พระธรรมวินัย ๐๑๒ ประโยชน์ของการศึกษาพระวินัยบัญญัติ


    ท่านอาจารย์ วินัยก็เป็นธรรม ธรรมก็เป็นวินัย ไม่ใช่พระวินัยไม่ใช่ธรรม

    อ.อรรณนพ ขอสนทนาเรื่องการศึกษาพระวินัย การศึกษาพระวินัยจะทำให้ทราบถึงความละเอียดของกิเลส ซึ่งปกติชีวิตคฤหัสถ์จะไม่เห็นได้เลย อย่างไร

    ท่านอาจารย์ เอาพระวินัยมาอ่านเป็นข้อๆ ทุกข้อรู้ได้เลย

    อ. อรรณพ คือถ้าเป็นชีวิตคฤหัสถ์ก็จะไม่ได้ละเอียดลงไปในกิเลส

    ท่านอาจารย์ แน่นอน ต้องรู้ว่าพระภิกษุคือผู้สงบก่อน แล้วก็ดูชีวิตของคฤหัสถ์ว่าสงบไหม พระภิกษุหุงหาอาหารไม่ได้ สงบไหมล่ะ แล้วเวลาจะบริโภคอาหารต้องสงบด้วยปัญญา แล้วก็เห็นคุณของผู้ที่ทำความดีกับตน เพราะเหตุว่าอาหารนั้นได้มาจากไหน คฤหัสถ์ให้มาใช่ไหม ทุกก้อนข้าว ทุกคำข้าว ทุกเมล็ดข้าว เขาให้เพื่อบูชาคุณความดี ใช่ไหม หรือว่าอยู่ดีๆ เขาก็เอามาให้ แต่เขาเห็นบาตร เห็นจีวร แล้วก็เห็นพฤติกรรมที่ว่าท่านได้สละอาคารบ้านเรือนแล้วเขาให้ ถ้าภิกษุใดเห็นคุณ ต้องเป็นผู้ที่ทำความดีเพราะการให้ของคฤหัสถ์ คฤหัสถ์ทำอย่างนี้ พระภิกษุควรจะทำอย่างไร สนุกสนานเพลิดเพลิน และก็มีเว็บไซต์ เฟซบุ๊ก มีอะไรๆ อย่างคฤหัสถ์หรือ หรือว่าชีวิตที่สงบนั้นต้องเปลี่ยนชีวิตที่ไม่มีชีวิตอย่างคฤหัสถ์อีกต่อไปทุกประการ แล้วก็ศึกษาธรรมด้วยเพื่อที่จะได้เข้าใจ เพื่อประโยชน์แก่การที่จะนำสิ่งซึ่งคฤหัสถ์ต้องการ คือความเข้าใจธรรมไปให้คฤหัสถ์ได้รู้ได้เข้าใจ ไม่ใช่ว่านำสิ่งที่ผิดๆ ไป แล้วก็ทำลายพระศาสนาโดยการที่ว่าต้องไปที่หนึ่งที่ใด สำนักปฏิบัติ นั่งทำจิตให้สงบ นิ่งๆ นะ ไม่ต้องไปที่อื่น นั่นไม่ใช่คำสอนของสัมมาสัมพุทธเจ้าเลย

    เพราะฉะนั้นการที่เราให้คนได้เข้าใจถูก เราผิดหรือ เราหวังร้ายหรือ ถ้าหวังร้ายเราจะให้เขาเข้าใจถูกทำไม และเพราะเหตุว่าอันตรายมากจากการที่เป็นภิกษุแล้วก็ไม่ศึกษาธรรม ไม่ประพฤติปฏิบัติตามพระวินัย ไม่รู้เลย แต่คฤหัสถ์ยังรู้แค่พระวินัยก็รู้แล้ว หยิบเล่มไหนมาก็เล่มนั้น

    อ. อรรณพ จึงสมกับที่พระองค์ทรงแสดงหรือว่าในอรรถกถาว่า พระวินัยลึกซึ้งโดยกิจ แต่ละข้อของพระวินัย ซึ่งกิจแต่ละข้อของพระวินัย ก็จะสะท้อนให้เห็นถึงความละเอียดของจิตที่เป็นอกุศลที่จะมีการประพฤติที่ไม่เหมาะ ไม่ว่าจะล่วงกรรมบถหรือไม่ล่วงกรรมบถ จริงๆ แล้วผมว่าที่คนไม่สนใจพระวินัย ทำไมถึงไม่สนใจจะฟังพระวินัย ก็คิดว่าเป็นเรื่องของพระ เราไม่เกี่ยวหนึ่ง

