พระพุทธศาสนาในประเทศไทย หายาก *
ท่านอาจารย์ ถ้ามีคนถามคุณสุคินว่า พระพุทธศาสนาที่เมืองไทยเป็นอย่างไรบ้าง คุณสุคินจะบอกว่าอย่างไร
คุณสุคิน ผมก็จะบอกว่า พระพุทธศาสนาจริงๆ หายาก
ท่านอาจารย์ เป็นคำตอบที่ถูกต้อง ให้เขาเข้าใจถูกต้องว่าหายาก เพราะฉะนั้นไม่ว่าที่ไหนก็ตาม ไม่ใช่ง่าย และที่ทำๆ กันอยู่ ก็ไม่ใช่พระพุทธศาสนาเพราะเหตุว่าหายาก
อ.อรรณพ คำตอบสั้นๆ ว่า พระพุทธศาสนาจริงๆ หายาก ก็ต้องสนทนาถามคุณสุคินต่อ พระพุทธศาสนาจริงๆ คืออย่างไร แล้วหายากอย่างไร แล้วจะหาสิ่งที่ถูกต้องนั้นได้อย่างไร
คุณสุคิน พระพุทธศาสนา คือคำสอนที่พูดถึงความจริงที่ปรากฏ คือปัจจุบันธรรม ชีวิตเราตอนนี้ ก็เราพูดอย่างนี้ ถ้าเขาสนใจก็พูดต่อ แต่ส่วนใหญ่จะไม่สนใจ และไม่มีใครสนด้วย นอกจากอาจารย์สุจินต์ ก็เห็นได้เลยว่าไม่เข้าใจตรงนี้ ไม่เข้าใจว่าธรรมคือตรงนี้ ตอนนี้ ก็แปลว่ายังไม่เข้าใจธรรม แต่ถ้าใช้อ้างว่าสอนธรรมอยู่ ก็ไม่ใช่ธรรมจริง ก็คือเราค่อยๆ พูด เราต้องดูว่าเขาสนใจไหม บางทีอาจารย์บอกไม่ต้องใช้คำว่า พระพุทธศาสนาก็ได้ พูดว่าอยากจะเข้าใจความจริงไหม ถ้าเขาสนใจที่จะเข้าใจความจริง ก็ให้เขารับทราบว่า พระพุทธองค์ทรงสอน ความจริงคืออะไร
อ.อรรณพ เชิญอาจารย์คำปั่น
อ.คำปั่น ขออนุญาตในคำตอบที่ท่านอาจารย์ได้ถามคุณสุคิน ก็แสดงถึงความจริงว่า พระพุทธศาสนาจริงๆ หายาก แม้ในสมัยพุทธกาลเอง พระองค์ก็มีการตรัสถึงพระดำรัสนี้ด้วย พระองค์ก็ตรัสว่า การมีโอกาสได้ยินได้ฟังพระสัทธรรม คือการได้ยินได้ฟังพระธรรม เป็นสิ่งที่หาได้ยาก ซึ่งในอรรถกถาก็อธิบายเพิ่มเติมว่า ที่หาฟังได้ยาก เพราะเหตุว่าผู้ที่จะกล่าวธรรมตามความเป็นจริงนั้นหายาก
ท่านอาจารย์ ก็น่าคิด แม้แต่เพียงคำสั้นๆ ถ้ามีผู้ถามว่า พระพุทธศาสนาในประเทศไทยเป็นอย่างไรบ้าง ก็คือหายาก
อ.อรรณพ ซึ่งที่อาจารย์ปั่นกล่าวมา ผมว่าเป็นอะไรที่เตือนใจว่า การอุบัติของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายากยิ่ง แล้วการที่จะมีผู้ที่กล่าวธรรมวินัยตามพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ยากยิ่ง เพราะฉะนั้นก็เป็นคำตอบที่เป็นภาษาธรรมดา คุณสุคิน ถ้ามีผู้มาถามว่าพระพุทธศาสนาในประเทศไทยเป็นอย่างไร ก็ตอบว่าพระพุทธศาสนาที่แท้จริง จริงๆ ในเมืองไทยหรืออาจจะที่อื่นด้วยก็ได้ หายากเพราะว่าการที่จะมีผู้กล่าวพระธรรมที่ตรง ตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงก็หายาก แล้วการที่จะมีผู้ฟังก็หายากด้วย ท่านแสดงไว้ด้วย ผู้ที่จะฟังจะเห็นประโยชน์ในธรรมที่หายากที่จะได้ฟัง ท่านอาจารย์ครับ จะว่าหายาก ถ้าจะคิดไปในมุมกลับ อย่างน้อยที่มูลนิธินี้ ก็เผยแพร่ออกทั้งวิทยุ โทรทัศน์มากมายเยอะแยะ จะบอกว่าหายากได้อย่างไร
ท่านอาจารย์ ก็ลองเทียบดูที่มูลนิธิทำ กับทั่วโลกหรือทั้งประเทศไทยมากหรือน้อย เทียบกับคำสอนซึ่งไม่ได้สอนให้เข้าใจธรรม แต่ให้ทำ ไม่ใช่เข้าใจ ให้ทำสติ ให้ทำสมาธิ ให้ทำปัญญา แต่ว่าไม่ได้ให้เข้าใจอะไรเลย เพราะฉะนั้นถ้าเทียบส่วน หายากไหม ไม่ใช่ว่าทุกคนฟังธรรม ถ้าทุกคนฟังธรรม หาไม่ยาก แต่นี่ทุกคนไม่ได้ฟังธรรม มีแต่จะทำ ไม่ใช่เข้าใจ
อ.อรรณพ ผมคิดว่าคำตอบของคุณสุคิน ที่คุณสุคินนิ่งคิดนิดหนึ่งแล้วก็ตอบท่านอาจารย์ว่า พุทธศาสนาในประเทศไทยเป็นอย่างไรบ้าง พุทธศาสนาจริงๆ หายาก เพราะคุณสุคินได้หามา แสนยากเหมือนกัน เพราะว่าไปศึกษาหลายศาสนา เพราะมีให้เลือกเยอะ
คุณสุคิน มีให้เลือกเยอะ
อ.อรรณพ กว่าที่จะได้พบความจริง กว่าที่จะได้เข้าใจความจริงก็ยาก
คุณสุคิน ยากอย่างที่อ.คำปั่นพูด ทั้งคนสอนและคนฟังยากมาก ลองคิดถึงตอนที่พระพุทธองค์เพิ่งตรัสรู้ ยังต้องให้มหาพรหมมาชวนให้สอน ก็เห็นความลึกซึ้ง
อ.อรรณพ ทั้งๆ ที่พระองค์ตรัสรู้แล้ว ก็ต้องทรงประกาศพระศาสนาอยู่แล้ว แต่เมื่อน้อมนึกถึงความหนาแน่นของความไม่รู้ของจิตใจ ของมวลชนทั้งหลาย คนทั้งหลาย
คุณสุคิน ความลึกซึ้งของธรรมว่าเข้าใจยาก
ท่านอาจารย์ เป็นเครื่องยืนยันว่า แม้แต่ท้าวมหาพรหมยังต้องมาอาราธนา ทั้งๆ ที่พระองค์ก็ทรงบำเพ็ญพระบารมี เพื่อที่จะได้แสดงธรรม แต่ว่าขณะที่ตรัสรู้ความลึกซึ้งของสภาพธรรม ยากแก่การที่จะให้คนเข้าใจ แต่ไม่ได้หมายความว่า ขณะนั้นจะไม่ทรงแสดงพระธรรม แต่ขณะที่กำลังเห็นความลึกซึ้งอย่างยิ่ง ท้าวมหาพรหมก็ยืนยันในความลึกซึ้ง โดยการอาราธนา ขอให้ทรงแสดงความลึกซึ้ง
