ความทุกข์ของคุณทองหลาง

 
suwit02
วันที่  31 ก.ค. 2551
หมายเลข  9431
อ่าน  2,497

เรียน เพื่อนสมาชิกทุกท่าน

คุณทองหลาง ได้ขอคำแนะนำจากท่านทั้งหลาย ไว้ในความคิดเห็นที่ 9

กระทู้ 9313 ความตาย ......

ผมเห็นว่า เพื่อนสมาชิกอาจไม่ทันเห็นคำร้องขอ ของคุณทองหลาง จึงใคร่ขออนุญาต บ้านธัมมะ นำคำที่คุณทองหลางกล่าวไว้มาตั้งเป็นกระทู้ใหม่ เพื่อคุณทองหลางจะได้มีโอกาสได้รับความอนุเคราะห์ เกื้อกูลจาก สมาชิกบ้านธัมมะ โดยทั่วถึงกัน

ขออนุโมทนาครับ

คุณทองหลางได้กล่าวไว้ดังนี้ครับ

ผมเป็นคนที่เชื่อในเรื่องบุญกรรมมากและพยายามสร้างบุญกุศลเสมอมา กลัวในเรื่องการทำบาปมากๆ ในชีวิตผมและภรรยาช่วยเหลือผู้คนไว้มากมาย เพราะผมเป็นเจ้าของธุรกิจจึงมีกำลังพอสมควรที่จะช่วยเหลือคนอื่น ทำนุบำรุงศาสนาด้วยความเลื่อมใสตามกำลังเสมอๆ ผู้คนรอบๆ ข้างให้ความนับถือและเชื่อมั่นในความเป็นคนที่มีสัจจะและให้ความเคารพ ซึ่งผมและภรรยามีกำลังใจที่จะสร้างความดีต่อไปและตั้งปณิธานเอาไว้ว่าจะเป็นที่พึ่งของคนตกทุกข์ได้ยาก จนบางครั้งมีหลายๆ คนไม่เข้าใจว่าทำไมต้องช่วยคนนั้นคนนี้ แต่ผมและภรรยารู้สึกปลื้มใจและสุขใจถ้าได้ช่วยใครๆ ให้พ้นจากความทุกข์หรือความเดือดเนื้อร้อนใจ แต่เมื่อสองปีก่อนผมประสบกับปัญหาทางธุรกิจ ต้องปิดบริษัท ต้องขายสมบัติทุกอย่างที่ร่วมสร้างกันมากับภรรยา จนไม่มีที่อยู่ที่อาศัย ต้องมาอาศัยเขาอยู่ สภาพที่เป็นอยู่ในขณะนี้จึงเป็นเสมือนคนที่สิ้นเนื้อประดาตัว หมดกำลังใจ ท้อแท้ เหนื่อยหน่ายต่อการมีชีวิตมากๆ ภรรยาก็คิดมากจนเจ็บป่วยมีอาการหอบหืดผมไม่รู้ว่าเวรกรรมอันใด จึงทำให้เราต้องกลับกลายเป็นคนที่สูญสิ้นทุกๆ อย่างที่เป็นมาทั้งๆ ที่ผมและภรรยาสร้างแต่กรรมดีมาตลอด ขณะนี้ผมเอากำลังใจโดยหันหาพระธรรมสวดมนต์ไหว้พระ ภาวนาสมาธิ แต่ก็แสนยากเย็นเพราะไม่เข้าใจว่าอะไรเกิดขึ้นในชีวิตจึงสับสนไปหมดในเรื่องของเวรกรรม พิจารณาถึงเหตุผลก็วกไปวกมาเวียนมาบางทีก็ทำใจได้บางทีก็หดหู่จนไม่มีกำลังใจ ขอความกรุณาท่านผู้มีปัญญาได้ชี้แนะ ให้ทางสว่างกับเราทั้งสองด้วยเถิดครับ

ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆ ท่านครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
ajarnkruo
วันที่ 1 ส.ค. 2551

ขอแนะนำให้ศึกษาธรรมะครับ ถ้าไม่ศึกษาธรรมะ ก็ยากที่จะมีพระธรรมเป็นสรณะ เป็นที่พึ่งทางใจอย่างแท้จริงได้ ส่วนเรื่องของกรรมนั้น เป็นสิ่งที่ชาวพุทธควรศึกษาเช่นกันถ้ามีโอกาสศึกษา ก็ควรที่จะได้ศึกษาครับ เพราะเรื่องของกรรม ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะคิดหาข้อสรุปเอาตามความคิดเห็นของเราได้เลย ที่กล่าวว่า...ไม่รู้ว่าเวรกรรมอันใดทำให้มีเหตุอย่างนั้นเกิดขึ้น ก็เป็นความเข้าใจที่ถูกต้องขั้นหนึ่ง แต่ยังไม่พอครับ เพราะไม่ได้ทำให้เกิดความเข้าใจที่ชัดเจนขึ้น ยังไม่สามารถที่จะรู้ว่าขณะไหนเป็นกรรม ขณะไหนเป็นผลของกรรม ส่วนใหญ่เราจะคิดว่าเรื่องราวต่างๆ เป็นเวรเป็นกรรม แต่ความจริงกรรมไม่ใช่เรื่องราว แต่กรรมมีจริงๆ และละเอียดมาก ถ้าหากเข้าใจเรื่องของกรรมถูกต้องขึ้น มีการพิจารณาเหตุผลอย่างรอบคอบโดยอาศัยพระธรรมที่ได้ศึกษาเป็นที่พึ่ง ก็จะทำให้ค่อยๆ คลายโศกกับความเดือดร้อน ความยากลำบากลงได้ ด้วยปัญญาที่เห็นความจริงของชีวิตครับ