    ท่านอาจารย์ แต่เขาไม่คิดหรือว่า ทุกคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประโยชน์ ที่คนสละอาคารบ้านเรือน ขัดเกลากิเลสในเพศบรรพชิตต้องประพฤติปฏิบัติตาม เพราะแสดงเจตนาที่จะสงบจากอกุศล แต่ไม่ได้หมายความว่าแล้วคฤหัสถ์ไม่ต้องสงบจากอกุศล ไม่ได้กล่าวอย่างนั้นเลย คฤหัสถ์ก็ฟังธรรมเพื่อสงบจากอกุศล เพราะฉะนั้นสิ่งใดซึ่งไม่สามารถจะประพฤติปฏิบัติอย่างบรรพชิต ละอาคารบ้านเรือน คฤหัสถ์ทำไม่ได้ แต่ทุกข้อของพระบัญญัติที่คฤหัสถ์สามารถกระทำได้ จะกระทำไหม แต่เพราะไม่รู้ใช่ไหม ไม่เห็นคุณของพระวินัยใช่ไหม ไม่เคยรู้ความละเอียดของพระวินัยใช่ไหมว่า ถ้าคฤหัสถ์คนนั้นสามารถที่จะเข้าใจความละเอียดนั้น เขาจะประพฤติอย่างนั้นโดยไม่ต้องเป็นเพศบรรพชิต แล้วดีไหม แล้วทำไมจะไม่รู้พระวินัย แต่เพราะไม่เห็นประโยชน์ ไม่เห็นคุณ ไม่เข้าใจ คิดว่าธรรมเท่านั้น แต่ความจริงทุกอย่างเป็นธรรม ฟังแล้วก็ไม่รู้ว่าถ้าศึกษาหรือเข้าใจพระวินัยเพิ่มขึ้น ปัญญาก็จะละเอียดขึ้นอีก ในการที่จะเห็นความต่างกันทั้งสองเพศซึ่งหมายความถึงการต่างกันของกิเลสหลายระดับเป็นขั้นๆ

    อ. อรรณพ เมื่อเช้าท่านอาจารย์พูดมาประโยคหนึ่ง ถ้าไม่สนใจศึกษาธรรม มีหรือจะสนใจศึกษาพระวินัย

    ท่านอาจารย์ ก็เพราะเหตุว่าทุกคนต้องการเข้าใจคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกคำ ผู้ใดไม่เห็นประโยชน์ของคำของพระสัมมาสัมเจ้า ไม่ว่าจะในคำที่เป็นพระวินัยพระสูตรพระอภิธรรม ผู้นั้นไม่รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และเห็นคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไหมว่า แต่ละคำนี้เพื่อใคร คิดหรือว่าเพื่อบรรพชิตเท่านั้น ลองอ่านดูสิ จะเพื่อผู้ที่ได้เข้าใจหรือเปล่า แล้วทำไมจะมุ่งมั่นไปที่พระอภิธรรม ในเมื่อเดี๋ยวนี้ก็เป็นอภิธรรม พระวินัยก็เป็นพระอภิธรรม อภิธรรมคือละเอียดยิ่ง ลึกซึ้งยิ่ง

    อ. อรรณพ เพราะฉะนั้นเมื่อมีตัวสภาพธรรมคือ จิตเจตสิกที่เป็นกุศลบ้างอกุศลบ้าง จึงสามารถได้ประโยชน์จากพระวินัยแต่ละประการ ที่จะสะท้อนให้เห็นว่ามีจิตเจตสิกที่เป็นกุศลและอกุศลแยบยลอย่างไร

