สุริยุปราคา.....

 
oom
วันที่  2 ส.ค. 2551
หมายเลข  9445
อ่าน  1,333
เมื่อวันที่ 1 ส.ค 51 เกิดสุริยุปราคา ทำให้แต่ละคนคิดกันไปต่างๆ นาๆ ว่าเป็นลางบอกเหตุ จะเกิดเหตุร้าย ให้ช่วยกันสวดมนต์ ทำบุญ มันเป็นความเชื่อที่สืบต่อกันมา ถือว่าเป็นความงมงายหรือไม่ เพราะดิฉันคิดว่าการทำบุญ หรือสวดมนต์ควรทำตลอด ไม่ใช่มาทำตอนเกิดสุริยุปราคา หรือว่าเหตุอื่นๆ

  ความคิดเห็นที่ 1  
 
prachern.s
วันที่ 3 ส.ค. 2551
ความเชื่อที่ขาดเหตุผล อธิบายไม่ได้ ความเชื่อที่ไม่สอดคล้องกับพระธรรมคำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เรียกว่า งมงาย ความจริงแล้วตามหลักคำสอนทรงแนะนำสาวกให้เจริญกุศลทุกประการ เพราะกุศลเป็นสิ่งที่ควรกระทำ กุศลเป็นเหตุอันนำมาซึ่งความสุขและความเจริญ กุศลควรเจริญเป็นนิจไม่ใช่เฉพาะกาลเวลาเท่านั้น
 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
wannee.s
วันที่ 3 ส.ค. 2551

อะไรที่ไม่ใช่เรื่องของกรรม เป็นมงคลตื่นข่าวค่ะ ให้เชื่อกรรมและผลของกรรม ถ้าทำ

เหตุดีผลต้องดีแน่นอน กุศลให้ผลเป็นสุข ให้ความไม่มีโทษ ให้ความไม่มีโรคคือกิเลส

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
paderm
วันที่ 3 ส.ค. 2551

ขอนอบน้อมแด่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ผลดีและผลร้ายย่อมเกิดจากเหตุที่ดีและเหตุที่ไม่ดี อะไรคือเหตุดีและไม่ดี

กุศลกรรมคือเหตุดี อกุศลกรรมคือเหตุที่ไม่ดี การเห็นดวงดาวหรือเห็นสิ่งต่างๆ

ที่ คิดว่าเป็นมงคลหรือลางร้ายก็ต้องเพราะมีจิตเห็นเกิดขึ้น จึงจะเห็นเป็นสิ่ง

ต่างๆ ได้ ดังนั้นสิ่งที่เห็นเป็นสภาพธรรมอย่างหนึ่ง คือ สี (สิ่งที่ปรากฏทางตา)

เป็นรูปธรรม เป็นสภาพธรรมที่ไม่รู้อะไร เมื่อเป็นสภาพธรรมที่ไม่รู้อะไร จะมี

อิทธิพลหรือเป็นเหตุให้เกิดจิตชาติวิบากที่เป็นผลของกรรม (ผลดีหรือไม่ดี) ไม่-

ได้เลย รวมทั้งจิตเห็นที่เกิดขึ้น ก็ทำหน้าที่เห็นเท่านั้นเป็นผลของกรรม (วิบาก) ไม่ใช่เหตุที่จะให้เกิดผลที่ดีและไม่ดี เหตุย่อมตรงกับผลครับ พระพุทธศาสนา

จึงแสดงความจริงว่าอะไรคือเหตุ (กุศลหรืออกุศล) อะไรคือผล (วิบาก) ตามความเป็นจริง ขออนุโมทนาครับ
อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
choonj
วันที่ 4 ส.ค. 2551


