จะปฏิวัติแนวพุทธ


    พระพุทธศาสนา เป็นคำสอน ให้เข้าใจความจริงของโลก ว่าโลกคือสิ่งที่มีจริง เกิดแล้วดับ ไม่ว่ายุคใดสมัยใดก็มีสภาพธรรมที่เกิดตามเหตุปัจจัยแล้วก็ดับไป เช่นกัน ซึ่งสภาพธรรมที่เกิดแล้วดับเป็นทุกข์ ดังนั้นผู้ที่ศึกษา และเข้าใจธรรม ถูกต้อง จะไม่มีความคิดที่จะปฏิวัติพระพุทธศาสนาเลย เพราะเป็นความจริง ถึงที่สุด


    ผู้ฟัง คำถามนี้มาจากมติชน ฉบับในวันที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๕๙ เรื่องศาสนากับโลกสมัยใหม่

    ท่านอาจารย์ พระพุทธศาสนาคงรู้แล้ว เป็นคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จากการที่ทรงตรัสรู้ ไม่ใช่คิดเอาเอง เพราะฉะนั้นพุทธศาสนาคือคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ใช่ของคนอื่น เพราะฉะนั้นข้อความต่อไปที่ว่า พระพุทธศาสนากับโลกสมัยใหม่ โลกคืออะไร ทุกคำต้องรู้ และโลกไหนเป็นสมัยใหม่ โลกไหนเป็นสมัยเก่า และก็โลกคืออะไร ถ้าไม่รู้อย่างนี้ ก็คือว่าพูดถึงพระพุทธศาสนาไม่ได้ เพราะเหตุว่าพูดเอง แต่ความเป็นจริงแล้ว ต้องพูด ตามที่พระผู้มีพระภาคได้ทรงแสดงแล้ว อย่างลึกซึ้ง เพราะฉะนั้นต้องศึกษาอย่างละเอียดจริงๆ แต่ละคำ

    พระพุทธศาสนาสอนเรื่องสิ่งที่มีจริง ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาเลยทั้งสิ้น ไม่มีสิ่งที่มีจริงแน่นอน แต่ขณะนี้มีสิ่งที่ปรากฏ แสดงว่าสิ่งนั้นมีจริง แต่สิ่งที่มีจริงนั้นต้องเกิด เกิดแล้วก็ดับไป นี่เป็นคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แน่นอน เพราะฉะนั้นสภาพธรรมทุกอย่าง ที่เกิดดับ เป็นโลก ไม่ใช่เหนือโลก คือโลกกุตระ คือนิพพาน และอริยสัจจธรรม เพราะฉะนั้นเราต้องเข้าใจธรรมตามลำดับ แม้แต่คำว่าโลก โลกก็คือสิ่งหนึ่งสิ่งใดก็ตาม ที่เกิดเดี๋ยวนี้แต่ละหนึ่ง เป็นโลก เพราะว่าเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป เปลี่ยนไม่ได้ หรือใครคิดอย่างอื่น จะรู้จักโลก ถ้าไม่มีอะไรเลยสักอย่าง จะมีโลกไหม แต่รู้จักโลกเพราะมีสิ่งที่เกิดขึ้นหลากหลายมากมาย แต่ละหนึ่งรวมกัน หรือแยกกันก็ตาม แต่ละหนึ่งที่เกิดนั้นเป็นโลกแต่ละหนึ่งๆ จะรวมกันก็แล้วแต่ว่าจะเป็นครอบครัว เป็นบ้าน เป็นหมู่บ้าน เป็นประเทศ ก็แล้วแต่ แต่ต้องมีแต่ละหนึ่ง ซึ่งเกิดขึ้น ไม่ใช่ว่าไปรวมกันกับสิ่งอื่นได้ แต่ละหนึ่งต้องเป็นหนึ่ง

    เพราะฉะนั้นพระพุทธศาสนากับโลก พระพุทธเจ้าทรงแสดงความจริงของโลก ไม่ใช่โลกที่คนอื่นคิดเอง พูดเอง แค่โลกคำเดียว ลองคิดดู เขาเข้าใจโลกว่าอย่างไร คนทั้งหลายเข้าใจโลกว่าอย่างไร กับความจริงของโลก ว่าโลกคืออะไร ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาเลย ไม่มีแน่ โลกไม่มี แต่เมื่อมีเพียงสิ่งหนึ่งสิ่งเดียวเกิดขึ้น สิ่งนั้นที่เกิดนั่นแหล่ะ เป็นโลก ถ้าไม่เป็นโลก แล้วเป็นอะไร ก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้น โลกก็เกิดขึ้น สิ่งที่มีจริงนั้นก็เกิดขึ้น

