ศีลกับอธิศีล


    ศีลนอกพระศาสนา กับศีลที่จะนำไปสู่การรู้แจ้งอริยสัจจธรรม ต่างกันอย่างไร


    ท่านอาจารย์ ต้องมีศีลก่อน ก็ขอถามว่าศีลอะไร เริ่มต้นที่ศีลอะไร

    อ.อรรณพ มีศีลก็คงไม่ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ศีล ๕

    ท่านอาจารย์ อย่างนั้นหรือ จะทำให้รู้แจ้งอริยสัจจธรรม

    อ.อรรณพ ก็เป็นพื้นก่อน

    ท่านอาจารย์ แล้วเมื่อไรจะถึง ได้ทราบข่าวว่ามีเด็กนักเรียนที่ซื่อสัตย์มาก ไปซื้อของ เงินทอนเกินมา เขาอุตส่าห์จะไปคืนเงินนั้น แล้วศีลอย่างนี้ เมื่อไรจะรู้แจ้งอริยสัจจธรรม การศึกษาธรรมต้องละเอียด ต้องลึกซึ้ง ต้องเป็นเหตุ เป็นผล ต้องตอบได้ เมื่อถูก และเป็นความจริง พวกเดียรถีย์ มีศีลไหม

    อ.อรรณพ มี

    ท่านอาจารย์ แล้วเมื่อไรจะรู้แจ้งอริยสัจจธรรม หรือหลงผิด

    อ.อรรณพ เขายึดว่าศีลของเขา เป็นหนทางที่ดี

    ท่านอาจารย์ เหมือนเลย กับคำพูดเมื่อสักครู่นี้ ว่าต้องมีศีลก่อน

    อ.อรรณพ ส่วนความเห็นที่ ๒ ที่เขาแสดงความเห็นที่ต่าง ก็บอกว่าถ้าไม่มีความเข้าใจธรรม ไม่ศึกษาธรรม ไม่เข้าใจว่าศีลคืออะไร แล้วจะมีศีลได้อย่างไร

    ท่านอาจารย์ ถูกต้อง เพราะเหตุว่าเมื่อไม่เข้าใจก็เป็นเรา นั่นชื่อว่าศึกษาธรรมหรือ ถ้ายังคงคิดว่าศีลเป็นเรา เพราะถึงแม้ว่าฟังธรรมก็จริง แต่ความคิดความเห็นเดิมๆ ก็ยังมีอยู่ และก็ไปปนกันด้วย ไม่ได้แยกแยะว่าอะไรถูก อะไรผิด แล้วจะถูกได้อย่างไร

    ผู้ฟัง คืออ่านในเฟส มีคนเขาบอกว่าศึกษาธรรม ต้องศีลก่อน ก็เลยแสดงความคิดเห็นไปว่า ก่อนจะถึงคำว่าศีล ควรจะรู้อะไรที่เป็นความจริงก่อนนั้นดีไหม ให้เข้าใจก่อน แล้วถึงจะไปเห็นความสำคัญของศีล

    ท่านอาจารย์ ได้ยินคำว่าศีล แล้วไม่รู้เลยว่า ศีลคืออะไร ไม่เข้าใจเลย แล้วจะทำไหม ควรจะถามเขาว่าศีลกับศีลสิกขา หรืออธิศีลสิกขา ต่างกันอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นการสนทนา การอ่านหรืออะไรก็ตาม ต้องเพื่อความเข้าใจ ถ้าสงสัยก็จะได้สนทนากัน เพื่อที่จะได้หายสงสัย ในความต่างของศีล และศีลสิกขา และอธิศีลสิกขา แล้วถ้าไม่มีความเข้าใจ ตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงเลย พวกเดียรถีย์หรือใครก็ตาม ที่มีศีล แล้วเมื่อไรเขาจะรู้แจ้งอริยสัจจธรรม ที่บอกว่าต้องตั้งต้นที่ศีล แล้วตอนไหนที่จะเป็นความรู้ ที่จะทำให้ถึงการรู้แจ้งอริยสัจจธรรม แล้วที่ถามว่าเมื่อไรจะตั้งต้น ก็คือเมื่อฟังพระธรรม เมื่อไรเข้าใจความจริง เมื่อนั้นคือการเริ่มตั้งต้น ที่กำลังฟังตามปกติเป็นศีลหรือเปล่า