อ.อรรณพ ซึ่งตรงนี้เป็นอะไรที่แสดงให้เห็นถึงความลึกซึ้งของพระพุทธศาสนา ความลึกซึ้งของความจริง ที่พระองค์อย่างไรก็จะต้องประกาศแสดงอยู่แล้ว แต่รู้ถึงความลึกซึ้งและความหนาแน่นของกิเลสของคนทั้งหลายเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย แต่เดี๋ยวนี้ในเรื่องที่ท้าวสหัมบดีพรหมได้มาทูลอาราธนาให้แสดงธรรม ก็กลายเป็นเพียงพิธีกรรม อาราธนาธรรมใช่ไหม
อ.คำปั่น ขออนุญาตอาจารย์อรรณพนิดหนึ่งครับ ซึ่งในความละเอียดที่ได้ฟังท่านอาจารย์ และก็ได้ฟังการสนทนา ก็ทำให้นึกถึงข้อความโดยประมวล ในครั้งที่ท้าวสหัมบดีพรหมได้กราบทูลอาราธนาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อที่จะทรงประกาศพระศาสนา ซึ่งพระบารมีทั้งหมดที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้สะสมอบรมมา เพื่อที่จะได้ตรัสรู้ แล้วก็ทรงแสดงธรรมอยู่แล้ว แต่ว่าพระองค์ก็พิจารณาถึงความลุ่มลึก ความยากของพระธรรม จึงไม่ทรงน้อมพระทัย ก็คือแสดงถึงความละเอียด ความลึกซึ้งของพระธรรม แล้วก็ในกาลที่ท้าวสหัมบดีพรหมมากราบทูลอาราธนา ก็แสดงถึงความจริงว่า ในตอนนี้ก็จะมีเจ้าลัทธิทั้งหลาย ก็เผยแพร่ความเห็นของตนเป็นความคิดความเห็นของตนเอง ซึ่งเป็นความเห็นผิด ก็เหมือนกับตอนนี้ชาวเมืองก็กำลังได้รับความทุกข์ความเดือดร้อน เหมือนกับการที่เจ้าลัทธิทั้งหลาย กำลังหว่านหนาม แล้วก็กำลังกระจายยาพิษให้กับผู้อื่นอยู่ ถ้าหากว่าพระองค์ไม่ทรงแสดงธรรม สัตว์โลกทั้งหลายจักเสื่อมโดยรอบ นี่คือคำที่ท้าวสหัมบดีพรหมได้กราบทูลต่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ได้ทรงพิจารณาเห็นว่า ผู้ที่จะตรัสรู้ธรรมตามความจริง มี พระองค์ก็ได้ทรงประกาศพระศาสนา
อ.อรรณพ แล้วถ้าไม่ต้องคิดถึง ระดับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระสาวกตามลำดับลงมา หรือว่าท่านผู้ที่เกื้อกูลทางธรรม อย่างเช่นท่านอาจารย์ ถ้าท่านอาจารย์ไม่แสดงธรรมที่ถูกต้องตามธรรมวินัย แล้วก็จะไม่มีโอกาสได้ยินได้ฟังกันเลย เพราะฉะนั้นก็หายาก ผู้แสดง แล้วผู้ฟังก็หายาก ตรงนี้ครับท่านอาจารย์ จริงๆ ถ้าคนเข้าใจตรงนี้จะหมดปัญหาเรื่องการไปทำผิดพระวินัย การไปสำนักปฏิบัติอะไรหมดเลย ถ้าได้เห็นว่าพระธรรมลึกซึ้งอย่างไร แล้วการที่แสดงธรรมที่ถูกต้อง ที่ลึกซึ้ง ผู้แสดงธรรมที่ถูกต้องละเอียดลึกซึ้งเคารพพระธรรมวินัย ไม่อ้างเรื่องอื่น มีพระธรรมเท่านั้น พระวินัยเท่านั้นที่เป็นที่ที่จะได้อ้างได้กล่าว