    ท่านอาจารย์ วันไหนเวลาไหน คำที่ได้ฟังไม่ใช่พระธรรม แต่เป็นพระวินัยจะปลาบปลื้มไหมที่ได้ฟังคำนั้นด้วย ไม่จำกัดเฉพาะแค่คำในพระสูต และพระอภิธรรม ไม่ใช่เป็นตัวเราซึ่งเลือกเพื่อจะเป็นเรา แล้วก็ไม่เห็นคุณว่าพระวินัยแสดงไว้ทำไม ไม่ใช่สำหรับเรา สำหรับพระภิกษุ รู้มากทำไม ก็รู้มากเพราะละเอียดใช่ไหมล่ะ แค่ไม่รับเงินรับทอง แล้วถ้ารับไปแล้วล่ะ ทำอย่างไร ทรงอนุเคราะห์ให้ภิกษุนั้นสามารถที่จะพ้นผิดจากการทำผิด แต่ต้องทำให้ถูกต้องตามพระวินัย ไม่ใช่ทำตามใจชอบ และยังมีหลายเรื่องว่า การปลงอาบัติจะต้องสละทรัพย์นั้นเสียก่อนตามพระวินัย ตามวิธีการที่ได้ทรงบัญญัติไว้ ถ้าไม่มีบุคคลนั้นจะทำอย่างไร ถ้าคนอยู่ใกล้รับบไป เอาไปทำเป็นประโยชน์ พระภิกษุเหล่านั้นคนอื่นสามารถที่จะได้ประโยชน์จากสิ่งนั้นได้ แต่ผู้รับไม่ได้ ทั้งหมดแสดงความละเอียดไหม ลองคิดสิว่าละเอียดไหม เพราะอะไรจึงทรงบัญญัติพระวินัยซึ่งคนอื่นบัญญัติไม่ได้

    อ. อรรณพ พระภิกษุเป็นเพศที่รองรับพระอรหันต์ ท่านไม่สมควรที่จะมาติดในทรัพย์สินเงินทอง แต่ก็สะท้อนให้คฤหัสถ์เห็นด้วยว่า คฤหัสถ์ก็ควรที่จะเห็นโทษของการที่ติดข้องในสิ่งเหล่านี้อย่างมากๆ อันนี้ก็ประเด็น

    ท่านอาจารย์ นั่นคือเห็นโทษของกิเลส ไม่ว่าจะโดยการศึกษาพระวินัย และสูตร และพระอภิธรรม

    อ. อรรณพ คืออย่างคฤหัสถ์ บางคนเขาก็มุ่งหาเงินหาทอง เก็บเงินเก็บทองไว้ในรูปต่างๆ ก็จริงๆ ก็ไม่ใช่ว่าไม่ให้เก็บไม่ให้ทำ แต่ว่าเคยคิดบ้างไหมว่า มีความผูกพันติดข้องในทรัพย์สมบัติเหล่านี้มากมายแค่ไหน แล้วก็ตายไปก็ไม่ได้ติดตัวไปเลย แล้วพอได้ศึกษาพระวินัยค่อยเห็นถึงว่า ทำไมพระองค์ถึงทรงแสดงแม้เป็นศีลของเณรข้อที่ ๑๐

    อีกประเด็นที่สนทนาอาจารย์อยู่แล้ว ก็คิดว่าคงจะต้องสนทนาเผยแพร่ไปด้วย ก็คือ ประเด็นว่าพระภิกษุรับเงินและทองไม่ได้ เมื่อรับมาแล้ว ต้องอาบัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์ ก็คือว่าต้องสละสิ่งนั้นไป แต่เมื่อสละแล้ว ก็ยังมีความละเอียดอีกว่า ถ้าสละไปแล้วอย่างเช่นสมมุติผมเป็นพระ แล้วผมอาบัติไปรับเงินรับทอง และผมก็เป็นสละท่ามกลางสงฆ์ และเงินทองนั้นจะย้อนกลับมาเป็นของภิกษุนั้นอีกไม่ได้เลย แม้ว่าเงินทองนั้นจะไปเปลี่ยนเป็นรูปแบบของอาหารอะไรที่เหมาะกับท่านก็ไม่สามารถรับ

    ท่านอาจารย์ ถ้าได้ย้อนกลับมา จะชื่อว่าสละหรือเปล่า ทุกคำต้องละเอียดมาก ความละเอียดของพระศาสนาลึกแค่ไหน สำหรับผู้ที่มีเจตนาที่จะสละอาคารบ้านเรือน ต้องจริงใจ ต้องทำได้ ถ้าทำไม่ได้จะเป็นภิกษุทำไม เป็นโทษอย่างมากเลย

    อ. อรรณพ เป็นอภิธรรมเลยว่า ก็ยังมีจิตเจตสิกที่เป็นอกุศลจิตที่ยังมีความมีเล่ห์มีกลที่ว่าเอาไปเหอะเดี๋ยวไงจะทำเป็นสละไป แล้วก็จะกลับมา มันก็ยังมีความไม่ละอาย ความไม่เกรงกลัว ความไม่ตรง

