มีความเป็นตัวตนคอยที่จะดึงกลับไปสู่ความไม่รู้ พฐ.5245
สุ. เพราะฉะนั้นการที่จะรู้ความจริง จึงเป็นฐานะอันลึก ไม่ใช่ให้เราไปกระวนกระวายอยากจะมีกุศลมากๆ แล้วมานั่งเปรียบเทียบว่า วันนี้กุศลเราน้อยไป ควรจะทำกุศลให้มากขึ้น ไม่ได้ละความไม่รู้ความจริงของสภาพธรรมว่า ขณะนั้นๆเป็นธรรมทั้งหมด
เพราะฉะนั้นจึงไม่ใช่ผู้ที่ไม่มีปัญญาจักษุที่จะเห็นว่า อะไรเป็นฐานะ และอะไรไม่ใช่ฐานะ ถ้าเป็นผู้ที่รู้ตัว มีอวิชชามาก ก็มีโลภะเป็นธรรมดา มีโทสะเป็นธรรมดา และการที่จะรู้จริงๆ ก็คือการฟัง มีความเข้าใจถูกต้องว่า ธรรมเป็นธรรม ไม่ใช่เรา และเมื่อมีความเข้าใจเท่าไร ก็คือเท่านั้น ถ้าเป็นเรา เดือดร้อน ขณะนั้นก็ไม่เข้าใจสิ่งที่ได้ฟังมาอีกว่า เป็นอนัตตา และก็เป็นธรรม คือมีความเป็นตัวตนคอยที่จะดึงกลับไปสู่ความไม่รู้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า แม้ความรู้ความเข้าใจว่า อะไรเป็นฐานะและอฐานะก็ลึก ไม่ใช่จะเข้าใจตื้นๆว่า เพียงแต่ฟังเข้าใจ กิเลสหมด วันนี้กุศลมาก มีความพอใจ นั่นไม่ใช่ฐานะเลย เพราะไม่สามารถที่จะรู้ได้ว่า ต้องมีความรู้จริงในลักษณะของสภาพธรรม ซึ่งถ้ามีความรู้ โมหะก็เบาบาง โลภะที่เกิดร่วมกับโมหะก็เบาบางได้ โทสะก็เบาบาง จนกว่าจะถึงการดับได้