ไม่ชวนใครให้บวช


    การบวชเป็นภิกษุในธรรมวินัย เป็นการสละความติดข้องทุกอย่าง ดังนั้นการจะ ชวนให้ใครบวช โดยไม่มีความเข้าใจพระธรรมวินัยเลย จึงเป็นการทำลายผู้นั้น ให้เกิดโทษ และแทนที่จะชวนกันไปบวชแบบผิดๆ ควรเป็นการจัดกิจกรรมที่ ทำให้เกิดเข้าใจธรรมตามวัยของเยาวชน ก็จะเป็นประโยชน์อย่างแท้จริง


    ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้นก็บอกทุกคนให้รู้ทั่วกัน ว่าความจริงคืออย่างนี้ อย่าได้เชิญชวนใครไปบวชเลย เพราะบวชทำไม บวชเพื่ออะไร บวชจริงๆ ก็คือว่าสละ ชวนให้เขาสละสมบัติ ชวนให้เขาสละวงศาคณาญาติ ชวนให้เขาสละความสนุกสนาน รื่นเริงบันเทิง อย่างนั้นหรือ ถ้าเขาสามารถจะกระทำได้ เขาต้องเห็นคุณค่าของการบวช ว่าสละทั้งหมดเพื่ออะไร เพื่อสิ่งที่ประเสริฐกว่านั้น คือการไม่ติดข้อง และได้รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยการที่ได้ฟังพระธรรม ได้เห็นพระคุณ เป็นการขัดเกลากิเลสของตนเอง เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง

    เพราะฉะนั้นไม่ใช่การที่จะไปชักชวนใครให้บวช โดยที่ว่าไม่ได้มีจุดประสงค์ที่จะทำให้เขาได้รู้ตัวจริงๆ ว่าบวชคือการสละ ลองบอกคนที่ไปชวนสิ คุณบวช คุณสละทั้งหมดนะ เพื่อขัดเกลากิเลส เขาจะบวชหรือไม่ ต้องให้ความเข้าใจที่ถูกต้องก่อน ว่าบวชคืออะไร โดยเฉพาะการบวชเป็นภิกษุในพระธรรมวินัย ไม่ใช่สิ่งที่ควรจะลบหลู่ดูหมิ่นง่าย ใครก็บวชได้ ชวนกันมาบวชมากๆ เพื่ออะไร เพื่อไม่เข้าใจ แล้วบวชทำไม เพื่อทำความดี ถึงไม่บวช ทำความดีได้ไหม โดยที่ว่าไม่ต้องไปอ้างว่า เป็นพระภิกษุ

    อ.อรรณพ ประเด็นสำคัญก็คือ จุดเริ่มต้นที่จะเป็นปัญหาคือ การบวชโดยที่ไม่เข้าใจอะไรเลย

    ท่านอาจารย์ ก็ผิดตั้งแต่ต้น

    อ.อรรณพ เหมือนเราไปห้ามไม่ให้เขาบวช

    ท่านอาจารย์ แต่ว่าจริงๆ แล้ว เขาบวชแล้ว เขาได้รับโทษ เท่ากับว่าเราชักชวนเขา ให้ได้รับโทษหรือเปล่า สิ่งใดที่ไม่เป็นประโยชน์ ควรทำหรือไม่ เพราะฉะนั้นเรามีทางออกให้ แทนที่จะบวช ก็ทำความดี มีการเข้าค่าย เด็กนักเรียนมีวิชาการต่างๆ ใครมีอัธยาศัยทางดนตรี ทางทำอาหาร ทางอะไร ก็ส่งเสริมกัน ให้เวลานั้นมีประโยชน์ ในขณะเดียวกัน สอนธรรมที่ถูกต้อง เป็นเบื้องต้นให้เขาเข้าใจ ไม่ใช่ชวนหรือให้เขาไปบวชทันที ซึ่งเป็นการทำลายเขา เพราะว่าเขาไม่รู้เลยว่าเขาบวชทำไม ให้เขาบวช เขาก็เล่นสนุกสนาน ทำอะไรหลายอย่าง ซึ่งไม่ได้เป็นประโยชน์ และไม่เป็นสาระ แต่ตามวัย ก็คือว่าเมื่อยังเป็นเยาวชนอยู่ ยังจะต้องมีการศึกษาหาความรู้ ก็ให้ประโยชน์ทุกด้าน แต่ไม่ใช่ให้บวช เป็นการไม่เคารพในพระศาสดา เพราะเหตุว่าเหมือนกับใครก็ได้อยากบวช บวชไปเลย อย่างนั้นไม่ถูกต้อง ต้องรู้ว่าคำว่าภิกษุผู้เห็นภัยในสังสารวัฎฏ์ ผู้ควรแก่การได้ฟังพระธรรม

    เพราะฉะนั้นไม่ใช่ว่า เราจะทำลายพระศาสนา โดยการที่ว่า ให้ใครเป็นใคร อย่างไหนก็ได้ อย่างที่คุณปริญญาเคยบอกว่า มีผู้ชักชวนให้บวช ให้เต็มจำนวนหมายความว่าอะไร ไม่มีเหตุผล ไม่มีประโยชน์ ไม่มีความหมายใดๆ เลยทั้งสิ้น นอกจากความอยาก คือโลภะ เพราะฉะนั้นการกระทำใดๆ ซึ่งไม่เป็นการขัดเกลากิเลส เป็นไปด้วยโลภะทั้งหมด แม้แต่อยากบวชให้เต็มจำนวน ขาดไปแล้วเป็นอะไร แล้วที่มาเต็มๆ กันมาบวชๆ กัน รู้หรือเปล่า ว่าบวชไปทำไม หรือบวชทำอะไร เวลามีค่า ให้ประโยชน์ตามวัยของเขา ถ้าเป็นผู้ใหญ่ก็มีการจัดการประชุม เราจะเรียกว่าค่ายธรรม หรืออะไรก็ได้ แทนจะไปบวชโดยตรง ใช่หรือไม่ ก็ให้เขาได้มีโอกาสที่จะได้ฟังพระธรรม ได้ซักไซ้ ได้เริ่มเห็นประโยชน์ของการที่เกิดมา มีโอกาสได้ยินคำว่าพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ควรจะรู้มากกว่านั้นว่า พระองค์เป็นใครมีคุณมหาศาลแค่ไหน ก่อนอื่นก็ต้องคิดถึงว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ความเข้าใจพระธรรม ถ้าไม่มีความเข้าใจพระธรรม แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่า ตนเองเหมาะที่จะเป็นพระภิกษุหรือไม่ หรือว่าไม่สามารถที่จะดำรงเพศบรรพชิต แม้เพียงเป็นสามเณร เพราะว่าต้องสละจริงๆ ไม่ใช่เหมือนสละ ทำเป็นสละ แต่ไม่ได้สละเลย


    หมายเลข 10878
    21 เม.ย. 2567