    ท่านอาจารย์ แล้วอย่างนี้คฤหัสถ์ควรจะศึกษาให้รู้ความละเอียดไหม เพราะเป็นประโยชน์กับคฤหัสถ์ด้วย ไม่ใช่สำหรับจะอนุเคราะห์ภิกษุเท่านั้น ยังรู้สึกถึงกิเลส ละเอียดแค่ไหน ลึกซึ้งแค่ไหน ถึงแม้ว่าจะสละเพศคฤหัสถ์แล้วเป็นบรรพชิต กิเลสก็ยังตามไปถึงอย่างนั้น เพราะฉะนั้นเป็นผู้ตรง คฤหัสถ์จึงไม่บวช เพราะเป็นผู้ตรง รู้ว่าจะอบรมเจริญปัญญาในเพศของคฤหัสถ์ได้ สามารถที่จะเป็นพระโสดาบัน พระสกทาคามีบุคคล พระอนาคามีบุคคล และเมื่อถึงความเป็นพระอรหันต์เมื่อไรจึงละอาคารบ้านเรือน นี้คือความตรงและความจริงใจ ไม่ใช่ชวนกันไปบวชเป็นพันเป็นหมื่นเป็นแสนเป็นล้าน เพื่อดูหมิ่นพระธรรมวินัย ประมาทพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือเปล่าว่าใครๆ ก็บวชได้หมด ซึ่งความจริงไม่ได้ บวชไม่ได้ ถ้าป็นผู้ที่มีศรัทธาและมีความเข้าใจ และด้วยความจริงใจ ไม่ใช่บวชเล่น การบวชจะเป็นภาคฤดูร้อนหรืออะไรก็ตามแต่ เหมือนเป็นของเล่น ใครก็ได้บวช ไม่รู้อะไรก็ได้บวช บวชให้ครบจำนวน ๑๐ ๒๐ ร้อย ๒๐๐ พัน ๒๐๐๐ หมื่น ๒๐,๐๐๐ จนถึงแสนจนถึงล้าน ไม่มีในคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเลย เพราะไม่ใช่ให้ใครไปบวชเล่นๆ เพื่ออะไร บวชคืออะไร บรรพชาคืออะไร การละการสละทั้งหมด มารดาบิดา โภคสมบัติ มิตรสหาย ความสนุกสนานรื่นเริง ไม่ว่าจะทำอะไร ถ้าทำผิดต่อพระศาสนา โทษร้ายแรงมาก เพราะว่ากว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะบำเพ็ญพระบารมีพบความจริงของสิ่งที่เป็นจริงเดี๋ยวนี้ และทรงพระมหากรุณาแสดงธรรมให้คนอื่นได้เข้าใจถูกต้อง แต่คนประมาทเข้าใจผิด ทำสิ่งซึ่งไม่ถูกต้องตรงตามธรรมวินัย เพราะฉะนั้นคำไม่จริงทำลายคำจริง ความคิดที่ว่าส่งเสริมเป็นการทำลาย เพราะไม่รู้ แทนที่จะบวช ค่ายคุณธรรมดีกว่าไหม เพราะว่าเป็นอิสระ เป็นตัวเองตามวัย ค่ายคุณธรรม แทนที่จะต้องมาเสียเงินบวช บางแห่งก็บอกว่าไม่ต้องเสียเงินเลย บวชไม่คิดเงิน ไม่ต้องใช้จ่ายเงิน แต่จริงหรือเปล่า เป็นคนที่ตรง ต้องมีเงินแน่ๆ สำหรับไตรจีวร เงินนั้นมาจากไหน ต้องมีผู้บริจาค เกินจำนวนของพระก็ได้ หรือว่าถ้าบอกว่า จะมีเณรบวชหมื่นรูป เงินมาแล้ว เกินจำนวนไตรจีวรด้วย เพราะฉะนั้นทุกอย่างที่ไม่ตรง เป็นอันตรายอย่างยิ่ง ตายแน่ทุกคน แต่ขอให้เป็นความดีที่ได้ทำ ไม่ใช่ความชั่วที่ได้ทำ แล้วไม่แก้ไข เพราะฉะนั้นแทนที่จะให้มีการบวชเณร มีค่ายคุณธรรมสำหรับเยาวชน คำสอนใดๆ สอนได้ ตามลำดับขั้น สอนมงคลสูตรก็ได้ ให้มีความกตัญญูต่อพ่อแม่ ให้รู้คุณของพ่อแม่ ทุกอย่างที่เป็นความดี อบรม เป็นค่ายคุณธรรม ดีกว่าให้บวช ซึ่งเหมือนกับเอาพระศาสนามาเป็นของเล่น เพราะเหตุใด จำนวนตั้งเยอะแยะนี่หรือในพระไตรปิฏก ไปเอามาจากไหน บวชเณรบวชพระ ล้านรูป แสนรูป มีหรือ นี้ก็แสดงให้เห็นว่า ถ้ามีการแก้ไขก็จะไม่เป็นประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้นต่อการที่จะกระทำต่อไป มีแต่โทษ และความตาย ถ้าระลึกถึงความตาย ก็สมควรอย่างยิ่งที่จะต้องทิ้งสิ่งที่ผิดโดยเร็วที่สุดที่สามารถจะทำได้ และก็ทำสิ่งที่ถูกต้อง ยังมีเวลา

