ฟังธรรมเพราะอยากเข้าใจหรือเพื่อ


        สุ. เพราะฉะนั้นจึงเป็นผู้ไม่ประมาทในการฟัง ในกุศลแม้เพียงเล็กน้อย เพราะว่าเพียงแค่เป็นคนดี ยังไม่ต้องรู้แจ้งอริยสัจธรรม วันนี้เป็นอะไร ถ้ากล่าวโดยสภาพของจิต ยังไม่ได้ทำทุจริตกรรม แต่จิตที่ยังไม่ได้ทำทุจริตกรรมเป็นกุศล หรือเป็นอกุศล เพราะฉะนั้นกว่าที่จะละชั่ว ไม่มีหนทาง ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรม และมีปัญญาเจริญขึ้น

        เพราะฉะนั้นยังไม่ต้องไปถึงการดับกิเลสหมด เพียงรู้ตัวว่า เป็นคนดี หรือไม่ดีในวันหนึ่งๆ ระดับไหน ถ้าเป็นระดับที่ไม่ทำทุจริตก็ได้ แต่แม้ไม่ทำทุจริต จิตเป็นอกุศล เห็นโทษ หรือเปล่า และถ้าไม่เห็นโทษ ก็พอใจแล้วเพียงขั้นไม่ทำอกุศล ถ้าเป็นอย่างนี้เมื่อไรจะดับอกุศลได้

        ผู้ฟัง และถ้าเห็นโทษ แล้วเกิดเศร้าหมองละคะ

        สุ. เป็นธรรม หรือเปล่า

        ผู้ฟัง เป็นธรรมค่ะ

        สุ. นี่ลืมแล้วว่าเป็นเรา ก็ลืมไปเรื่อยๆ ว่า เป็นธรรม จนกว่าจะมั่นคงว่า ขณะนั้นก็เป็นลักษณะของธรรมนั่นเอง เห็นไหมคะว่า ยากแค่ไหน จากสิ่งที่คุ้นเคยมาแสนนานว่าเป็นเรา แต่ความจริงไม่ใช่เรา ก็หลงผิด เข้าใจผิด จำผิดมาโดยตลอด

        ผู้ฟัง ก็ยังสนใจต่อไปอีก

        สุ. แล้วจะไปถึงอนัตตสัญญาได้ไหม เห็นไหมคะ จากการฟัง ขั้นฟัง จำชื่อนี้ได้ แต่เวลาที่สภาพธรรมเกิดขึ้นปรากฏ เป็นอะไร เป็นอัตตา เป็นอัตตสัญญา หรือเป็นอนัตตสัญญา ก็ต้องเป็นผู้ตรง ทุกอย่างต้องเป็นไปตามลำดับ อย่างมั่นคง อย่างจริงใจ ซึ่งก็เป็นสัจจบารมี ความจริงใจที่จะเข้าใจลักษณะของสภาพธรรม ไม่ใช่เพื่ออย่างอื่น ไม่ใช่เพื่อตัวเราจะเป็นคนดี ไม่ใช่เพื่อลาภ เพื่อยศ เพื่อสรรเสริญ เพื่อสุข เพื่อสักการะ แต่มีความจริงใจที่จะเข้าใจลักษณะของสภาพธรรม โดยความเป็นผู้ตรง เข้าใจระดับไหนจากการฟัง จากการคิดไตร่ตรอง ก็เป็นความจริงใจ

        เพราะฉะนั้นคนที่เข้าใจว่า ไปรวบรวมจำ ๑๐ บารมีนี้ได้ แล้วก็จะไปทำบารมี คือ เขาคิดว่า เขาไม่สามารถทำบารมีได้ ถ้าเขาไม่ได้จำชื่อนี่ เขาก็เรียบเรียง ๑๐ ชื่อ เพื่อทำบารมี โดยไม่รู้ว่า ขณะที่กำลังเข้าใจธรรมเป็นบารมี ไม่ต้องไปทำอื่นอีกเลย วิริยะธรรมดาที่เราชอบสิ่งนั้นสิ่งนี้บ้าง ทำสิ่งโน้นสิ่งนี้บ้าง ในหน้าที่การงาน ไม่ใช่บารมี แต่ขณะใดที่มีศรัทธาฟังเข้าใจ ปัญญาบารมีมีไหม วิริยะบารมีมีไหม ขันติบารมีมีไหม สัจบารมีมีไหม

        เพราะฉะนั้นสำคัญมาก คือ สัจจะ ซึ่งคนส่วนใหญ่อาจจะไม่ได้คำนึงถึง ก็คิดเพียงว่า ฟังธรรมเพราะอยากเข้าใจ อยากเข้าใจเพราะเป็นเราเข้าใจ เพื่อความเป็นเรา หรือเพื่อเข้าใจธรรมว่าเป็นธรรม ไม่ใช่เรา

        นี่ก็เป็นเรื่องละเอียด เพราะว่าธรรมจริงๆ แล้วเป็นเรื่องที่ละเอียดมาก ต้องตั้งต้นด้วยความเป็นผู้ละเอียด ไม่ประมาท และจะเห็นความห่างไกลของปัญญาของผู้ที่ไม่ใช่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เพียงแต่อ่านคำที่ทรงแสดงไว้ที่โน่นบ้างที่นี่บ้าง และก็ไปเข้าใจ คิดว่าจะเข้าใจได้ นั่นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องเลย เพราะจริงๆ แล้ว ต้องมีมั่นคงที่จะเข้าใจธรรมที่ได้ยินได้ฟัง โดยไม่คลาดเคลื่อน แล้วโดยไม่ลืมที่จะกล่าวว่า เป็นธรรม หรือเป็นเรา

        ที่มา ...

        พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 282


    หมายเลข 12136
    23 ม.ค. 2567