ประโยชน์ที่แท้จริง


        สุ. เพราะฉะนั้นภพนี้ฉันใด สวรรค์ก็ฉันนั้น รูปพรหม อรูปพรหม ก็ฉันนั้น ทุกวันก็ผ่านไปด้วยความไม่รู้ ต่อเมื่อใดที่มีปัญญาเกิดขึ้น ที่สามารถจะรู้ลักษณะของสภาพธรรม เมื่อนั้นจึงจะเป็นญาณจริยา

        เพราะฉะนั้นจริงๆ ในสังสารวัฏฏ์ก็มีอยู่ ๓ อย่าง ที่ควรจะเห็น คือ วิญญาณจริยา เป็นความประพฤติเป็นไปของจิตในแต่ละภพ แต่ละชาติ ซึ่งต้องเป็นอย่างนั้น ห้ามไม่ได้ที่จะไม่ให้เกิดขึ้น และหลังเห็นแล้ว ได้ยินแล้ว ก็ห้ามไม่ได้ที่จะให้อกุศลเป็นไป แต่ต้องเห็นโทษจริงๆ และโทษอย่างนี้จะละด้วยอะไร ไม่ใช่กุศลอื่นๆ ธรรมดา แม้แต่รูปฌาน อรูปฌาน ซึ่งมากกว่า สงบกว่ากุศลเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวันก็ยังไม่ได้กล่าวถึง เพราะเหตุว่าก็เหมือนกับความฝัน ก็เกิดขึ้นเป็นไปแล้วก็หมดไป ด้วยความไม่รู้เรื่อยๆ แม้ว่าลักษณะของสภาพธรรมจะปรากฏ ต่อเมื่อใดปัญญาเริ่มเข้าใจลักษณะที่มีจริงๆ อบรมจนกระทั่งแทงตลอด ประจักษ์ความจริงของสภาพธรรม นั่นคือประโยชน์สูงสุด แต่ไม่ใช่กุศลอื่น กุศลอื่นเกิดแล้วก็หมดไป ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็เหมือนกัน ชั่วชาติหนึ่งๆ เท่านั้นเอง

        เพราะฉะนั้นต้องมีความเข้าใจว่า เราจะมีความพึงพอใจเพียงแค่กุศล หรือรู้ว่า ไม่ว่าจะเป็นกุศลประเภทใดก็เหมือนกัน เกิดแล้วก็หมดไป เกิดแล้วก็หมดไป แล้วก็ยังสั่งสมอกุศลไว้มากมายด้วย ถ้าไม่มีปัญญาที่จะรู้ความจริง

        เพราะฉะนั้นประโยชน์แท้จริง เมื่อมีการเห็น การได้ยิน คือ มีการอบรมเจริญปัญญาที่จะรู้ความจริงของสภาพธรรม มิฉะนั้นแล้วก็เป็นเพียงแค่กุศลที่จะนำไปสู่ภพชาติต่างๆ

        สุกิจ อันนี้เป็นความจริงครับ จนกระทั่งบางครั้งทั้งกุศล และอกุศลก็วางเฉยหมด

        สุ. แต่ไม่ใช่ความรู้

        สุกิจ ใช่ครับ

        ที่มา ...

        พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 293


    หมายเลข 12207
    27 ม.ค. 2567