    พระคุณเจ้า บางครั้งก็บวชเป็นล้านอย่างนี้

    ท่านอาจารย์ มีไม่ใช่แค่โฆษณา เป็นล้านมีไหม จะให้ถึงล้าน

    พระคุณเจ้า แต่ถ้าสมมุติว่าบวชอย่างนี้แต่ท่านก็ไม่ได้ศึกษาธรรมวินัยอะไรหรอก แต่ตามที่อาตมาเข้าใจ ก็เป็นอุปนิสัยปัจจัย

    ท่านอาจารย์ ไม่เป็น ไม่เป็นเพราะไม่รู้ว่าบวชคืออะไร และจะเป็นอุปนิสัยได้อย่างไร อุปนิสัยไม่รู้ต่อไป และอุปนิสัยไม่เคารพพระรัตนตรัย และอุปนิสัยทำลายคำสอนซึ่งยากที่จะมีได้ และอุปนิสัยให้โทษแก่คนอื่น ไม่ได้ให้ความจริงไม่ได้ความถูกต้อง ทำไมไม่เป็นค่ายคุณธรรมสำหรับเยาวชน แทนที่จะบวชเณร

    พระคุณเจ้า แต่ตอนที่อาตมาบวช อาตมาก็ไม่รู้เรื่องอะไร แต่ว่า

    ท่านอาจารย์ นี่พระคุณเจ้ายืนยัน ไม่รู้เรื่องแล้วบวช พระพุทธเจ้าไม่ได้ให้ใครไม่รู้เรื่องแล้วบวช และยิ่งเป็นจำนวนมากๆ ชวนกันบวชเพื่ออะไร บางคนถูกชักชวนให้บวช ขอให้บวชให้เต็มจำนวน ไปกันใหญ่

    พระคุณเจ้า แต่บวชมาแล้วก็ได้ศึกษาธรรมของพระผู้มีพระภาค ก็รู้ไปเรื่อยๆ

    ท่านอาจารย์ ไม่รู้ ถ้าตั้งต้นผิดไม่รู้ พระคุณเจ้าไม่ได้รู้เรื่องเมตตา พระคุณเจ้าไม่รู้เรื่องจิต ไม่รู้เรื่องอนัตตา มีแต่ให้กำหนด ให้ทำ ไม่ใช่คำสอนของผู้สัมมาสัมพุทธเจ้า

    ถ้าไม่แก้ไขเป็นโทษอย่างยิ่ง หนักมาก ทางไปมีแล้วคืออบายภูมิ นรก เพราะฉะนั้นไม่ใช่ว่าใครจะบวชก็บวช ไม่มีเลย แล้วบวชไปทำไม เศรษฐีหัวโล้น โมฆะบุรุษ ภิกษุแกลบ หรืออะไรที่ว่า ข้างในไม่มีเมล็ดข้าว แต่ภายนอกมีเหมือนเปลือกที่ลวงว่าข้างในมีเมล็ดข้าว

    พระคุณเจ้า บวชมาเพื่อเอามาศึกษาธรรมของพระผู้มีพระภาค

    ท่านอาจารย์ ผิดๆ ดูลมหายใจผิดไหม ไม่มีความเข้าใจอะไรเลยทั้งสิ้น พุทโธไม่เข้าใจเลย และพูดทำไม พูดคำนี้เพื่ออะไร ในเมื่อไม่รู้ความหมาย