    อ.อรรณพ ถ้าเข้าใจถูกก็เป็น

    ท่านอาจารย์ แล้วก็ตั้งต้นหรือไม่ ในเมื่อต้องตั้งต้นที่ศีล ก็เดี๋ยวนี้ยังไง ที่กำลังฟังเข้าใจนี้ก็เป็นศีลแล้ว ที่ตั้งต้น

    อ.อรรณพ เป็นกุศล ก็เป็นกุศลศีล

    ท่านอาจารย์ เป็นกุศลศีล แล้วก็เป็นศีลที่ทำให้เข้าใจถูกต้องด้วย

    อ.อรรณพ จะนำไปสู่ความเป็นอธิศีล

    ท่านอาจารย์ ต้องประกอบด้วยปัญญา ความเข้าใจถูก เป็นศีลที่คิดเองกับศีลที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ต่างกันแล้ว อธิศีลสิกขา ก็คือต้องประกอบด้วยปัญญาที่เข้าใจถูก แล้วเวลาที่มีปัญญาเข้าใจ เป็นศีลหรือไม่

    อ.อรรณพ เป็น

    ท่านอาจารย์ เป็นอธิศีลหรือเปล่า

    อ.อรรณพ ตอนที่เข้าใจธรรมถูกต้อง ใช่หรือไม่

    ท่านอาจารย์ แล้วเป็นอธิศีลสิกขา เมื่อสติสัมปชัญญะเกิด แสดงให้เห็นว่า นำไปสู่การที่จะรู้แจ้งอริยสัจจธรรม เพราะมีความเข้าใจถูก ไม่ใช่ศีลอยู่นั่นแล้ว เว้น ๕ ข้อ แล้วเมื่อไรจะไปถึงอริยสัจจธรรม แต่ต้องตั้งต้นถูกต้องด้วยว่านั่นคือ ศีลนอกพระพุทธศาสนา ศีลของพวกเดียรถีย์ ศีลของใครก็ได้ แต่ว่าไม่มีปัญญา แล้วจะเป็นคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่จะต้องมีก่อน แล้วจึงจะถึงการรู้แจ้งอริยสัจจธรรม ต้องเข้าใจความหมายด้วย ก็ถามต่อไปได้ ที่ท่านบอกว่าต้องมีศีลก่อน ลองบอกมาว่าศีลอะไร พอบอกแล้ว และศีลนั้นจะนำไปสู่การรู้แจ้งอริยสัจจธรรม ได้หรือ

    ด้วยเหตุนี้คำสอนทั้งหมด เป็นเรื่องของความรู้ ที่ทำให้ละคลายกิเลส จนกระทั่งดับกิเลสได้ แม้แต่ไม่ฆ่าสัตว์ก็คิดว่าเป็นเรา เป็นผู้ที่ไม่ฆ่าสัตว์ เป็นผู้ที่มีศีล และยังเข้าใจผิด คิดว่าต้องเป็นศีลอย่างนี้แหละ ที่จะทำให้รู้แจ้งอริยสัจจธรรม ไม่ได้ขัดเกลาขณะนั้น จะขัดเกลาก็ต้องปัญญาเท่านั้น ที่จะขัดเกลาได้ เพราะเมื่อมีปัญญาแล้ว ศีลก็เกิดขึ้นเพราะปัญญา ขัดเกลากิเลสอย่างหยาบ และขณะที่มีความเข้าใจถูกต้อง ก็นำไปสู่การละคลายทุจริต และเพิ่มกุศลขึ้น ใครก็ไม่สามารถที่จะไปทำได้ด้วยตัวเอง ใช่ไหม บอกเขาว่าไม่ให้เขาฆ่า แต่เขาก็ฆ่า บอกเขาไม่ให้ทุจริต เขาก็ทุจริต เพราะไม่ใช่เป็นเรื่องบอกใคร แต่เป็นเรื่องให้คนเข้าใจถูกต้อง ว่าคืออะไร เมื่อเขาคิดว่า ศีลธรรมดา สามารถที่จะเป็นเบื้องต้น นำไปสู่การรู้แจ้งอริยสัจจธรรม ก็ลองอธิบายสิว่าตอนไหน ที่จะนำไปสู่การรู้แจ้งอริยสัจจธรรม

