การสะสมของแต่ละภพแต่ละชาติ


        นภา เนื่องจากในเรื่องของคุณธรรมที่ต่างกัน ตามการศึกษาเพื่อจะได้เข้าใจด้วยว่า มันมาจากอย่างไรบ้าง มาจากอรหัตผลจิตใช่ไหม เพราะว่าถ้าบางคนก็จะบอกว่า เป็นพระอรหันต์ เราก็สามารถรู้ได้ว่า เป็นได้อย่างไร ถ้าเป็นสามารถจะรู้อะไรได้มากกว่าปกติ

        สุ. ค่ะ พระอรหันต์ก็ได้กล่าวโดยประเภทใหญ่ๆ ก็แยกเป็น ๒ ประเภท คือ พระอรหันต์ที่เป็นปัญญาวิมุติ สามารถรู้แจ้งอริยสัจธรรมโดยไม่ได้อบรมความสงบที่เป็นสมถภาวนาถึงขั้นอัปปนาสมาธิ ที่เป็นฌานจิตขั้นต่างๆ

        นี่ก็แสดงให้เห็นว่า แม้แต่ในครั้งพุทธกาล แต่ละท่านที่รู้แจ้งอริยสัจธรรมก็ต่างกันไป ในบรรดาผู้เป็นพระอรหันต์ และรู้แจ้งอริยสัจธรรมพร้อมด้วยองค์ของฌานขั้นต่างๆ มีน้อยกว่าผู้ที่รู้แจ้งอริยสัจธรรม โดยที่ไม่ได้อบรมเจริญสมถภาวนา

        นี่ก็แสดงให้เห็นถึงความจริงอย่างหนึ่ง ถึงความต่าง เพราะฉะนั้นถ้าเป็นผู้ที่ไม่ได้มีความสงบระดับขั้นของสมถะ สามารถจะมีอิทธิ ความสำเร็จในทางหนึ่งทางใด ต่างจากผู้เป็นปัญญาวิมุติหรือเปล่า

        นี่ก็แสดงความต่างกัน และสำหรับผู้ที่แม้ไม่ใช่ใครเลยทั้งสิ้น เป็นปุถุชนธรรมดาอย่างนี้แหละ แต่ก็อาจจะมีความคิดที่ละเอียด และอาจมีความคิดที่บางครั้งก็อาจจะตรง บางครั้งก็ไม่ตรง เราจะมานั่งสงสัยว่า ทำไมเป็นอย่างนี้ อย่างบางคนบอกว่าฝันแม่น บางคนฝันเลอะเทอะ ก็เป็นแต่เพียงความฝัน

        นี่ก็เป็นการสะสมของแต่ละภพแต่ละชาติซึ่งต่างกันไป เพราะฉะนั้นความละเอียดปลีกย่อยมีมาก ที่จะรู้ว่า บุคคลนั้นเป็นใคร และมีความสามารถระดับไหน หรือเป็นเพียงความสะสมของอดีตชาติที่แต่ละขณะของกุศลจิต และอกุศลจิตที่เกิดขึ้น และดับไป จะสะสมสืบต่ออยู่ในจิตขณะต่อๆ ไป ซึ่งมองไม่เห็นจิตเลย นามธรรมล้วนๆ ไม่มี รูปธรรมเจือปนเลย แต่หลากหลายด้วยการสะสมสิ่งที่เกิดแล้ว ทั้งที่เป็นกุศล และอกุศล และความสามารถต่างๆ ในแต่ละชาติซึ่งต่างกันไปด้วย

        นี่ก็แสดงให้เห็นถึงความหลากหลายซึ่งทำให้บุคคลแต่ละบุคคล จะเป็นพระอรหันต์ หรือไม่เป็น จะเป็นผู้ที่เป็นพระอริยบุคคล หรือไม่เป็น จะเป็นปุถุชนธรรมดาไม่เข้าใจธรรมเลย แต่ก็มีการสะสมมาที่ต่างๆ กัน ตามเหตุตามปัจจัย

        นภา บางท่านที่บอกว่าเป็นพระอรหันต์ ก็จะได้ทราบว่า ถ้าสามารถรู้วันตาย คงจะเป็นพระอรหันต์ แต่เท่าที่รู้ๆ มา ก็มีผู้บอกว่า ไม่มีใครรู้วันเกิดวันตายทั้งสิ้น แต่พอมาเรียนมาศึกษาแล้วถึงได้ทราบว่า พระอรหันต์สามารถรู้วันที่จะปรินิพพานได้

        สุ. พระอรหันต์ บุคคลประเภทไหน ที่ประกอบด้วยฌาน หรือไม่ประกอบด้วยฌาน และการที่จะมีอิทธิฤทธิ์ต่างๆ ได้ ต้องเป็นผู้มีวสี ความชำนาญอย่างมาก มีการฝึกหัดอบรม ซึ่งก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งเราสามารถรู้ได้ไหม ถ้าเรายังไม่สามารถจะรู้ได้ แต่เหตุกับผลมี แล้วก็ศึกษาในเหตุผลให้ละเอียดขึ้น

        นภา เพียงแต่ถามเพื่อความเข้าใจเท่านั้นค่ะ คงไม่ได้ไปมองใคร แต่เมื่อคนพูดอะไร เราจะได้เข้าใจเองได้ว่า อยู่ตรงไหนบ้าง เขาพูดด้วยอะไรที่ถาม

        สุ. เพราะฉะนั้นหนทางที่ดีที่สุด คือ ขอทราบหลักฐานมาจากไหนที่กล่าวว่าอย่างนั้น เราจะได้ความเข้าใจแน่ใจว่าถูกต้องตามหลักฐานที่ได้ทรงแสดงไว้ มิฉะนั้นก็เพียงอ่านพระไตรปิฎกข้อความสั้นๆ หรือว่าฟังธรรมเล็กๆ น้อยๆ ต่อจากนั้นคิดเองหมด ถ้าเป็นผู้ศึกษา เราก็ค่อยๆ พิจารณาเข้าใจได้ว่า เราสามารถเข้าใจได้ระดับไหน มากน้อยแค่ไหน แต่ส่วนบุคคลอื่นพูด ก็ต้องมีเหตุผล และต้องมีที่มาที่จะให้เข้าใจขึ้น

        ที่มา ...

        พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 309


    หมายเลข 12283
    24 ม.ค. 2567