    พระคุณเจ้า แต่ต่อมาเราได้ศึกษาแล้วเราก็

    ท่านอาจารย์ ต่อมานานเท่าไหร่ะ ก็อาจจะตายก่อน นี่เป็นความหวังดี พูดคำจริงเพื่อประโยชน์ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพิจารณาแล้วว่า มีอะไรที่พระองค์จะเคารพ ไม่มีใครที่พระองค์จะเคารพได้เลยนอกจากพระธรรม ธรรม เพราะฉะนั้นพระองค์เคารพธรรม คนไม่เข้าใจว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเคารพธรรมอย่างไร ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้สะสมการที่สามารถจะเข้าใจธรรมจากการได้ยินได้ฟัง แม้เขาอยู่ไกล เสด็จไปด้วยพระบาท ไม่ได้ใส่รองพระบาทด้วย เพื่ออนุเคราะห์เขา เพราะเคารพในธรรม ธรรมเป็นสิ่งประเสริฐสุดซึ่งเมื่อใครได้เข้าใจที่ถูกต้องแล้วเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในชีวิตของเขา ในสังสารวัฎ ไม่ใช่เฉพาะชาตินี้ชาติเดียว เพราะฉะนั้นผู้ที่เคารพธรรม ไม่มีอะไรที่จะสำคัญเท่าประโยชน์ที่จะให้คนอื่นได้เข้าใจถูกต้องด้วย เพราะฉะนั้นก็จะเห็นได้ ถ้าเคารพธรรม ทุกอย่างเพื่อธรรม ไม่ต้องกลัวใครทั้งสิ้น เพราะว่าคำจริง พูดคำจริง เป็นโทษอะไร มีแต่ความหวังดี เพราะฉะนั้นทุกคนทุกท่านที่เคารพในธรรม ไม่เห็นว่าจะลำบากในการที่จะทิ้งความเห็นผิดเลย และไม่ลำบากที่จะเริ่มต้นในสิ่งที่ถูก เพราะถ้าไม่เริ่มต้น ยิ่งละยาก ถูกยากขึ้น

    พระคุณเจ้า ก็แสดงว่าก่อนที่จะเข้ามาบวชนี้ ต้องศึกษาธรรมให้เข้าใจก่อน

    ท่านอาจารย์ ในสมัยพุทธกาล ฟังธรรมแล้ว ไม่ใช่อยู่ดีๆ มาจากไหนก็บวช

    พระคุณเจ้า แต่สมัยนี้คนไม่เข้าใจธรรม

    ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้นบวชด้วยอะไร ด้วยความอยาก ปฏิเสธไม่ได้เลย ด้วยโลภะ ด้วยความต้องการบวชเท่านั้น ไม่ได้เห็นคุณของพระรัตนตรัย เพราะยังไม่เข้าใจธรรม

    พระคุณเจ้า แต่ถ้าบวชมาแทนคุณของพระรัตนตรัย ก่อนที่จะบวชท่านก็มีการศึกษามาแล้ว แล้วก็ไปบวชอย่างนี้

    ท่านอาจารย์ ต้องรู้อัธยาศัยของตนเอง ท่านอนาถบิณฑิกะเป็นพระโสดาบันไม่ได้บวช วิสาขามิคารมารดาเป็นพระโสดาบันไม่ได้บวช หมอชีวกโกมารภัตเป็นพระโสดาบันไม่ได้บวช พระเจ้าพิมพิสารเป็นพระโสดาบันไม่ได้บวช เพราะฉะนั้นไม่มีใครบังคับให้ใครบวช แต่เป็นอัธยาศัยที่บุคคลนั้นรู้เองว่า การบวชต้องเป็นผู้มีอัธยาศัยใหญ่จริงๆ เงินทองทรัพย์สมบัติรถยนต์เงินในธนาคารทุกสิ่งทุกอย่างทั้งหมดไม่มี สละหมด เพราะเป็นผู้ที่จะขัดเกลากิเลส โดยการที่รู้ความจริงของรูปเสียงกลิ่นรสสัมผัส ติดข้องมานานแสนนาน ถ้ายังไม่รู้ความจริงก็ละไม่ได้ ก็ยังยึดถือว่าเป็นเรา และก็มีความต้องการมากมายสืบต่อแต่ละชาติ แต่ละขณะไป ตั้งแต่เช้ามานี่ก็สะสมอกุศลมากมาย กุศลมีเมื่อเข้าใจธรรม ลองเปรียบเทียบดูอะไรจะเป็นค่า คุ้มค่าต่อการฟังด้วยการมีชีวิตอยู่ ที่ชีวิตถึงจะลำบากสักเท่าไหร่ ก็อยู่ได้เมื่อเข้าใจธรรม แต่ถ้าไม่เข้าใจธรรม ชีวิตจะสุขสบายสักเท่าไหร่ ก็อยู่ยากเพราะไม่เข้าใจธรรม บางคนก็อยู่อย่างทุจริตด้วย