    เพราะฉะนั้นโลกก็คือ สิ่งที่เกิดขึ้น และสิ่งนั้นก็ดับไป เพราะฉะนั้นโลกในความหมายของพระพุทธศาสนา หมายความถึงธรรม สิ่งที่มีจริงแต่ละหนึ่ง ซึ่งเกิดขึ้น และดับไป เพราะฉะนั้นจะเป็นสมัยใหม่ สมัยเก่า ตอนไหน ขณะไหน เพราะฉะนั้นใครที่จะพูดถึงพระพุทธศาสนา โดยไม่ศึกษาด้วยความเคารพ ผิดทั้งหมด

    อ.วิชัย เพราะไม่เข้าใจ ใช่หรือไม่

    ท่านอาจารย์ ถ้าถูก แปลว่าเขาเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือคิดว่าตัวเองเป็น จึงกล้าที่จะกล่าวว่า นี่เป็นคำสอนของสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยไม่ได้ศึกษา ใครก็ตามที่ไม่ได้ศึกษาธรรม ไม่ได้ศึกษาพระพุทธศาสนา แล้วกล่าวว่าพระพุทธศาสนาเป็นอย่างนี้ๆ สอนอย่างนี้ ได้หรือ ในเมื่อยังไม่ได้ศึกษาเลย แต่ถ้าศึกษาแล้ว ก็รู้ว่าใครก็พูดอย่างนี้ไม่ได้ เป็นความคิดของใคร ซึ่งไม่ใช่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ไม่ได้ แต่ต้องเป็นความจริง ซึ่งพระผู้มีพระภาคทรงตรัสรู้ ไม่ใช่หมายความว่า คิด แต่รู้ความจริงประจักษ์แจ้ง ในสิ่งที่มีตามความเป็นจริง จึงจะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ยังไม่รู้จักโลก แต่กล่าวว่าโลกสมัยเก่า โลกสมัยใหม่ เก่าไหน ใหม่ไหน โลกไหน อะไรเป็นโลก ก็ยังไม่รู้เลย

    อ.วิชัย พระธรรมคำสอนก็จะแสดง โลกที่เป็นโอกาสโลกบ้าง สัตวโลกแล้วก็สังขารโลกบ้าง

    ท่านอาจารย์ ทั้งหมดต้องเกิดหรือไม่

    อ.วิชัย ก็ต้องมีสภาพธรรมที่เกิดขึ้น

    ท่านอาจารย์ ถ้าไม่มีการเกิดขึ้น ไม่ว่าสังขารโลก โอกาสโลก สัตวโลก จะมีได้หรือไม่

    อ.วิชัย ก็มีไม่ได้

    ท่านอาจารย์ ก็มีไม่ได้ เพราะฉะนั้นทุกคำ พระผู้มีพระภาคทรงแสดงถึง ๔๕ พรรษา โดยละเอียดยิ่ง โดยประการทั้งปวง ไม่ใช่ให้ใครคิดเอาเอง แล้วก็คิดว่านั่นเป็นคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต้องศึกษาก่อน ด้วยความละเอียดอย่างยิ่ง ลองสมมติว่า คุณวิชัยเมื่อ ๒,๐๐๐ ปีก่อน ไม่ใช่คุณวิชัยแน่แต่ ๒,๐๐๐ปีก่อน มีเห็นหรือไม่

    อ.วิชัย ก็ต้องมีปัจจัยให้เห็น

    ท่านอาจารย์ มีได้ยินไหม

    อ.วิชัย ก็ต้องมีได้

    ท่านอาจารย์ มีคิดนึกไหม นี่สมัยก่อน เอา ๒,๕๐๐ปี หรือก่อนกว่านั้นอีกก็ได้ มีโกรธไหม

    อ.วิชัย ก็ต้องมี

    ท่านอาจารย์ มีความติดข้องไหม

    อ.วิชัย ก็มี

    ท่านอาจารย์ มีความเพียรไหม

    อ.วิชัย ก็มี

    ท่านอาจารย์ แล้วเดี๋ยวนี้ต่างกันอย่างไร เห็น ยังคงจะต้องเป็นเห็น จะเป็นอื่นไม่ได้ คิด ก็ต้องเป็นคิด ชอบก็ต้องเป็นชอบ ชังก็ต้องเป็นชัง ทุกอย่างก็เป็นสภาพธรรมแต่ละหนึ่ง และไหนเก่า โลกสมัยเก่าไม่เหมือนอย่างนี้หรือ และโลกเดี๋ยวนี้ ยุคปัจจุบันนี้ ไม่ใช่อย่างนี้หรือ ไม่เคยที่จะไม่เหมือนกันเลย เพียงแต่ว่าต่างกาละ เพราะเหตุว่าสิ่งหนึ่งสิ่งใดก็ตาม ที่เกิดขึ้น และดับไป ไม่กลับมาอีกเลย แล้วจะเรียกอันไหนเก่า อันไหนใหม่ เพราะไม่มีอีกแล้ว มีแค่หนึ่งซึ่งเกิดขึ้น แล้วก็ดับไปทุกขณะ

