มหาชนกชาดก


    ในพระไตรปิฎกมีข้อความที่จะทำให้ได้ฟังพระดำริของพระโพธิสัตว์ ในชาติที่เป็นพระมหาชนก จะเห็นความคิดของพระโพธิสัตว์ที่มีความหน่ายในชีวิตของฆราวาส

    ใน ขุททกนิกาย ชาดก มหาชนกชาดก มีข้อความว่า

    เมื่อไรเราจึงจักละพระนครมิถิลาอันบริบูรณ์ ซึ่งนายช่างผู้ฉลาดจัดการสร้างแบ่งไว้เป็นส่วนๆ ออกบวชได้

    ทั้งที่เป็นพระนครอันบริบูรณ์ จัดสร้างไว้เป็นส่วนๆ มีความเพียบพร้อม สมบูรณ์ มีปราสาทราชมณเฑียรต่างๆ แต่พระโพธิสัตว์ก็ยังมีพระดำริว่า

    เมื่อไรเราจึงจักละพระนครมิถิลาอันบริบูรณ์ออกบวชได้

    เมื่อไรเราจึงจักละวิเทหรัฐอันบริบูรณ์ มีการสะสมธัญญาหาร เป็นต้น ไว้พร้อมมูล อันพระเจ้าวิเทหราชทรงปกครองโดยธรรมออกบวชได้

    เมื่อไรเราจึงจักละพระราชมณเฑียรอันรื่นรมย์ มีกลิ่นหอมจรุงใจ ออกบวชได้

    เมื่อไรเราจึงจักละบัลลังก์ทอง อันลาดด้วยผ้าโกเชาว์อย่างวิจิตร ออกบวชได้

    เมื่อไรเราจึงจักละผ้าฝ้าย ผ้าไหม ผ้าโขมพัสตร์ ผ้าโกทุมพรพัสตร์ ออกบวชได้

    เมื่อไรเราจึงจักละสระโบกขรณี อันน่ารื่นรมย์ มีนกจากพรากมาส่งเสียงพร่ำเพรียกอยู่ ดารดาษด้วยดอกมณฑา ดอกปทุม และดอกอุบล ออกบวชได้

    เมื่อไรเราจึงจักละรถทอง มีเครื่องครบครัน ติดธงประจำ หุ้มด้วยหนังเสือเหลืองและเสือโคร่ง ประดับด้วยเครื่องอลังการทั้งปวง อันนายสารถีสวมเกราะ ถือธนู ขึ้นขี่ประจำ ออกบวชได้

    เมื่อไรเราจึงจักละพวกราชบุตร ผู้ประดับด้วยเครื่องอลังการทั้งปวง สวมเกราะอันวิจิตร กล้าหาญ ถือกฤชทอง ออกบวชได้

    เมื่อไรเราจึงจักละหมู่พราหมณ์ผู้ครองผ้า ประดับประดาลูบไล้ตัว ด้วยจุณจันทน์เหลือง ทรงผ้าเนื้อดี อันมาแต่แคว้นกาสี ออกบวชได้

    เมื่อไรเราจึงจักละหมู่อำมาตย์ ผู้ประดับด้วยเครื่องอลังการทั้งปวง สวมเกราะเหลือง กล้าหาญ เดินไปข้างหน้า เป็นระเบียบเรียบร้อย ออกบวชได้

    เมื่อไรเราจึงจักละนางสนมกำนัล ประมาณ ๗๐๐ คน ผู้ละมุนละไม สะโอด สะอง ออกบวชได้

    เมื่อไรเราจึงจักละนางสนมกำนัล ประมาณ ๗๐๐ คน ผู้ว่านอนสอนง่าย เจรจาไพเราะน่ารัก ออกบวชได้

    เมื่อไรเราจึงจักละถาดทองคำหนัก ๑๐๐ ปัลละ จำหลักลวดลายตั้ง ๑๐๐ ออกบวชได้

    เมื่อไรผู้ซึ่งเคยติดตามเรา จึงจะไม่ติดตามเรา

    เมื่อไรเราจึงจักได้ปลงผม ห่มผ้าสังฆาฏิ อุ้มบาตร เที่ยวบิณฑบาตไป

    เมื่อไรเราจึงจักทรงผ้าสังฆาฏิ อันทำด้วยผ้าบังสุกุลซึ่งเขาทิ้งไว้ที่หนทางใหญ่

    เมื่อไรเมื่อฝนตกตลอด ๗ วัน เราจึงจักมีจีวรเปียกชุ่ม เที่ยวบิณฑบาต

    เมื่อไรเราจึงจักได้จาริกไปตามต้นไม้ ตามราวป่า ตลอดทั้งกลางวันกลางคืน เที่ยวไปโดยไม่ต้องห่วงหลัง

    เมื่อไรเราจึงจักละความกลัวและความขลาดได้เด็ดขาด เที่ยวไปผู้เดียว ไม่มีเพื่อนสอง ตามซอกเขาและลำธาร

    เมื่อไรเราจึงจักได้ทำจิตให้ตรง ดังคนดีดพิณ ดีดสายพิณทั้ง ๗ สาย ให้เป็นเสียงรื่นรมย์ใจ ความดำรินั้นจักสำเร็จได้เมื่อไรหนอ

    เมื่อไรเราจึงจักตัดเสียได้ซึ่งกามสังโยชน์ ทั้งที่เป็นของทิพย์ ทั้งที่เป็นของมนุษย์ เหมือนช่างหนังตัดรองเท้าโดยรอบ ฉะนั้น

    เคยคิดอย่างนี้ไหม ไม่ใช่ว่าปกติก็ผูกพัน ชอบไว้เต็มเลย แต่แล้วก็จะไปละชั่วคราวด้วยความต้องการ แต่ใจจริงๆ นั้นไม่เคยหน่ายเลย ผูกไว้แน่นทีเดียว แต่จะไปทำ ได้แล้วจะกลับมา นี่ไม่ตรง ไม่ถูกตามเหตุผลเลย ... แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 35


    หมายเลข 13483
    24 พ.ย. 2568