ท่านสามารถ Download หนังสือได้

กรรมคำตอบของชีวิต

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 1 ส.ค. 2551

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

ทุกอย่างก็ไม่พ้นไปจากเรื่องของกรรม กุศลกรรม (กรรมดี) เมื่อให้ผลย่อมให้ผลที่ดี อกุศลกรรม (กรรมไม่ดี) เมื่อให้ผลย่อมให้ผลไม่ดี แต่กรรมดีและไม่ดีนั้นย่อมมีกาลเวลาที่ จะให้ผล ตามประเภทของกรรมและปัจจัยต่างๆ อีกมากมาย ไมได้หมายความว่าเมื่อทำ กรรมดีในชาตินี้แล้ว ผลของกรรมจะให้ผลในชาตินี้ และที่ได้รับสิ่งที่ไม่ดีในชาตินี้ก็ย่อม เป็นผลมาจากกรรมที่ไม่ดีทีได้ทำไว้ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นกรรมไหนเมื่อไหร่ แต่ไม่ใช่เกิดจาก กรรมที่ดีแน่นอนครับ ทุกคนก็เคยทำกรรมดีและไม่ดีมามากมายในสังสารวัฏที่ยาวนาน จึงต้องประสบ ทุกข์และสุขเป็นธรรมดาของโลก เมื่อกรรมดีและไม่ดีให้ผล เป็นโลกธรรมจริงๆ ครับ มี ลาภก็ต้องเสื่อมลาภ..มีสุขก็ต้องมีทุกข์ ดังนั้นเมื่อเข้าใจเรื่องของกรรมมากขึ้น ก็เจริญ กุศลเพราะเป็นกุศล และผลที่ได้รับที่ดีย่อมเกิดจากกรรมดี ผลที่ได้รับที่ดีไมได้เกิด จากกรรมไม่ดี ก็จะไม่สับสนปนกันว่า ทำดีทำไม ได้ผลไม่ดีเพราะจริงๆ แล้วกรรมที่ไม่ดี มาให้ผลในขณะนี้ครับ แต่กรรมที่ดียังไม่ได้ให้ผลครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 1 ส.ค. 2551

พระพุทธเจ้าตรัสว่าความเสื่อมทรัพย์มีประมาณน้อย ความเสื่อมปัญญาชั่วร้ายที่สุด ความเจริญแห่งทรัพย์มีประมาณน้อย ความเจริญปัญญาประเสริฐที่สุด ดังนั้นผู้ที่มี ปัญญาแม้สิ้นทรัพย์ก็เป็นอยู่ได้ อยู่ด้วยความเข้าใจ จึงไม่ทุกข์ จึงขอแนะนำให้คุณได้ ศึกษาธรรมในแนวทางนี้ซึ่งมีไฟล์เสียงและหนังสือด้วยครับ ศึกษาธรรมไม่ใช่ให้หาย ทุกข์ทันที แต่ต้องรู้จักทุกข์ก่อนครับ เป็นกำลังใจ ด้วยการบอกให้ศึกษาพระธรรม

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 1 ส.ค. 2551


00511 เสื่อมปัญญาชั่วร้ายที่สุด

[๗๙] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความเสื่อมแห่งโภคะมีประมาณ น้อย ความเสื่อมแห่งปัญญาชั่วร้ายที่สุดกว่าความเสื่อมทั้งหลาย. [๘๐] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความเจริญด้วยโภคะมี ประมาณน้อย ความเจริญด้วยปัญญาเลิศกว่าความ เจริญทั้งหลาย เพราะฉะนั้นเธอทั้งหลายพึงสำเหนียก อย่างนี้ว่า เราทั้งหลายจักเจริญโดยความเจริญ ปัญญา ดูก่อนภิกษุทั้งหลายเธอทั้งหลายพึงสำเหนียกอย่างนี้แล.

