ฟังจนมั่นคงในความเป็นอนัตตา


    เรณู   อยากจะกราบเรียนท่านอาจารย์ว่า  ฟังอย่างไร ที่ฟังจนกระทั่งไม่คิดที่จะปฏิบัติต่อไป กราบเรียนเชิญท่านอาจารย์ค่ะ

    ส.   คือฟังให้เข้าใจเรื่องความเป็นอนัตตาของสภาพธรรมะทั้งหลายจนมั่นคง เมื่อทราบว่า เป็นอนัตตา ก็ไม่มีการที่จะเป็นเรา ที่คิดจะทำอย่างหนึ่งอย่างใด  เพราะเหตุว่า แม้ขณะที่คิดอย่างนั้นก็เป็นสภาพธรรมะอย่างหนึ่งซึ่งเป็นนามธรรม

    เพราะฉะนั้น สภาพธรรม มี ๒ อย่างจริงๆ คือ นามธรรมอย่างหนึ่ง และรูปธรรมอย่าง หนึ่ง เพียงได้ยิน ๒ ชื่อ จะต้องเข้าใจไปจนตลอดชีวิต กี่ชาติ ก็ตามแต่ จนกว่าจะรู้แจ้งอริยสัจธรรมถึงขั้นความเป็นพระอรหันต์ เพราะว่าสภาพธรรมะจริงๆ เป็นอย่างนั้น สภาพธรรมะที่ไม่สามารถจะรู้อะไรได้เลย ก็เป็นส่วนหนึ่ง คือ ไม่ว่าจะเกิดเมื่อไร ก็ไม่รู้ ไม่สามารถที่จะเห็น ไม่สามารถที่จะคิด ไม่สามารถที่จะได้ยิน แต่ว่ามีลักษณะเฉพาะที่แสดงให้เห็นว่า สภาพนั้นมีจริงๆ เช่น สิ่งที่กำลังปรากฏทางตา เสียงที่กำลังปรากฏทางหู ความเย็นร้อน หรืออ่อนแข็ง ตึงไหว ที่ปรากฏเมื่อกระทบกาย เป็นสิ่งที่มีจริง แต่เป็นเพียงธาตุ หรือสภาพธรรมะที่ไม่สามารถจะรู้อะไรได้เลย แต่จะกล่าวว่าไม่มี ไม่ได้ มี แต่เพราะความไม่รู้ ก็เลยไม่สนใจในลักษณะที่เป็นธรรมะของธรรมะทั้งหลาย ไม่สนใจที่จะเข้าใจถ่องแท้จริงๆ ว่า ไม่ใช่วัตถุสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่เคยเข้าใจว่าเที่ยง ไม่เกิดดับ แล้วก็ยึดถือว่า เป็นตัวตน  หรือว่าเป็นเรา ตั้งแต่เกิดจนตาย แต่ให้รู้ความจริงว่า ที่พระผู้มีพระภาคทรงตรัสรู้ ก็คือตรัสรู้ความจริงของสภาพธรรมะที่มีจริงๆ จนกระทั่งหมดความไม่รู้ทั้งหมด แล้วก็ดับกิเลสได้ทั้งหมด

    ก็เป็นเรื่องที่ทุกท่านจะต้องฟังแล้วก็พิจารณาว่า เป็นจริงๆ อย่างที่ได้ฟังหรือเปล่า แล้วการรู้ก็มีหลายระดับขั้น คือรู้ขั้นฟัง ก็เข้าใจ แต่ยังไม่ประจักษ์ลักษณะซึ่งแยกเป็นส่วนๆ แต่ละลักษณะ ปรากฏว่า ไม่ใช่สิ่งซึ่งรวมกัน ประชุมกัน เป็นตัวตนหรือเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด ก็ต้องค่อยๆ อบรมไป ฟังไป

     


    หมายเลข 10133
    17 ก.ย. 2558