    ผู้ฟัง ผู้ดีได้เขียนในคอลัมน์นี้ ก็คือเดวิด อาร์สลอย เป็นผู้เขียนหนังสือบันทึกเพื่อการปฏิวัติแนวพุทธ โดยเน้นว่าพระพุทธศาสนา มุ่งเน้นเรื่องความทุกข์ และอริยสัจ ๔

    ท่านอาจารย์ ถ้าเข้าใจจริงๆ ก็ต้องทีละคำ เชิญค่ะ

    ผู้ฟัง ข้อความนี้เขาเขียน บันทึกเพื่อการปฏิวัติ

    ท่านอาจารย์ แค่นี้ นี่เป็นบันทึกของผู้เขียน ใช่ไหม

    ผู้ฟัง ใช่

    ท่านอาจารย์ เพื่อการปฏิวัติอะไร

    ผู้ฟัง ปฏิวัติแนวพุทธ

    ท่านอาจารย์ ปฏิวัติแนวพุทธ ฟังดูแต่ละคำก็จะได้รู้ว่า ปฏิวัติคืออะไรคะคุณวิชัย

    อ.วิชัย เปลี่ยนแปลง

    ท่านอาจารย์ เปลี่ยนแปลงได้ไหม พระพุทธศาสนา ใครเปลี่ยนได้ ใครกล้าที่จะเปลี่ยนพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้แล้ว แล้วใครจะเปลี่ยน เพราะฉะนั้นจะปฏิวัติอะไร

    ผู้ฟัง พระพุทธศาสนามุ่งเน้นเรื่องความทุกข์

    ท่านอาจารย์ เท่านี้ก่อน สุขมีไหม เห็นหรือไม่ แค่นี้ก็ผิดแล้ว อะไรคือสุขอะไรคือทุกข์ ที่เป็นอริยสัจจ์ ความจริงของผู้ที่ได้อบรมเจริญปัญญาถึงที่สุด ที่จะรู้ความจริง ซึ่งขณะนี้เป็นแต่เพียง ฟังเรื่องราวของสิ่งที่มีจริง แต่ว่าปัญญาขั้นนี้ ยังไม่ใช่ปัญญาที่สามารถ ที่จะรู้ความจริงของสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ได้ จนกระทั่งสามารถที่จะดับกิเลสได้

    เพราะฉะนั้นผู้ศึกษาพระพุทธศาสนาทุกคน รู้ตัวเองว่าไม่รู้ ไม่สามารถที่จะรู้ด้วยตัวเองได้ เพราะฉะนั้นจึงต้องพึ่งพระรัตนตรัย คือพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ธรรมรัตนะ และพระอริยสงฆ์ พระสังฆรัตนะที่นี่ ใช้คำว่า สังฆรัตนะ ไม่ใช่สงฆ์ธรรมดา แต่สังฆรัตนะหมายความถึง อริยสงฆ์ ทุกคำมีความหมาย เพราะฉะนั้นถ้าไม่พึ่งพระรัตนตรัยคือพระพุทธเจ้า ซึ่งทรงแสดงพระธรรม และพระอริยเจ้า ซึ่งเป็นผู้ที่เข้าใจพระธรรม อบรมเจริญปัญญา ไม่ได้ปฏิวัติอะไร เพราะฉะนั้นแค่คำว่าพระพุทธศาสนาเน้นเรื่องทุกข์ เพื่อให้รู้ทุกข์ ใช่ไหม

    อ.วิชัย เพื่อให้รู้ทุกข์

    ท่านอาจารย์ ไม่ใช่เน้นเรื่องทุกข์ แต่ไม่รู้ว่าทุกข์คืออะไร และจะเน้นอย่างไร เน้นเรื่องทุกข์ โดยที่ไม่รู้ว่าทุกข์คืออะไร เพราะฉะนั้นที่เน้นเรื่องทุกข์ เพราะมีทุกข์ ใช่ไหม