[เล่มที่ 32] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 143

ธรรมเตือนใจวันที่ : 01-08-2551

ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
prakaimuk.k
วันที่ 1 ส.ค. 2551

ขอเป็นกำลังใจให้คุณทองหลางและภรรยา ในการเพียรศึกษาธรรม เพื่อให้เกิดความ เข้าใจที่มั่นคงเป็นปัญญาของตนเอง เข้าใจเรื่องทุกข๋ เรื่องสุข เรื่องของกรรมและผล ของกรรมทั้งที่เป็นกุศลกรรมหรืออกุศลกรรม ได้แจ่มแจ้งยิ่งขี้น ทำให้ค่อยๆ ละคลาย ความทุกข๋ใจและกายลงได้บ้าง และทำให้มองเห็นทางแก้ไขปัญหาต่างในชีวิตให้ ลุล่วงไปด้วยดี ด้วยเหตุผลที่เหมาะสมทั้งทางโลกและทางธรรมค่ะ กุศลกรรมการช่วยเหลือบุคคลผู้ทุกข์ยากต่างๆ ที่คุณได้กระทำมาเป็นที่น่าอนุโมทนา ค่ะ ควรมีจิตตั้งมั่นในการทำกุศลนี้อยู่เสมอ แม้ว่าขณะนี้จะมีวิบากกรรมที่ทำให้เดือด ร้อนใจกายก็ตาม อย่าละทิ้งการทำความดี อย่าละทิ้งการศึกษาธรรมะ ค่ะ ปัญญาเท่า นั้นที่จะแก้ทุกข์ได้......

ขออนุโมทนาในกุศลจิตและความกรุณาของคุณ suwit02 ค่ะ ที่โพสต์กระทู้นี้ขี้นมา ใหม่เพี่อความสะดวกแก่การสนทนา และเพี่อเอื่อประโยชน์แก่คุณทองหลาง..... และขออนุโมทนากับทุกๆ ความคิดเห็น เป็นประโยชน์มากค่ะ....

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
suwit02
วันที่ 1 ส.ค. 2551

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
yupa
วันที่ 1 ส.ค. 2551
วันนี้ คุณอ่านข่าวหน้าหนึง ของหนังสือพิมพ์ หรือยัง? ผลย่อมเกิดจากเหตุเสมอ ศึกษาคำสั่งสอนของพุทธองค์ แล้วจะเข้าใจ ว่า ทุกสิ่ง ย่อมมี ย่อมเสื่อม ขอเป็นกำลังใจให้ค้นพ้น ความจริงของชีวิตว่าคืออะไร หลายๆ คนเข้าใจว่า การทำความดี คือ ต้องการผลคือความรำรวย มันคนละเรื่องกันเลย เงินไม่ไช่คำตอบของชีวิต
 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
พุทธรักษา
วันที่ 1 ส.ค. 2551

ขอนอบน้อมแด่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น.

(ไม่ใช่ผู้มีปัญญา (แล้ว) .....แต่ขออธิบายตามความเข้าใจ ดังนี้ค่ะ)
เรียน...คุณทองหลาง.
การได้เป็นเจ้าของธุรกิจ (ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข) .....เป็นผลที่ดี (กุศลวิบาก)

จากเหตุ (ทีกระทำแล้ว) คือ ความดี (กุศลกรรม)

การทำนุบำรุงศาสนาด้วยความเลื่อมใส เป็นความดี (กุศลกรรม)

ที่จะให้ ผลที่ดี (กุศลวิบาก)

อันจะให้ผล ในชาตินี้หรือชาติไหน ไม่รู้ได้

การตั้งปณิธานในกุศล เป็นความดี (กุศลจิต)

หากได้ กระทำแล้ว (เป็นกุศลกรรม)

ให้ ผลที่ดีแน่นอน (กุศลวิบาก)

ความปลื้มใจ (ปิติ) จาก การทำดี (กุศลจิต)

เป็นเหตุปัจจัยให้ กระทำกุศล (กุศลกรรม) ทำดีต่อๆ ไปอย่างไม่ย่อท้อ และต่อเนื่องด้วยความเห็นถูก (กุศลจิต)

จะต้องเป็นเหตุปัจจัยให้เกิด ผลที่ดี (กุศลวิบาก)

การเสื่อมลาภ เสื่อมยศ เสื่อมจากคำสรรเสริญ และความทุกข์ใจทุกข์กายเป็นผล (อกุศลวิบาก) อันเกิดจาก ความไม่ดี (อกุศลกรรม)

ที่ได้กระทำแล้ว ชาตินี้หรือชาติไหน..ไม่รู้ได้

ความเจ็บป่วยของภรรยา ก็โดยนัยเดียวกัน.


การพึ่งพระธรรมนั้น ถูกต้องแล้วแต่ต้องพึ่งให้ถูก....คือการศึกษาให้เข้าใจในสิ่งที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสสอนต้องเข้าใจจริงๆ ว่าพระองค์ทรงสอนอะไร?
หาก ไม่เข้าใจ (อกุศลจิต) และ ยึดถือข้อปฏิบัติที่ผิด (อกุศลกรรม)

ผลก็คือ แสนยาก ไม่เข้าใจ สับสน วกวน ไม่สบายใจ (อกุศลกรรม เป็นเหตุให้เกิด อกุศลจิต) เมื่อศึกษาพระธรรม จะเป็นเหตุให้ มั่นคงในเรื่องของกรรม (กุศลจิต) และเป็นเหตุให้ กระทำความดีต่อไปด้วยความเข้าใจ (กุศลกรรม) อันจะเป็นเหตุ ที่ต้องได้ประสบกับสิ่งดีๆ และมีปัญญา (กุศลวิบาก) .