    พระคุณเจ้า ขออนุญาตถามต่อ มีข้อความบางประการพูดถึงเรื่องหญ้าคาอันบุคคลจับไม่ดี ย่อมตามบาดซึ่งมือ ฉันใด คุณเครื่องความเป็นแห่งสมณะอันบุคคลประพฤติย่อหย่อน มีแต่การคร่าไปในนรกอย่างเดียว คือย่อหย่อนในที่นี้หมายถึงอย่างไร

    ท่านอาจารย์ ก็ไม่ประพฤติตามธรรมวินัย คิดว่าเล็กน้อยบ้าง

    พระคุณเจ้า แล้วก็รวมทั้งการไม่ศึกษาธรรมด้วยใช่ไหม

    ท่านอาจารย์ ทั้งหมด ประมาทไม่ได้เลย

    พระคุณเจ้า นึกว่าการบวชนี้เป็นของเล่นๆ แบบบวชตามประเภทนี้ บวชแล้วตามพวกตาม..ที่จะพาไป อยากบวชก็บวช อยากสึกก็สึก เหมือนกับโยมอาจารย์กล่าวเมื่อสักครู่ แต่จริงๆ การบวชคือเป็นของที่หนักมาก ยากที่จะประพฤติให้ตรงตามธรรมวินัย ที่เหมือนกับพระอริยบุคคลที่ท่านประพฤติในสมัยก่อน

    ท่านอาจารย์ ก่อนจะบวชต้องรู้ว่าบวชทำไม แน่ใจหรือว่าจะสละเพศคฤหัสถ์ เพราะว่าแม้เป็นคฤหัสถ์ก็รู้แจ้งอริยสัจธรรมได้

    พระคุณเจ้า จึงทำให้มาเริ่มเข้าใจว่า ที่ตัวเองบวชในสมัยนี้ คือผิดแล้ว ตัดสินใจมาผิด ผิดอย่างไร ก็เพราะว่ายังไม่ได้ศึกษาธรรมมาก่อน ไม่ได้เข้าใจ ไม่ได้บวชเพราะฟังธรรมเข้าใจ และก็รู้จักอัธยาศัยของตัวเองจริงๆ บวชเพราะพ่อแม่อยากให้บวชก็บวชตาม ต่อให้ศึกษาแต่ก็ศึกษาแบบเรื่องราว ไม่ได้ศึกษาตัวธรรมเข้าใจในการอบรมเจริญปัญญาจริงๆ ก็เลยเป็นสิ่งที่ผิดมาตลอด

    ท่านอาจารย์ แก้ไขได้ แล้วแต่ว่ารู้อัธยาศัยของตนเองว่า สามารถที่จะศึกษาธรรมให้ถูกต้อง เพื่อที่จะขัดเกลากิเลสในเพศบรรพชิต โดยประพฤติปฏิบัติตามพระวินัย หรือว่ารู้อัธยาศัยตัวเองว่าไม่สามารถที่จะเป็นพระภิกษุตามพระธรรมวินัยได้ ก็ลาสิกขา

    พระคุณเจ้า แต่ละบุคคลก็เริ่มมาจากครอบครัวที่แตกต่างกัน ทำเหตุไม่เหมือนกัน บางคนไม่มีโอกาสกระทั่งฟังเลย แล้วบุคคลเหล่านั้นเมื่อจะมาบวชพื้นฐานแล้วถ้าเขาไม่เคยเสพมาเลย โอกาสที่จะบวชเพราะเหตุผลที่เข้าใจธรรม มันจะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะยาก แล้วบางคนก็เกิดมาบวช มาขอบวชแล้ว การที่พระภิกษุรูปหนึ่ง มาทำหน้าที่รับแล้วห้ามการบวชของเขา มันจะไม่เป็นอกุศลที่จะติดตามเราไปที่เขาตั้งใจมาบวชแล้วเราไปห้ามเขา เพราะว่าเขาไม่เข้าใจธรรม ถ้าเคยเขามีกุศล และจิตมีใจศรัทธาแต่ว่าความรู้เขายังไม่ได้

