ประมาณความเข้าใจธรรมว่า มีความเข้าใจในสิ่งที่ปรากฏแค่ไหน


        นภา บุคคลที่สามารถรู้วันตายเป็นคุณธรรมของอรหัตผล หรือจะเป็นที่ญาณคะ

        สุ. เท่าที่ทราบ จิตทุกคนขณะนี้ต่างกัน หลากหลายไม่เหมือนกันเลย จิตของคนทุกวันนี้ ขณะนี้ เป็นระดับของบุคคลในครั้งที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้ายังไม่ทรงดับขันธปรินิพพานหรือเปล่า หรือว่าไกลกันมาก เพราะฉะนั้นก็มีจิตหลายระดับ แต่ผู้นั้นจิตนั้นไม่ได้เกิดขึ้น ก็ไม่มีทางจะรู้ได้เลย เพราะฉะนั้นแทนจะคิดถึงว่า มีไหม เป็นใคร เพราะอะไร ถ้าสิ่งใดมีจริงเกิดขึ้น จะต้องมีเหตุที่ทำให้เป็นอย่างนั้น ผู้ที่ไม่มีบุคคลใดเปรียบปานได้เลยในจักรวาลทั้งหมดเลย จะกี่จักรวาลก็ตามแต่ คือ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะฉะนั้นเป็นผู้ที่ไม่มีใครสามารถจะคาดคะเนถึงปัญญาของพระองค์ได้ เราก็ไม่ต้องไปนึกถึง แต่เราก็มานึกถึงคนที่ไม่ใช่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า มีใคร สามารถจะรู้ได้ไหม เป็นอย่างไร แต่จริงๆ แล้ว ก็ไม่ใช่สิ่งที่น่าสนใจเลย เพราะเป็นเพียงความคาดคะเน แต่ทรงแสดงให้เห็นว่า ไม่คำนึงถึงสิ่งที่ล่วงแล้ว และสิ่งที่ยังไม่มาถึง

        นี่เป็นพุทธโอวาทซึ่งเตือนว่า ขณะนี้มีสิ่งที่มีจริงๆ แล้วยังไม่รู้ความจริงของสิ่งที่มีจริงในขณะนี้ เพราะฉะนั้นฟังเรื่องสิ่งที่มีจริงในขณะนี้ให้เข้าใจสิ่งที่กำลังมี ทุกขณะที่ได้ฟัง เริ่มมีปัจจัยเป็นสังขารขันธ์ปรุงแต่งให้คล้อยตามที่ลักษณะของสภาพธรรม ให้รู้ว่า ขณะนี้สิ่งที่ปรากฏมีจริงๆ เป็นธรรมชนิดหนึ่งที่เพียงปรากฏ ไม่ใช่ความคิดนึกเรื่องใดๆ เลยทั้งสิ้น เพราะถึงแม้ว่ากำลังนั่งที่นี่ มีสิ่งที่ปรากฏขณะนี้ คิดเรื่องอื่นได้ไหมคะ ได้

        เพราะฉะนั้นก็แสดงให้เห็นว่า ความคิดเป็นเรื่องหนึ่ง และสิ่งที่กำลังปรากฏเป็นอีกอย่างหนึ่ง แต่เพราะไม่รู้ความจริง และคุ้นเคยต่อการคิดเรื่องอื่น พอเห็นก็ไม่ได้สนใจที่จะเข้าถึงลักษณะของสภาพธรรมที่ปรากฏว่า เป็นธรรมอย่างหนึ่งซึ่งปรากฏแล้วหมดไปก่อนที่จะมีการคิดเรื่องอื่น และก็จะมีการเห็นอีก สภาพธรรมนี้ก็ปรากฏอย่างนี้แหละ ไม่เป็นอื่น และก็ไปคิดเรื่องอื่นอีก หรืออาจจะกำลังคิดเรื่องรูปร่างของสิ่งที่กำลังปรากฏก็ได้ แต่ต้องมีความเข้าใจที่ละเอียด ที่ถูกต้องว่า สิ่งที่ปรากฏทางตาเป็นธรรมอย่างหนึ่ง

        เพราะฉะนั้นถ้าจะรู้ความจริงที่จะดับความเห็นผิด เพราะไม่รู้ จึงยึดถือว่าเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดก็คือว่า ตราบใดที่ยังไม่มีการค่อยๆ เข้าใจว่า สิ่งที่ปรากฏเป็นธรรมจริงๆ อย่างหนึ่ง แล้วที่คิดเรื่องราวต่างๆ พูดต่างๆ หรืออะไรต่างๆ นั้น ก็ไม่ใช่สิ่งที่ปรากฏทางตา และไม่ใช่จิตเห็น

        อย่างนี้คงจะเป็นประโยชน์กว่า เพราะเรื่องที่จะคิดมีมากมายหลายเรื่องค่ะ แต่ละคนก็สะสมมาที่จะคิดเรื่องนั้นบ้าง เรื่องนี้บ้าง แต่เรื่องที่เป็นประโยชน์สูงสุด ที่จะทำให้ไม่ลืมว่า มีลักษณะของธรรมปรากฏจนกว่าจะค่อยๆ เข้าใจขึ้น แต่สำหรับขณะนี้ถ้าศึกษาธรรมก็จะรู้ได้ว่า เพียงสิ่งที่ปรากฏทางตา เราก็สามารถจะประมาณความเข้าใจธรรมของเราได้ว่า ที่ฟังมาทั้งหมดมีความเข้าใจในสิ่งที่ปรากฏทุกวันแค่ไหน

        เพราะฉะนั้นเมื่อเทียบแล้ว ปัญญาน้อยแค่ไหน กว่าจะประจักษ์ว่า สภาพธรรมขณะนี้เป็นอย่างนี้ เกิดดับ

        ที่มา ...

        พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 309


    หมายเลข 12282
    24 ม.ค. 2567