เท่าที่เรียบเรียงมา จะเห็นว่า ชีวิตไม่พ้นไปจากกุศลจิต อกุศลจิต กุศลกรรม อกุศลกรรมกุศลวิบาก อกุศลวิบาก (กิริยาจิต) แต่สัจจธรรมลึกซึ้งกว่านั้นมากพระพุทธองค์ทรงประกาศอริยสัจธรรม คือ อริยสัจจ์ ๔ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค. ปรมัตถธรรม ๔ คือ จิต เจตสิก รูป นิพพาน เป็นต้น

แยกแล้ว เป็นสภาพธรรมที่มีแต่ นามธรรม รูปธรรมเท่านั้นรูป เป็นรูปธรรมจิต เจตสิก นิพพาน เป็นนามธรรมจิต (เกิดกับเจตสิกเสมอ) มีทั้งทีเป็นกุศลจิต ก็เป็นอกุศลจิตกุศลวิบากจิต อกุศลวิบากจิต และกิริยาจิต (ไม่มีเหตุเกิดร่วมจึงไม่มีผล) .สิ่งที่ยึดถือ เป็นเรื่องราว ดี ร้าย ทั้งหมด ก็รวมลงเป็นสภาพธรรม คือ นามธรรม รูปธรรม ทั้งสิ้นกำลังเกิดดับไปตามเหตุ ตามปัจจัย และเหตุต้องสมควรแก่ผล ผลก็ต้องสมควรแก่เหตุ ไม่มีสัตว์ บุคคล ตัวตน ของใครๆ จริงๆ เลย.

หากคุณทองหลาง มีฉันทะในการศึกษาพระธรรม อย่างละเอียดจะเกื้อกูลต่อความเข้าใจในความเป็นไปแห่งชีวิต อย่างแท้จริงเพราะปุถชนทุกคน ก็ต้องวนเวียนอยู่ในโลกธรรมทุกคนบางชีวิต....ก็ประสบทุกข์มากกว่านี้ "จงมีพระธรรมเป็นที่พึ่ง จงอย่ามีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง"นี่คือพระมหากรุณาคุณแห่งองค์พระศาสดา

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย.

ขออนุโมทนาคุณสุวิทย์ขออนุโมทนาธรรมทานจากทุกท่านขออุทิศกุศลแด่ คุณพ่อ คุณแม่ญาติมิตรที่ล่วงลับตลอดจนสรรพสัตว์ที่ล่วงรู้ได้อนุโมทนาด้วยคะ


ธรรมจักษุอันปราศจากธุลีปราศจากมลทิน ได้เกิดขึ้นแล้วแก่ท่านพระโกณฑัญญะว่าสิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้น...เป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งมวลล้วนมีความดับไป...เป็นธรรมดา.

(จาก พระโอวาทานุสาสนี)

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
Sam
วันที่ 1 ส.ค. 2551

ขอเอาใจช่วยให้คุณทองหลางและครอบครัว มีกำลังใจในการดำรงชีวิตอยู่ด้วยความดีต่อไปครับ เพราะความดีเท่านั้นที่จะเป็นทรัพย์อันติดตัวไปได้ ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์เช่นไร ก็ไม่มีใครจะทำให้ความดีที่เราทำแล้วมัวหมองลงได้เลย

ผมคิดว่าคุณทองหลางคงต้องการคำแนะนำ ที่จะนำไปสู่การเริ่มต้นของความสงบสุขอย่างแท้จริงในชีวิต ความสุขที่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับปริมาณของทรัพย์สินเงินทองและลูกน้องบริวาร ผมจึงขออนุญาตแนะนำศึกษาพระธรรมที่ถูกต้อง อันจะช่วยให้เราเข้าใจความจริงของชีวิตและสิ่งที่ประสบในชีวิตได้ครับ

คำถามต่อไปที่อาจเกิดขึ้นคือ แล้วควรจะเริ่มต้นอย่างไร ซึ่งผมคิดว่าคำตอบคือการคบมิตรที่ดีครับ อันได้แก่กัลยาณมิตรที่เป็นผู้รู้และมีความเมตตากรุณาคอยแนะนำในทางที่ถูก ไม่แนะนำไปสู่ทางเสื่อมคืออบายมุขทั้งหลาย ลองค่อยๆ ศึกษาดูนะครับว่ามิตรดีเป็นอย่างไร และควรคบกันในลักษณะใด

กัลยาณมิตร...บรรณาการที่ประเสริฐที่สุด

แด่...กัลยาณมิตร

ด้วยเหตุอย่างไรจึงเรียกว่าการคบหา

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
Pararawee
วันที่ 1 ส.ค. 2551

ศึกษาธรรมค่ะ ทางเดียวเลย แล้วจะละคลายความสงสัย ความเร่าร้อนต่างๆ ได้ด้วยความเข้าใจจริงๆ อนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 1 ส.ค. 2551

