จักขุปสาทรูป


        ผู้ฟัง จักขุนทรีย์ที่เป็นตา ทางด้านธรรมก็คงแตกต่างจากตาที่เรารู้สึกว่าเป็นดวงตา ใช่ไหมคะ อย่างยกตัวอย่างที่ท่านอาจารย์บอกว่า เวทนาอะไรที่เกิดกับจิตเห็น ทราบว่าเป็นอุเบกขาเวทนา จากเรื่องของอินทรีย์ก็คือจิตที่เห็น ไม่ใช่ดวงตาทั่วๆ ไปของเรา เพราะว่าถ้ายัง ธรรมดาของเรา ก็คิดว่าตา เวลาตาเจ็บ หรือโรคทางตา ท่านอาจารย์กรุณาอธิบาย

        สุ. กำลังมีตา แต่ตาอยู่ตรงไหน ที่สามารถกระทบกับสิ่งที่กำลังปรากฏขณะนี้ เพราะว่าตามความเข้าใจของเรา เราคิดว่าเราเห็นตาได้ ถูกต้องไหมคะ นี่ก็ผิดตั้งแต่ต้น เพราะเหตุว่าตาเป็นรูปๆ หนึ่ง ไม่ใช่สีสันวัณณะ แยกกัน สีสันวัณณะที่ปรากฏ สามารถกระทบจักขุปสาท แต่ตัวจักขุปสาทไม่ใช่ตาทั้งหมดที่เราเรียกว่า ตาขาว ตาดำ ต้องเป็นเฉพาะส่วนที่สามารถกระทบกับสิ่งที่กำลังปรากฏ และจิตเห็นเกิดขึ้นเห็น เพราะฉะนั้นก็อยู่ตรงกลางตา และเล็กมาก ตาขาวก็ไม่ใช่จักขุปสาท ตาดำทั้งหมดก็ไม่ใช่ อะไรที่เราเห็น สิ่งที่เห็นเป็นสิ่งที่ปรากฏทางตา

        เพราะฉะนั้นรูปอื่นทั้งหมดเรากล่าวถึง แต่มองไม่เห็นเลย เช่น แข็ง มีใครมองเห็นบ้าง เห็นแต่สิ่งที่ปรากฏเป็นสีสันวัณณะต่างๆ ต่อเมื่อใดกระทบจึงรู้ว่าแข็ง แล้วเวลาที่หลับตา กระทบแข็งก็ปรากฏได้ แต่ไม่ปรากฏสีสันวัณณะ เพราะฉะนั้นแข็งก็เป็นรูปหนึ่ง สีสันวัณณะก็เป็นอีกรูปหนึ่ง ฉันใด จักขุปสาทก็ไม่ใช่สีสันวัณณะที่ปรากฏ แต่ทุกรูปที่เกิดจะต้องเกิดกับมหาภูตรูป คือ ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม ซึ่งเป็นรูปที่เป็นใหญ่ เป็นประธาน รูปทั้งหมดมี ๒๘ รูป ที่เป็นมหาภูตรูป เป็นใหญ่ เป็นประธาน ๔ รูป รูปอื่นนอกจากนั้นทั้งหมดอาศัยมหาภูตรูป เกิดกับมหาภูตรูป แม้จักขุปสาท ในกลุ่มของรูปที่มีจักขุปสาทเกิด ก็ต้องมีธาตุดิน น้ำ ไฟ ลม เมื่อมีธาตุดิน น้ำ ไฟ ลม ก็มีสี มีกลิ่น มีรส มีโอชา รวมอยู่ด้วย ๘ รูป เป็นรูปที่แยกกันไม่ได้เลย แม้แยกกันไม่ได้ แต่รูปใดอาศัยรูปใดเกิด ใน ๘ รูปที่แยกกันไม่ได้ มหาภูตรูป ๔ เป็นใหญ่ รูปอีก ๔ รูป อาศัยมหาภูตรูปเกิด

        เพราะฉะนั้นจักขุปสาทไม่ใช่ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม แต่เวลาที่ที่ใดมีจักขุปสาท ที่นั่นก็จะปราศจากธาตุดิน น้ำ ไฟ ลม สี กลิ่น รส โอชาไม่ได้ แต่มีจักขุปสาทเกิดร่วมด้วยในกลาป หรือในกลุ่มนั้น และเมื่อเป็นรูปที่เกิดจากกรรมเป็นสมุฏฐาน ก็มีชีวิตรูป หรือชีวิตินทรียรูปเกิดร่วมด้วยในกลุ่มที่เล็กที่สุด

        เพราะฉะนั้นเราก็จะรู้ได้ว่า กลุ่มที่เล็กที่สุดที่เป็นรูปที่สามารถกระทบกับจักขุปสาท มองไม่เห็นเลย ทั้งหมดทั่วตัว หรือนอกตัว สิ่งที่ปรากฏเป็นรูปชนิดหนึ่ง ซึ่งสามารถกระทบจักขุปสาท จึงปรากฏกับจิตที่กำลังเห็น

        เพราะฉะนั้นก็แยกไปให้ละเอียดขึ้นๆ สิ่งที่ปรากฏทางตา ไม่ใช่จักขุปสาท จิตเห็นไม่ใช่จักขุปสาท ธาตุดิน น้ำ ไฟ ลม ไม่ใช่จักขุปสาท รูปอื่นๆ ก็ไม่ใช่จักขุปสาท แต่จักขุปสาทสามารถกระทบกับสิ่งที่ปรากฏทางตา เวลาเกิดต้องเกิดร่วมกับรูปอื่นด้วย ไม่แยกไปเกิดต่างหาก

        ที่มา ...

        พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 291


    หมายเลข 12195
    27 ม.ค. 2567