    ท่านอาจารย์ ศรัทธาอะไร

    พระคุณเจ้า ศรัทธาในการที่จะมาฝึกฝนตนเอง

    ท่านอาจารย์ ไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย เพราะไม่รู้ว่าศึกษาอะไร

    พระคุณเจ้า คือเรื่องของธรรมที่โยมอาจารย์อธิบาย ก็เป็นเรื่องที่ลึกซึ้งมาก ธรรมอย่างนี้จะปรากฏในที่ต่างๆ ไม่ได้มีได้ง่ายๆ

    ท่านอาจารย์ เป็นบุญของผู้ที่มีโอกาสได้เข้าใจ

    พระคุณเจ้า บุคคลนั้นถ้าเกิดไม่เคยได้ยินมาเลย แต่ว่าอาศัยปรารภกุศลขั้นที่ต่ำกว่านั้น

    ท่านอาจารย์ ก็ทำกุศลในเพศคฤหัสถ์

    พระคุณเจ้า แต่ว่า ขณะที่เขามาติดต่อ เขามีความต้องการทำกุศลขั้นสูงคือการบวช แล้วมาฝึก

    ท่านอาจารย์ กุศลขั้นสูงไม่ใช่การบวชโดยการไม่เข้าใจ ถ้าไม่เข้าใจแล้วจะเป็นกุศลขั้นสูงไม่ได้เลย กุศลขั้นทานก็ยังต่ำกว่าขั้นที่เข้าใจ เพราะเหตุว่าไม่ว่าจะให้ท่านสักเท่าไร ก็ไม่เท่ากับมีพระรัตนตรัยเป็นสรณะ ก็แสดงความต่างของกุศลว่าจะสูงขึ้นได้อย่างไร การบวชไม่ใช่กุศลขั้นสูงเมื่อไม่เข้าใจและเข้าใจผิด ไม่รู้อะไรเลยแล้วจะชื่อว่าสูงได้อย่างไร ความไม่เข้าใจไม่ใช่กุศล

    พระคุณเจ้า อาตมาเวลาได้ยินเรื่องราวเหล่านี้ ก็จะกังวลว่าเหมือนเราไปปิดโอกาส ที่เดิมเขาแย่กว่านั้น แล้วเขามาแล้วมีโอกาสได้เรียนรู้ในสิ่งที่เขาไม่เคยเรียน

    ท่านอาจารย์ พระคุณเจ้าคิดว่าเป็นคฤหัสถ์ที่ดียากไหม แค่เป็นคฤหัสถ์ที่ดียังยาก แล้วถ้าเป็นภิกษุจะยิ่งยากกว่าสักแค่ไหน

    พระคุณเจ้า อาตมาเห็นว่ามันเป็นความยาก แต่เมื่อเขายินดีที่จะมีศรัทธาที่จะมาบวช

    ท่านอาจารย์ ขอประทานโทษ ไม่ใช่ศรัทธา แต่อยาก ศรัทธากับอยากต่างกัน ศรัทธาต้องฟังแล้วเข้าใจ จิตผ่องใส และรู้จักตนเองว่าจะขัดเกลากิเลสในเพศบรรพชิต ด้วยความตรงต่อพระธรรมวินัย คือต้องศึกษา จากการที่ได้เข้าใจแล้ว และศรัทธา พร้อมกันนั้นก็ต้องรู้ว่า พระวินัยทุกข้อที่พระผู้มีพระภาคทรงบัญญัติ เพื่อความผาสุกของผู้ที่เป็นบรรพชิต เมื่อปฏิบัติตามแล้วผาสุก แต่ถ้าไม่ประพฤติปฏิบัติตามไม่ใช่ความผาสุกของบรรพชิต เป็นความเดือดร้อนอย่างยิ่ง เพราะฉะนั้นไม่ใช่ว่าบวชแล้วจะเป็นกุศลอย่างสูง


    หมายเลข 10633
    16 มิ.ย. 2568