พยายามพิจารณาว่าปัญหาต่างๆ เป็นเรื่องธรรมดาหากศึกษาพระธรรมจะรู้ว่า ปัญหาทุกอย่างเป็นเรื่องธรรมดาจริงๆ ผู้นับถือศาสนาพุทธย่อมเชื่อว่ากรรมมี.ผลของกรรมย่อมมี อย่าคิดอย่างน้อยใจว่าทำแต่ความดีแล้วได้รับกรรมจนไม่มีที่อยู่ที่อาศัย ต้องมาอาศัยเขาอยู่ สภาพที่เป็นอยู่ในขณะนี้จึงเป็นเสมือนคนที่สิ้นเนื้อประดาตัว

บุญ (ความดี) กับบาป (ความไม่ดี) ไม่ให้ผลแทนกันได้ บุญส่วนบุญ บาปส่วนบาปคุณทองหลางมีจิตใจที่เป็นกุศล ทำกุศลมากย่อมได้รับผลดีแน่นอน อยากให้คุณทองหลางมาศึกษาธรรมะจะได้เข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้น ความทุกข์จะได้น้อยลง จนถึงละความทุกขได้ พระธรรมเป็นที่พึ่งที่ดีที่สุดและขอเป็นกำลังใจให้คุณทองหลางและภรรยา

ขออนุโมทนาคุณsuwit02ด้วยคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
suwit02
วันที่ 1 ส.ค. 2551

ที่นี่น่ารื่นรมย์

ขอพระสัทธรรม ทำให้ใจของท่านทั้งหลายเบิกบาน

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
choonj
วันที่ 1 ส.ค. 2551

ขอแสดวความเห็นส่วนตัวแด่คุณ ทองกลาง เวลานี้คุณทองกลางกำลังสับสนว่าจะทำยังไงต่อไปที่จะมีชีวิตและกำลังหาที่พึ่ง แน่นอนสิ่งหนึ่งที่คุณทองกลางได้รับคำแนะนำคือให้ศึกษาธรรมะ ศึกษาธรรมะนี้ดีแน่นอน แต่ผมคึดว่าไม่ใช่สึ่งที่ควรทำในอันดับแรกขณะนี้ ในขณะที่คุณทองกลางเคยทำธุรกิจมาก่อน ควรพิจารณาดูว่าจะทำอย่างไรให้หลุดพ้นจากกาลวิบัติให้มีรายได้ก่อน จนสามารถมี่ที่อยู่ของตังเองแล้วค่อยศึกษาธรรมก็ยังไม่สาย เพราะการศึกษาธรรมต้องใช้เวลาซึ่งเวลาส่วนใหญ่ควรใช้ไปในทางหารายได้มากกว่าในขณะนี้ ถ้าไม่หารายได้แล้วคอยพึ่งกุศลที่ทำไว้แล้วก็ไม่ใช่ที่จะเป็นได้ ถ้าคุณทองกลางสามารถหารายได้ และมีเวลาพอที่จะศึกษาธรรมไปด้วยก็ยิ่งดีใหญ่ ควรพิจารณาดูว่าที่ทำธุรกิจล้มเพราะเราใจดีเกินไปหรือปล่าว ช่วยหลือคนมากเกินไปหรือปล่าวจนมีขณะนี้

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
ajarnkruo
วันที่ 1 ส.ค. 2551
ถ้าเป็นผู้ที่สะสมมา มีโอกาสศึกษา ก็ควรที่จะได้ศึกษาครับ ส่วนอัธยาศัยที่จะตั้งตัวให้มีที่อยู่ที่ทำกินอย่างมั่นคงก่อนก็ขึ้นอยู่กับคุณทองหลางเอง แต่ถึงจะทุกข์ยากลำบากแสนสาหัสอย่างไร ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคจริงๆ ต่อการศึกษาพระธรรมเลย อย่างในครั้งพุทธกาล ท่านสุปปะพุทธะ ท่านเป็นยาจกและเป็นโรคเรื้อน ท่านเข้าไปร่วมนั่งฟังธรรมจากพระผู้มีพระภาคในหมู่ชนเพราะคิดว่าจะได้ข้าวกินเพื่อยังอัตภาพ แต่พอได้ฟังธรรมจบก็บรรลุถึงความเป็นพระโสดาบัน ท่านสุปปะพุทธะ ท่านต้องลำบากยิ่งกว่าคุณทองหลางมาก แต่ด้วยปัญญาที่ท่านได้สั่งสมมา จึงทำให้ท่านดับกิเลสได้แม้ว่าขณะนั้นจะเป็นโรคที่ผู้คนรังเกียจและไม่มีแม้แต่ทรัพย์จะซื้อข้าวกินเลยก็ตาม
 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
dron
วันที่ 1 ส.ค. 2551

ขอนอบน้อมแด่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้

ส่วนใหญ่เวลาประสบปัญหาชีวิต เรามักจะคิดว่าธรรมะจะช่วยได้ แต่ก็ค่อนข้างยากครับ เพราะธรรมะจะช่วยได้ต่อเมื่อเข้าใจธรรมะจริงๆ การศึกษาพระธรรมให้เข้าใจจะเป็นเรื่องยากเข้าไปอีกเมื่อมีปัญหาชีวิต เพราะสาเหตุทั้งปวงของความทุกข์เกิดจากความหวังครับ