    อ.วิชัย ความจริงเป็นอย่างนั้น

    ท่านอาจารย์ เมื่อมีทุกข์ แล้วก็ทุกคนไม่รู้ว่าทุกข์คืออะไร เพราะฉะนั้นพระผู้มีพระภาคตรัสอริยสัจธรรมทั้ง ๔ ไม่ใช่เฉพาะทุกข์อย่างเดียว เพราะฉะนั้นถ้าจะใช้คำว่า เน้นเรื่องทุกข์ ที่จริงแล้วควรจะเป็นเรื่องปัญญา ใช่ไหม เพราะว่าเรื่องทุกข์ใครก็รู้ทั้งนั้นแหละ เกิดมาแล้วร้องไห้ ไม่รู้หรือว่าเป็นทุกข์ หกล้ม บาดเจ็บ หิวข้าว ก็ทุกข์ทั้งนั้นเลย มีใครบ้างที่ไม่รู้ทุกข์อย่างนี้ แต่ว่าปัญญารู้อะไร ในขณะที่ความทุกข์เกิดขึ้น

    เพราะฉะนั้นต้องไม่ลืมว่า พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาของปัญญา พุทธะคือรู้ ซึ่งเป็นปัญญา เพราะฉะนั้นเป็นคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งคนอื่นไม่สามารถที่จะพูดเอง หรือว่าเข้าใจโดยที่ว่า ไม่ได้ศึกษาธรรม แล้วก็คิดว่าพระพุทธศาสนาเน้นอย่างนั้น หรือว่าพูดอย่างนี้ เน้นเรื่องทุกข์ เพื่ออะไร มีคำถามทั้งหมด เพื่ออะไร เพื่อปัญญา ถ้าไม่มีปัญญา ไม่มีความรู้จะตอบได้ไหม แต่ถามเพื่อปัญญา จะได้รู้ถูกต้องตามความเป็นจริงว่า เน้นเรื่องทุกข์เพื่ออะไร

    อ.วิชัย เพื่อเข้าใจความทุกข์

    ท่านอาจารย์ เพื่อเข้าใจทุกข์ ซึ่งกำลังเป็นทุกข์ เห็นไหม คำสอนของสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ใช่สิ่งที่ใครจะคิดเอง พูดเอง แค่จบไปที่เน้นเรื่องทุกข์ แต่เน้นเรื่องทุกข์ เพื่อรู้ทุกข์ ที่กำลังเป็นทุกข์ในขณะนี้ เพราะฉะนั้นชาวบ้าน ชาวโลก ใครก็ตาม ที่ไม่ได้ศึกษาธรรม จะไม่รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ว่าทุกข์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ใช่ทุกข์ที่คนอื่นทั่วไปรู้ หิวข้าว ป่วยไข้ ไม่ใช่อย่างนั้นเลย นั่นก็เป็นทุกข์ แต่เขาไม่รู้จักทุกข์ว่า ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่สัตว์บุคคล เป็นสภาพธรรมที่เกิดขึ้น และดับไป แล้วก็หลากหลายมาก แม้สุขก็เป็นทุกข์ เพราะเหตุว่าความสุขก็ชั่วคราว เกิดขึ้น และดับไป

    เพราะฉะนั้นจึงมีทุกขะ ทุกขะ วิปริณามทุกข์ สังขารทุกข์ ไม่ได้แค่ทุกข์คำเดียวเลย ถ้ามิฉะนั้นก็ไม่ใช่การตรัสรู้ ไม่ใช่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทุกข์ไหนกำลังพูดถึงทุกขะ ทุกขะ หรือกำลังพูดถึงวิปริณามทุกข์ หรือกำลังพูดถึงสังขารทุกข์ หรือกำลังพูดถึงทุกขอริยสัจจ์ ทั้งหมดต้องศึกษา ไม่มีใครสามารถที่จะพูดถึงคำเหล่านี้ได้เลย โดยที่ว่าไม่ศึกษาให้เข้าใจ เพราะว่าทุกคำเป็นคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ใช่คำของใครที่พูด แต่ทุกคนที่พูดคำของพระสัมมาสัมพุทธจ้า เพราะศึกษา และเข้าใจตามที่ได้ศึกษา ปฏิวัติพระพุทธศาสนาได้ไหม

    อ.วิชัย ไม่ได้แน่นอน เพราะความจริงเป็นอย่างนี้ถึงที่สุด

    ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้นใครปฏิวัติ ผิดหรือไม่ ทำให้พระศาสนาเสื่อมสูญอันตรธานไหม จากความเข้าใจของคน เพราะเหตุว่าเข้าใจผิด คิดจะปฏิวัติพระพุทธศาสนา ใครที่พูดคำนี้ ไม่ใช่พุทธศาสนิกชน


    หมายเลข 10874
    23 เม.ย. 2567