    ถ้าอย่างนั้นพวกเดียรถีย์ ทำอย่างไรก็ไม่ต้องอาศัยคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเลย เพราะเขาเอง เขาก็เว้นการฆ่าสัตว์อยู่แล้ว แต่เขาก็ไม่ได้เข้าใจ ว่าธรรมเป็นธรรม

    อ.อรรณพ หลงติดในสำนักปฏิบัติว่า เมื่อไปสำนักปฏิบัติแล้ว ก็จะเป็นผู้ที่มีศีลขึ้น ก็มีศีลอย่างนั้น

    ท่านอาจารย์ ไม่ได้ให้เขาเข้าใจเลย ก่อนไปมีศีลหรือเปล่า

    อ.อรรณพ บางคนเขาก็มีอยู่แล้ว

    ท่านอาจารย์ ไม่ใช่ทุกคนมีศีลหรือ

    อ.อรรณพ ใช่

    ท่านอาจารย์ ที่จะต้องให้เขาเข้าใจถูก ว่าไม่ใช่เขา การจะไปสำนักปฏิบัติ ก็เพื่อให้รู้ว่า ไม่ใช่เขา เป็นธรรมทั้งหมด แต่ก็ไม่มีความเข้าใจใดๆ ที่จะทำให้เห็นว่าไม่ใช่เขา เพราะว่าเป็นตัวเขาตลอด ที่อยากไป ไปแล้วทำอะไรอีก ก็ไม่บอก ถ้าบอกก็บอกว่านั่ง แล้วก็มีศีลมากขึ้นเพราะนั่งหรือ แล้วคำสอนเรื่องศีลก็มีก่อนการตรัสรู้ และการแสดงธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เขาตามศีลประเภทนั้น ใช่ไหม เพราะเขาไม่ได้เข้าใจว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเรื่องศีลไว้ว่าอย่างไร ก็เพียงแต่เป็นตัวตนที่เว้นทุจริต แต่ไม่มีหนทางที่จะนำไปสู่การรู้แจ้งอริยสัจจธรรม

    เพราะฉะนั้นศีลประเภทนั้น ไม่ใช่เบื้องต้นของพรหมจรรย์ แล้วขณะนี้ เดี๋ยวนี้เอง มูลนิธิก็พูดเรื่องศีล และจะบอกว่ามูลนิธิบอกไม่ให้รักษาศีลได้หรือ แต่ให้เข้าใจให้ถูกต้อง ว่าศีลคืออะไร และศีลมีกี่ประเภท และศีลประเภทไหนที่จะนำไปสู่ การรู้แจ้งอริยสัจจธรรม มูลนิธิทำอะไรผิด ไม่ได้บอกใครให้ไม่รักษาศีลเลย แต่ให้เข้าใจให้ถูกต้องว่า ไม่มีเรา และก็ศีลที่จะนำไปสู่การรู้แจ้งอริยสัจจธรรม ต้องประกอบด้วยปัญญา มิฉะนั้นแล้วพวกเดียรถีย์ ที่รักษาศีลกันมา ก่อนการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็รู้แจ้งอริยสัจจธรรมได้

    อ.อรรณพ ความละเอียด เห็นความต่าง ไม่ใช่ว่าศีลเป็นเบื้องต้นของพรหมจรรย์ ก็หลับหูหลับตา แล้วมีตัวตนที่จะทำศีล

    ท่านอาจารย์ ที่สำคัญที่สุดของคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าคือ ตรัสรู้ว่า ธรรมทั้งหลาย ทั้งหมด ทั้งสิ้น ทั้งปวง ไม่ใช่เรา แล้วถ้าเป็นศีลอย่างนั้น เป็นเขารักษาศีลหรือเปล่า

    อ.อรรณพ เป็นเขารักษาศีลแน่นอน

    ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้นจะเป็นคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือ แต่คำสอนของพระองค์ทุกคำ ให้เข้าใจ จึงต้องตั้งต้นว่าคืออะไร แล้วก็กล่าวให้ชัดเจน ว่ามีศีลกี่ประเภท และประเภทไหน นำไปสู่การรู้แจ้งอริยสัจจธรรมประเภทไหน ไม่นำไปสู่การรู้แจ้งอริยสัจจธรรม


    หมายเลข 10933
    19 เม.ย. 2567