หวังว่าธรรมะจะช่วยให้หายทุกข์ ไม่ได้ศึกษาด้วยความเข้าใจ

โลภะครับเหตุแห่งทุกข์

ปัญญาครับที่ดับโลภะได้

การศึกษาธรรมะเป็นการอบรมปัญญา

ปัญญาเกิดจากความเข้าใจธรรมะ

ปัญหาเกิดจากความคิดครับ

คิดตลอดคิดแต่เรื่องทุกข์ ถ้าเข้าใจจริงๆ ว่าทุกอย่างเป็นธรรมมะ

ทุกอย่างเกิดขึ้นตามเหตุตามปัจจัย บังคับบัญชาอะไรไม่ได้

แล้วจะคิดให้ทุกข์ทำไม

ถ้าเข้าใจธรรมะๆ ก็ช่วยได้ ถ้าไม่เข้าธรรมะก็ช่วยไม่ได้ครับ

ตามเหตุตามปัจจัย ตามบุญที่ได้สะสมมาครับ

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
เมตตา
วันที่ 1 ส.ค. 2551

ขออนุโมทนาคุณsuwit 02ค่ะ บุญกุศลที่คุณทองหลางและภรรยาได้กระทำไว้แล้วนั้นไม่สูญหายแน่นอนค่ะ แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะให้ผล เมื่อเหตุปัจจัยถึงพร้อมก็จะได้รับผลที่ดี เรื่องของกรรมเป็นเรื่องที่รู้ได้ยาก กรรมที่ได้กระทำไว้แล้วในอดีตแม้กระทำมานานแล้วในสังสารวัฎฎ์ก็ยังเป็นปัจจัยให้ได้รับผลได้ เมื่อก่อนคุณทองหลางมีบริษัทของตนเองประสบความสำเร็จในชีวิตนั่นก็เพราะกรรมดีที่ได้กระทำไว้แล้วในอดีตส่งผล แม้ในปัจจุบันจะสูญสิ้นทุกอย่าง กำลังรับผลที่ไม่ดี นั่นก็เป็นผลของอดีตกรรมที่ได้กระทำไม่ดีไว้ สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมไม่มีใครหลีกเลี่ยงกรรมซึ่งตนได้กระทำไว้แล้วในอดีตได้ คุณทองหลางและภรรยาเมื่อมีโอกาสมาศึกษาพระธรรม จึงควรศึกษาความจริงที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้และทรงเทศนาสั่งสอน ความจริงที่สามารถศึกษาให้เข้าใจและปฎิบัติตามจนเห็นความจริงนั้นได้ ความจริงนั้นก็คือสภาพธรรมทั้งหลายที่ปรากฎนั้นเป็นธรรมแต่ละชนิด แต่ละประเภท ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล เกิดขึ้นเพราะมีเหตุปัจจัยปรุงแต่งจึงเกิดขึ้น การเข้าใจผิดว่าสภาพธรรมทั้งหลายเป็นตัวตน เป็นสัตว์ เป็นบุคคลก็เพราะความไม่รู้จึงเป็นเหตุให้เกิดทุกข์มากมาย พระธรรมเป็นของลึกซึ้งมาก เข้าใจได้ยากต้องค่อยๆ ศึกษา ค่อยๆ อบรมเจริญปัญญาน่ะค่ะ ขอเป็นกำลังใจให้คุณทองหลางและภรรยาด้วยค่ะ ขอให้คุณทั้งสองท่านจงมีพระธรรมเป็นที่พึ่งน่ะค่ะ และขออนุโมทนาทุกความเห็นค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
Anutta
วันที่ 1 ส.ค. 2551

ในครั้งพุทธกาล ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ก็ต้องประสบกับความทุกข์ต้องยากจนลง จนแทบจะไม่มีอาหารใส่บาตรทำบุญ แม้ว่าจะทำแต่สิ่งที่ดีๆ มาตลอด แต่ด้วยกรรมเก่าส่งผล ไม่มีใครเลยที่จะหลีกเลี่ยงผลของกรรมที่กระทำแล้วได้ ถ้าสนใจหาอ่านในเวปไซด์ได้นะคะ ในที่สุด กุศลกรรมก็ให้ผลกับท่านเศรษฐี กลับมามั่งคั่งตามเดิมค่ะ

ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 18  
 
wannee.s
วันที่ 1 ส.ค. 2551

ในสังสารวัฏเราไม่ได้ทำแต่กรรมดีอย่างเดียว เราก็เคยทำอกุศลกรรมด้วย ไม่ว่าเราจะ ได้อะไรมา หรือสูญเสียอะไรไป เป็นเรื่องของกรรมที่เราเคยทำไว้ กุศลที่คุณเคยทำ ไว้ ไม่สูญหายไปไหน ถ้าไม่ให้ผลชาตินี้ ก็ให้ผลชาติหน้า หรือชาติต่อๆ ไป ทรัพย์ สมบัติเป็นเครี่องอาศัยชั่วคราว แต่ปัญญาและกุศลเป็นที่พึ่งในภพหน้าค่ะ ..

