อบายภูมิมี ๔


    สำหรับอบายภูมิมี ๔ ถ้าเป็นผลของกรรมหนักก็เกิดในนรก ถ้ากรรมนั้นหนักมากก็ในมหานรก ซึ่งมหานรกที่เผ็ดร้อนทรมานที่สุด ได้แก่ อเวจีนรก นอกจากนั้นก็มีนรกขุมย่อยๆ หลังจากที่พ้นขุมใหญ่ๆ ซึ่งแล้วแต่อกุศลกรรม เวลาที่ทำกรรมแล้ว ไม่เคยทราบผลเลยใช่ไหมว่า ได้ภูมิ คือ มีภูมิรออยู่แล้วข้างหน้า แต่ว่ายังไปไม่ถึง เพราะยังอยู่ในโลกนี้ ตราบใดที่ยังไม่พ้นจากสภาพความเป็นบุคคลในโลกนี้ ก็ยังไม่ไปสู่ภูมิอื่นแม้ว่าเหตุคืออกุศลกรรมมีแล้ว เพราะฉะนั้น ภูมิได้แล้ว รออยู่แล้ว แล้วแต่ว่าจะไปสู่ภูมิไหน ถ้าเป็นอกุศลกรรมที่หนักก็ไปสู่มหานรก ถ้าเป็นอกุศลกรรมที่ไม่หนัก ก็ไปสู่ขุมที่ทรมานน้อยกว่านั้น ถ้าเป็นผลของอกุศลกรรมที่น้อยกว่านั้นก็ไปเกิดในอบายภูมิอื่น เช่น เป็นสัตว์เดรัจฉาน ซึ่งจะเห็นได้ว่า สัตว์เดรัจฉานนี้มีรูปร่างประหลาดๆ ต่างๆ ทั้งที่มีขามากมาย มีขาน้อย ไม่มีขาเลย มีปีกบ้าง ไม่มีบ้าง อยู่ในน้ำบ้าง อยู่บนบกบ้าง มีรูปร่างลักษณะต่างๆ มากมายตามความวิจิตรของจิต ทั้งๆ ที่เป็นคนในมนุษย์ภูมิ ก็มีเพียงตา หู จมูก ลิ้น กาย ผิวพรรณวรรณะ ความสูงต่ำ ก็ยังจำแนกออกได้วิจิตรต่างๆ กัน แต่พอถึงสัตว์เดรัจฉานก็ยิ่งวิจิตรต่างกันมาก ซึ่งเป็นไปตามกรรม การเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานนั้น เป็นผลของอกุศลกรรม

    ถ้าเป็นผลของอกุศลกรรมที่น้อยกว่านั้นอีก ก็ทำให้เกิดในภูมิของเปรต ซึ่งภาษาบาลีใช้คำว่า ปิตติวิสัย ซึ่งภูมิของเปรตก็วิจิตรต่างๆ กันมาก เปรตบางพวกก็ทรมานมาก หิวโหย และไม่ได้อาหารด้วย [แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 996]

    มนุษย์ทุกคนมีโรคประจำตัว ประจำวัน คือ โรคหิว จะว่าไม่มีโรคไม่ได้ เพราะความหิวเป็นโรคอย่างยิ่ง ถ้าหิวมากๆ จะรู้สึก แต่ว่าถ้าหิวเล็กน้อยและรับประทานอาหารอร่อยๆ ก็เลยลืมว่า แท้ที่จริงความหิวไม่ใช่ความสบายกายเลย เป็นสิ่งที่จะต้องแก้ไขบรรเทาให้หมดไป แต่สำหรับคนซึ่งบางครั้งหิวมากและไม่ได้รับประทาน ก็คงจะรู้รสของความหิว รู้รสของความทุกข์ของความหิวว่า ถ้ามีมากกว่านั้นจะเป็นอย่างไร

    มีท่านผู้ฟังท่านหนึ่ง ท่านเป็นผู้มีมิตรสหายมาก วันหนึ่งท่านรับโทรศัพท์ตั้งแต่เช้าจนถึงเย็น ไม่ได้รับประทานอาหาร พอถึงค่ำรู้เลยว่า ความหิวที่แสนทรมาน ที่ใช้คำว่าแสบท้องหรือแสบไส้นั้นเป็นอย่างไร และท่านก็ไม่สามารถจะรีบร้อนรับประทานเพื่อที่จะแก้ความหิว เพราะถ้าทำอย่างนั้นก็คงจะต้องเป็นลม หรือว่าเป็นอันตรายแก่ร่างกาย ก็ต้องค่อยๆ บริโภคแก้ไขความหิวไปทีละน้อย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเป็นลมแสดงให้เห็นว่า ความหิวเป็นโรคอย่างยิ่ง เป็นโรคประจำวัน ยังไม่ต้องพูดถึงโรคอื่น แต่ว่านี่เป็นโรคประจำตัว ประจำวัน

    เพราะฉะนั้น สำหรับผู้ที่เป็นเปรตจะหิวสักแค่ไหน เพราะในภูมิเปรตไม่มีการค้าขาย ไม่มีการกสิกรรม จะไปปลูกข้าวทำนา หุงข้าวเอง หรือว่าจะไปซื้อไปขาย ไปแลกเปลี่ยนอะไรกับใครเพื่อที่จะได้อาหารมาบริโภคก็ไม่ได้ในภูมินั้น เพราะอยู่ด้วยผลของกรรม

    บางพวกก็สามารถที่จะอนุโมทนาในกุศลของบุคคลอื่น และกุศลจิตที่อนุโมทนานั้นเองเป็นปัจจัยให้ได้รับอาหารที่เหมาะสมแก่ภูมิของตน หรือว่าอาจจะพ้นสภาพของการเป็นเปรต โดยจุติและปฏิสนธิในภูมิอื่น เมื่อหมดผลของกรรมที่จะเป็นเปรตต่อไป เพราะฉะนั้น นี่เป็นผลของอกุศลกรรม

    สำหรับอีกภูมิหนึ่ง คือ อสุรกาย เป็นภูมิซึ่งเป็นผลของอกุศลกรรมที่เบากว่าอกุศลกรรมอื่น เพราะผู้ที่เกิดในภูมินี้เป็นผู้ที่ไม่มีความรื่นเริงใดๆ เท่านั้นเอง ในภูมิมนุษย์มีหนังสือพิมพ์อ่าน มีหนังมีละครดู มีเพลงฟัง แต่ในอสุรกายภูมินั้น เป็นภูมิที่ไม่รื่นเริง ไม่สามารถแสวงหาความเพลิดเพลินสนุกสนานได้เหมือนอย่างในสุคติภูมิ

    เพราะฉะนั้น เมื่ออกุศลกรรมมีต่างกัน ภูมิซึ่งเป็นที่เกิด เป็นผลของอกุศลกรรมก็ต่างกันด้วย

    แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 997


    หมายเลข 13732
    28 พ.ย. 2568