ถีงจะเป็นมงคลตื่นข่าว แต่ก็มี่คนจำนวนมากเชื่อว่า อกุศลหรือกุศลกำลังจะให้

ผลเพราะเป็นลางบอกตามหลักโหราศาสตร์ ซึ่งมีมาก่อนพุทธการจนถึงทุกวันนี้ก็ยัง

นิยมอยู่ด้วยคนประมานครึ่งโลกหรือมากกว่า การที่เชื่อว่าอกุศลและกุศลกำลังจะให้ผล

ก็เป็นไปตามทางพุทธอยู่แล้วแต่ถึงกับจะต้องไปสวดมนต์หรือทำอะไรก็เป็นเรืองงมงาย


พุทธศาสนาสอนให้เชื่อในเหตุและผลดีที่สุดดรับ
 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
Pararawee
วันที่ 4 ส.ค. 2551
เห็นด้วยกับคุณชุณห์ค่ะ พระพุทธศาสนาสอนให้เรามีเหตุผลค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
khampan.a
วันที่ 4 ส.ค. 2551

พระผู้มีพระภาคทรงแสดงพระธรรม ก็เพื่อให้พุทธบริษัทมีความเข้าใจถูก เห็นถูกซึ่งเป็นปัญญาของตนเอง ดังนั้น ผู้ที่เป็นพุทธบริษัท ต้องไม่เชื่อมงคลตื่นข่าว (ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ จะช่วยอะไรหรือจะทำอะไรได้) แต่จะต้องเป็นผู้มีความมั่นคงที่จะรู้ว่า ทุกคนมีกรรมเป็นของของตน เราจะไปให้กรรมกับคนอื่น หรือ ให้ผลกับคนอื่นก็ไม่ได้ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับบุคคลแต่ละบุคคล ก็เพราะเหตุที่ได้กระทำมาแล้ว

(เหตุย่อมสมควรแก่ผล) การที่ชีวิตของแต่ละบุคคลต้องประสบกับขึ้นๆ ลงๆ ทุกข์บ้างสุขบ้าง นั้น ก็มาจากเหตุคือกรรมที่ได้กระทำมาแล้ว ไม่ใช่คนอื่นทำให้ การเกิดมาในโลกนี้ก็เกิดมาเพราะกรรมของตน เมื่อเกิดมาแล้ว ชีวิตจึงมีอยู่สองส่วนด้วยกันคือ ส่วนหนึ่งเป็นผลของกรรม และอีกส่วนหนึ่ง เป็นส่วนของการที่จะสั่งสมกรรมที่จะทำให้เกิดผลข้างหน้า ผู้ที่เข้าใจ ก็สามารถที่จะพิจารณาตามได้ว่า พึงสั่งสมกรรมที่ดีงาม

เท่านั้น ดังนั้น เมื่อเป็นผู้ที่เข้าใจในเรื่องกรรมและผลของกรรมแล้ว จะเป็นเครื่องเตือนให้ไม่ประมาทในการเนินชีวิต ไม่ประมาทในการเจริญกุศลประการต่างๆ พร้อมทั้งการอบรมเจริญปัญญา เพื่อความเข้าใจถูก เห็นถูกในลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง ด้วย จึงค่อยๆ สั่งสมความเข้าใจธรรมไปทีละเล็กทีละน้อย (ชีวิตของบุคคลผู้มีความเห็นถูกจะคิด ทำ สั่งสมแต่สิ่งที่ดีงาม) ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่าน ครับ...
 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
suwit02
วันที่ 4 ส.ค. 2551

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
pornpaon
วันที่ 7 ส.ค. 2551

อ้างอิงบางส่วนจากความคิดเห็นที่ 6 โดย คุณ khampan.a

การที่ชีวิตของแต่ละบุคคลต้องประสบกับขึ้นๆ ลงๆ ทุกข์บ้างสุขบ้าง นั้น ก็มาจากเหตุคือกรรมที่ได้กระทำมาแล้ว ไม่ใช่คนอื่นทำให้

* * * * *

สะสมเหตุดี ผลย่อมดี แต่เพราะต่างคนต่างสะสมมามากในกรรมทั้งสองฝ่าย

ฉะนั้นจึงต้องมั่นคงในเรื่องกรรมและผลของกรรม ขออนุโมทนาคุณคำปั่น

ขออนุโมทนาทุกท่านค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