 
  ความคิดเห็นที่ 19  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 1 ส.ค. 2551


00512 กรรมย่อมมีกาลเวลาให้ผล

แม้คนผู้ทำบุญ ย่อมเห็นบาปว่าดี ตลอดกาล ที่บาปยังไม่เผล็ดผล แต่เมื่อใดบาปเผล็ดผล เมื่อ นั้นเขาย่อมเห็นบาปว่าชั่ว ฝ่ายคนทำกรรมดี ย่อมเห็นกรรมดีว่าชั่ว ตลอดกาลที่กรรมดียังไม่เผล็ดผลแต่เมื่อใดกรรมดีเผล็ดผล เมื่อนั้นเขาย่อมเห็นกรรมดี ว่าดี.

[เล่มที่ 42] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หน้าที่ 2

ธรรมเตือนใจวันที่ : 01-08-2551

 
  ความคิดเห็นที่ 20  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 1 ส.ค. 2551

ศึกษาพระธรรมงานที่ควรทำก่อน

ผู้ใดมุ่งจะทำงานที่ควรทำก่อน ไพล่ไปทำใน ภายหลัง ผู้นั้นย่อมพลาดจากฐานะ อันนำมาซึ่งความ สุข และย่อมเดือดร้อนในภายหลัง. งานใดควรทำ ก็ พึงพูดถึงแต่งานนั้นเถิด งานใดไม่ควรทำ ก็ไม่ควร พูดถึงงานนั้น คนไม่ทำมีแต่พูด บัณฑิตทั้งหลาย ก็รู้ทัน.


หาริตเถรคาถา

[เล่มที่ 51] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา

เล่ม ๒ ภาค ๓ ตอน ๒ - หน้าที่ 319

ธรรมเตือนใจวันที่ : 05-06-2551

ขอเป็นกำลังใจให้ทำดีต่อไป แม้ชีวิตขณะนี้จะเป็นอย่างไรก็ตาม แต่ทำดีเท่าไหร่ก็ไม่พอหากไม่ศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ

 
  ความคิดเห็นที่ 22  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 1 ส.ค. 2551

ธรรมะ ก็มีอยู่ในทุกๆ ขณะนี้เอง ไม่ใช่ขณะอื่นเลย

ชีวิตก็เป็นปรกติในทุกๆ วัน

ทำงาน หาเลี้ยงชีพเป็นปรกติ

ไปเที่ยว ไปธุระ ไปพบปะผู้คน เป็นปรกติ

การศึกษา พิจารณาธรรม ก็เป็นปรกติในชีวิตประจำวันเช่นกันครับ

การศึกษาธรรม นอกจากจะไม่เป็นอุปสรรคในการงานที่ทำแล้ว

พระธรรมยังจะช่วยเกื้อกูลให้ปุถุชนเช่นเราๆ มีจิตใจที่มั่นคงยิ่งขึ้นครับ

เพราะเข้าใจความจริงในชีวิต

มีชีวิตอยู่ด้วยปัญญา

มีพระธรรมเป็นที่พึ่งที่ระลึกโดยทุกเมื่อทุกขณะย่อมเป็นสิ่งประเสริฐที่สุด

ขอเป็นกำลังใจให้ท่านผ่านพ้นอุปสรรคต่างๆ ด้วยดีครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 23  
 
เซจาน้อย
วันที่ 1 ส.ค. 2551

ขออนุโมทนากับทุกๆ ท่าน และขอเป็นกำลังใจให้กับคุณทองหลางและภรรยาในการ ทำความดีต่อไป พยายามทำใจให้เป็นกุศล อะไรคือทุกข์ อะไรคือสุขค่อยๆ ศึกษาธรรมหาทางดับทุกข์ ทุกข์น้อยลง1ส่วนสุขก็เพิ่มมากขึ้น1ส่วน ทุกสิ่งทุกอย่างมีขึ้นมีลงเกิดดับๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ตลอดเวลา อย่ายึดมั่นถือมั่น ไม่มีอะไรเป็นของเรา บังคับบัญชาไม่ได้ ทรัพย์สมบัติตายก็เอาไปไม่ได้นอกจากบุญและบาป

 
  ความคิดเห็นที่ 24  
 
คนเจ้าโทสะ
วันที่ 2 ส.ค. 2551

มีความเห็นสอดคล้องกับทุกความเห็นข้างต้น จึงขอเป็นกำลังใจให้คุณทองหลางด้วยคน ระหว่างที่ยังทุกข์ทนนี้ ลองสงบใจ ตั้งใจศึกษาพระธรรมไปด้วย ที่กล้าแนะนำเช่นนี้ เพราะเป็นเพื่อนทุกข์ เคยทุกข์สาหัสมาแล้วเหมือนกัน

