ฟังเป็นปัจจัยให้เกิดการคิดและพิจารณาถึงธรรมที่ได้ฟัง


        อ.อรรณพ จิตแม้ประกอบด้วยสติ แม้ประกอบด้วยปัญญาด้วย ก็ได้ สำหรับผู้เป็นติเหตุกบุคคล ตอนหลับสนิทก็มีทั้งสติ มีทั้งปัญญา แต่สติ และปัญญานั้นไม่ได้ทำกิจระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ แต่เมื่อตื่นขึ้นมีการรู้อารมณ์ทางตาบ้าง ทางหูบ้าง ทางจมูกบ้าง ทางลิ้นบ้าง ทางกายบ้าง ทางใจบ้าง มีสภาพธรรมปรากฏในโลกทั้ง ๖ นี้ ถ้ามีการฟังธรรม มีการสะสมความเข้าใจในแนวทางการอบรมเจริญสติปัฏฐาน ก็มีโอกาสที่สติ และปัญญาจะเกิดขึ้นเป็นชาติกุศล เป็นกุศลชาติ ซึ่งระลึก และรู้ตรงลักษณะสภาพธรรมตามความเป็นจริง จิตขณะนั้นก็ผ่องใสเป็นกุศล

        เพราะฉะนั้นการที่กุศลที่ประกอบด้วยปัญญาที่เป็นสติปัฏฐานจะเกิดขึ้น ก็ต้องอาศัยเหตุปัจจัย ไม่ใช่จะเลือกว่า มหากุศลจิต ๘ ดวง อยากให้ดวงไหนเกิด อยากให้ดวงที่ประกอบด้วยปัญญาเกิด มีโสมนัสด้วยก็ยิ่งดี มีกำลังกล้าด้วยก็อยากให้เป็นอย่างนั้น แต่จริงๆ แล้วทุกอย่างขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัย แม้จะมีการเจริญสติปัฏฐานบ้าง แต่ในบางขณะก็เป็นกุศลที่ไม่มีปัญญาเกิดร่วมด้วย อันนั้นก็เป็นส่วนมากทีเดียว เพราะฉะนั้นก็ไม่มีอะไรดีกว่าการฟังธรรม และสะสมให้เข้าใจไปทีละเล็กทีละน้อย เหมือนพระสูตรเมื่อวาน ก็ไม่ได้แยกจากการสนทนาพื้นฐานพระอภิธรรม เพราะทุกอย่างก็เป็นพระอภิธรรม ขณะฟังธรรมเข้าใจ มีสติ มีปัญญาเกิดขึ้น เป็นสุตตมยปัญญา เมื่อฟังแล้วสะสมแล้ว ก็เป็นปัจจัยให้มีการคิดถึงธรรมที่ได้ฟัง ก็มีการพิจารณาถึงธรรมที่ได้ฟัง เพราะถ้าไม่ฟังธรรม ก็คงคิดแต่เรื่องที่โลภะชอบ และโทสะที่ผูกเอาไว้ต่างๆ แต่เมื่อฟังธรรมแล้วก็มีการคิดนึกพิจารณาถึงธรรม ขณะนั้นก็มีสติ มีปัญญา ขณะที่เป็นจุดเริ่มของการสะสมก็คือ การฟังธรรม เป็นอาสยะที่ดี

        ที่มา ...

        พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 268


    หมายเลข 12046
    23 ม.ค. 2567