได้ในวัฏฏะ
ความตั้งใจไว้
ถ้าขณะใดที่ท่านเกิดความตั้งใจที่จะทำสิ่งหนึ่งสิ่งใด นั่นก็เป็นลักษณะของตัณหาอย่างหนึ่ง
เพราะฉะนั้น การที่จะระลึกรู้ลักษณะของโลภะ ของตัณหา ก็จะมีลักษณะเป็นปกติประจำวันที่สามารถจะระลึกได้ แม้แต่ในขณะใดที่มีความตั้งใจ สติก็สามารถที่จะระลึกรู้ในขณะนั้นได้ว่า เป็นสภาพลักษณะของโลภะหรือตัณหา
เป็นธรรมชาติอันนำไปสู่ภพ ธรรมชาติเพียงดังว่าป่า ธรรมชาติเพียงดังว่าหมู่ไม้ในป่า ความสนิทสนม ความมีเยื่อใย ความเพ่ง ความพัวพัน ความหวัง กิริยาที่หวัง ความเป็นผู้หวัง ความหวังในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ความหวังในลาภ ในทรัพย์ ในบุตร ในชีวิต
นอกจากนั้นลักษณะของโลภะยังเป็นความกระซิบ
ความกระซิบทั่ว ความกระซิบยิ่ง กิริยาที่กระซิบ ความเป็นผู้กระซิบ
อยู่คนเดียวแท้ๆ จะเป็นอย่างนั้น จะเป็นอย่างนี้ คิดไปพอใจไป นั่นใครมากระซิบ ลักษณะที่ให้เป็นอย่างนั้น ให้ความหวังอย่างนี้ ให้ทำอย่างโน้น ให้คิดอย่างนั้น ก็ไม่ใช่ลักษณะของใครอื่นนอกจากนามธรรมชนิดหนึ่งซึ่งเป็นลักษณะของโลภะหรือตัณหานั่นเอง
นอกจากนั้นสิ่งที่เข้าใจกันอยู่แล้วก็คือ ลักษณะที่เป็นความโลภ
กิริยาที่โลภ ความเป็นผู้โลภ ความที่ตัณหาหวั่นไหว
ความเป็นผู้ต้องการให้สำเร็จ
ทำอะไรก็อยากจะให้ได้รับความสำเร็จ นั่นก็เป็นลักษณะของตัณหา
ความใคร่ ความปรารถนา ความทะเยอทะยาน ความประสงค์ ธรรมชาติเป็นเครื่องผูก เป็นมูลแห่งทุกข์ เป็นแดนเกิดแห่งทุกข์
วันหนึ่งๆ ก็หลงลืมสติไป พอกพูนเพิ่มพูนเครื่องฉาบทาของโลก ของนาม ของรูปมากขึ้น การที่จะระลึกรู้และสามารถบรรลุอริยสัจธรรมจึงเนิ่นช้า เพราะเหตุว่าไม่รู้ลักษณะของโลภะที่มีมากในวันหนึ่งๆ
ทรงแสดงไว้ว่า
ตัณหาเพียงดังว่าแม่น้ำ เพียงดังว่าข่าย เพียงดังว่าสายโซ่ เพียงดังว่าทะเล อภิชฌา โลภะ อกุศลมูล นี้เรียกว่า ชัปปา คือ ตัณหา
ตัณหานี้เป็นเครื่องทา คือ เป็นเครื่องฉาบไว้ไม่ให้เห็นความจริง เป็นเครื่องข้อง เป็นเครื่องผูก
โลกอันตัณหานี้ไล้ทา ฉาบทาให้หมอง ให้มัวหมอง ให้เปื้อน ระคนไว้ ข้องไว้ คล้องไว้ พันไว้ เราย่อมกล่าว บอก แสดง บัญญัติ แต่งตั้ง เปิดเผย จำแนก ทำให้ตื้น ประกาศ
เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า เรากล่าวว่า ตัณหาเป็นเครื่องฉาบทาโลก
