ความเป็นธรรมไม่ต้องแยกว่าหญิงหรือชาย


    ผู้ฟัง กระผม พ.ท. สุรินทร์ อ้วนศรี อนุศาสนาจารย์กองพลทหารม้าที่ ๑ ขออนุญาตเรียนถามว่า ปัจจุบันชาวพุทธ มักจะมีความเชื่อว่า การได้อุปสมบทเป็นพระ เป็นการตอบแทนพระคุณบิดามารดาอย่างสูงสุด ถ้ามองตรงนี้ก็เหมือนเป็นโอกาสดีที่สุดของผู้ชาย และเป็นโอกาสที่ด้อยของสตรี ที่ไม่ได้ตอบแทนบุญคุณของพ่อแม่ ตามความเชื่อที่อาจจะถูกปลูกฝังมาตั้งแต่อดีตกาล ผมคิดว่า คำตอบของท่านอาจารย์จะเป็นแรงบันดาลใจให้สตรีได้อุปถัมภ์ค้ำชูพระพุทธศาสนา และเป็นแรงให้อนุรักษ์รักษาพระพุทธศาสนาให้มั่นคงยิ่งขึ้น เหมือนอย่างที่อาจารย์ได้ศึกษา และปฏิบัติธรรม นำมาเผยแพร่ และขอให้ท่านอาจารย์ช่วยแนะนำทางปฏิบัติที่ถูกต้องจริงๆ เพื่อสตรีจะได้ไม่น้อยใจในเรื่องนี้ครับ

    สุ. ในครั้งพุทธกาลมีพระภิกษุณีหรือเปล่า ที่ได้บรรลุถึงความเป็นพระอรหันต์ และถึงแม้ว่าไม่ถึงความเป็นพระอรหันต์ในเพศของบรรพชิตที่เป็นหญิง คือ ภิกษุณี แต่ก็มีอุบาสิกามากมายที่ได้เป็นพระโสดาบัน เป็นพระสกทาคามี เป็นถึงพระอนาคามีบุคคล เพราะเหตุว่าการที่จะดับกิเลสหมดแล้ว จะอยู่ในเพศคฤหัสถ์ เป็นไปไม่ได้ ก็ต้องบวช แต่เมื่อไม่ถึงความเป็นพระอรหันต์ ก็สามารถบรรลุคุณธรรม ถึงความเป็นพระอนาคามี ผู้ชายในยุคนั้นที่ไม่ได้เป็นพระโสดาบัน มีไหม ก็มี

    เพราะฉะนั้นความเป็นผู้รู้ หรือผู้ที่ศึกษาธรรม ผู้ที่เข้าใจธรรม ไม่ได้จำกัดเพศ และในครั้งนั้นก็มีอุบาสิกาซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในการแสดงธรรม เป็นธรรมกถึก และเป็นเอตทัคคะในทางอื่นด้วย เพราะฉะนั้นการยกย่องไม่ได้ยกย่องที่เพศว่า หญิงหรือชาย แต่ยกย่องที่ปัญญา คือ ความรู้ถูก ความเห็นถูก แม้ในครั้งพุทธกาล

    นี่ก็แสดงให้เห็นถึงความเป็นธรรมซึ่งไม่ได้หมายความว่า จะต้องมีการแบ่งแยก หรือหญิงจะเป็นเสมอชายไม่ได้ แต่ตามความเป็นจริงแต่ละบุคคลที่มีชื่อต่างๆ กัน เช่น นักร้อง เพราะร้อง นักกีฬา เพราะกีฬา เพราะฉะนั้นผู้ที่เป็นพระอริยบุคคล ท่านก็เป็นพระโสดาบัน หรือพระสกทาคามี พระอนาคามี พระอรหันต์ ตามคุณธรรมของท่าน

    ด้วยเหตุนี้ไม่ว่าใครยุคไหน ก็มีโอกาสศึกษาธรรม และก็เป็นคนดีที่คนอื่นยกย่องในความดี ไม่ได้ยกย่องในเพศ ไม่ได้เลือกว่า เพศนี้ยกย่องไม่ได้ เพศนั้นต้องยกย่อง แต่ว่ายกย่องในความดี ถ้าเป็นผู้ชายที่ไม่ดี จะยกย่องไหม กับเป็นผู้หญิงที่ดี หรือเป็นเด็กอายุเท่าไรก็ได้ แต่เป็นเด็กดี เราชื่นชมในคุณความดี และตามความเป็นจริงไม่มีอะไรเหลือ ความดีเกิดขึ้นชั่วขณะหนึ่งแล้วก็ดับไป ถึงที่สุด คือ ไม่มีการเกิดเป็นใครเลยทั้งสิ้น ขณะนี้เราอาจจะบอกว่า คนนี้ดี เพราะว่าเขาทำความดีหลายอย่าง มีอนุสาวรีย์ แต่เดี๋ยวนี้เขาอยู่ไหน มีจริงๆ หรือเปล่า ชื่อนั้นอยู่ที่ไหน ณ บัดนี้ ฉันใด ณ บัดนี้ก็มีแต่ชื่อ แต่สภาพธรรมก็เกิดดับหมดไปทุกขณะ ไม่เหลือเลย จนกว่าจะถึงวันที่ไม่เหลือจริงๆ เหลือแต่ชื่อ เพราะฉะนั้นชื่อก็ไม่มีใครเป็นเจ้าของ ใครจะเป็นเจ้าของชื่อนั้นอีก คนนั้นก็เกิดเป็นอะไรที่ไหนแล้ว และสิ่งที่มีก็เป็นเพียงความทรงจำในชื่อ แต่สภาพธรรมตามความเป็นจริงก็ไม่มีอะไรเหลือ ต้องเข้าถึงความจริงค่ะ

    ผู้ฟัง รวมความแล้ว การอุปสมบทเป็นพระภิกษุก็ไม่ใช่เป็นหนทางเดียวที่จะตอบแทนพระคุณบิดามารดา ถูกต้องไหมครับ

    สุ. เป็นคนดีวันนี้ เมื่อไร นั่นคือตอบแทนคุณ

    ผู้ฟัง รวมความว่า สตรีถ้าเข้าถึงธรรม ปฏิบัติธรรมอย่างถูกต้อง ก็คือการตอบแทนพระคุณมารดาบิดาได้เช่นเดียวกัน

    สุ. ก็ต้องทราบว่า บวชเพื่ออะไรคะ เพื่อดีกว่าคฤหัสถ์ใช่ไหมคะ แต่ตอนนี้เป็นคฤหัสถ์ ยังไม่ได้เป็นพระภิกษุ ก็ดีได้ไหม ถ้าเป็นคฤหัสถ์ยังดีไม่ได้ จะหวังว่าจะดีถึงพระภิกษุ เป็นไปได้อย่างไร


    ที่มา ...

    พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 356


    หมายเลข 12503
    25 ส.ค. 2567