ชีวิต... มีทางของมัน เพียงยอมรับและเข้าใจให้ถูก ด้วยพระธรรมที่ทรงแสดงไว้

 
  ความคิดเห็นที่ 25  
 
คนเจ้าโทสะ
วันที่ 2 ส.ค. 2551

คิดเสียว่า เคยทำบาปเอาไว้ ชดใช้ไป โลกนี้เป็นที่ดูผลของบุญและบาป หมดบาปเมื่อใดก็รับผลบุญ หมดบุญ บาปก็มา วนเวียนไม่สิ้นสุด เมื่อยังต้องเกิด ขอให้ดูผู้คนมากมายที่ประสบเคราะห์กรรมสาหัส ทั้งที่บางคนสร้างสมแต่ความดี ยังประสบความสูญเสียบางคนถึงพิกลพิการ คุณทองหลางยังเหลือ 2 มือ 2 เท้า และ 1 มันสมอง มีภรรยาที่เป็นเพื่อนปรับทุกข์ บางคนยามเคราะห์ร้ายไม่มีแม้เพื่อน ปรับทุกข์ และสิ่งที่คุณมีแน่นอนคือความดีที่ได้สะสมไว้ (คุณช่วยเหลือผู้อื่นไว้มาก มาย) วันนี้ยังไม่ให้ผล แต่มันจะให้ผลแน่นอน ขอให้มีความหวัง

ขอเพียงมีชีวิตอยู่คือคนที่โชคดี เพราะมีโอกาสศึกษาพระธรรม คนโชคดีกว่านั้นคือคนที่ตั้งใจศึกษาพระธรรม คนโชคดีที่สุดคือ ศึกษาพระธรรมแล้วเข้าใจถูกในพระธรรม

 
  ความคิดเห็นที่ 26  
 
Komsan
วันที่ 2 ส.ค. 2551

ขอเป็นกำลังใจให้กับคุณทองหลางและภรรยาในการทำความดี และดำเนินชีวิต และไม่ว่าจะดำเนินชีวิตที่มีทั้งช่วงขึ้นและลงอย่างไร ก็เป็นเครื่องแสดงเห็นสิ่งที่เราได้กระทำมาแล้วในอดีตชาติที่ผ่านมา

ที่ผ่านมา..ผ่านมาแล้ว..ก็ผ่านไป ณ.ปัจจุบัน ทำให้ดีที่สุด เลี้ยงชีพ ตามปรกติ ทำความดี คบมิตรที่ดี ฟังและศึกษาพระธรรม ต่อไปครับขออนุโมทนาคุณสุวิทย์ และกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 27  
 
kaewin
วันที่ 3 ส.ค. 2551
พระโมคคัลลานะ ขณะเป็นพระอริยะท่านมี ฤทธิ มากยังหนีไม่พ้นกรรม ...ขอให้ท่านและครอบครัวจงเชื่อเถิดว่า ทำดีได้ดี แน่ นอน .......ทุกอย่าง ถ้าเรา ไม่มีตัวรู้ ที่ทำให้เกิดอุปาทานยึดตัวตน ทุกอย่างก็เป็น อนัตตา ขอให้ผลบุญงส่งผลให้ท่านและครอบครัว จงมีความสุขยิ่งขึ้นครับ..
 
  ความคิดเห็นที่ 28  
 
พุทธรักษา
วันที่ 4 ส.ค. 2551

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านที่เป็นกำลังใจให้คุณทองหลางและภรรยาหากคุณทองหลางผ่านวิกฤติไปได้แล้วขออนุโมทนา และ ขอธรรมรักษา คุณทองหลางและครอบครัว.

 
  ความคิดเห็นที่ 29  
 
ไม่มีเรา
วันที่ 4 ส.ค. 2551

ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆ ท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 30  
 
Noparat
วันที่ 4 ส.ค. 2551

คุณทองหลางค่ะ รู้สึกท้อแท้ ผิดหวัง เบื่อหน่าย ในสิ่งที่ผ่านมาได้ แต่ก็ขอให้มันผ่านไปได้ด้วยเหมือนกัน คุณอย่าเพิ่งหมดหวัง หมดกำลังใจที่จะลุกขึ้นมาสู้เพื่อชีวิตที่จะก้าวเดินต่อไป เพราะไม่มีใครช่วยคุณได้ ถ้าคุณไม่ช่วยตัวคุณเองก่อน สุข ทุกข์ เป็นไปตามเหตุปัจจัย และกรรมที่เคยทำไว้ ไม่มีใครหนีพ้น ขอให้คิดว่ายังมีวันพรุ่งนี้ค่ะ... เมื่อทุกอย่างผ่อนคลายและคุณเริ่มสบายใจขึ้น ก็ขอให้ศึกษาธรรมในแนวทางที่ถูกต้อง โดยถามสหายธรรมในเว็บไซด์นี้ได้ค่ะ แล้วคุณจะรู้ว่ามีชีวิตอยู่เพื่ออะไร?

ขอเป็นหนึ่งกำลังใจให้คุณทั้งสองค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 31  
 
khampan.a
วันที่ 4 ส.ค. 2551

กรรมที่ได้กระทำมาแล้วตั้งแต่ในอดีตชาตินับไม่ถ้วน เมื่อถึงคราวให้ผล ผลก็ย่อมเกิดขึ้น ทุกคนจึงหนีกรรมไม่พ้น ไม่ว่าจะอยู่ในที่ใดก็ตาม ถ้าได้ศึกษาธรรมโดยละเอียดก็จะทราบได้ว่า ขณะไหนบ้างที่เป็นผลของกรรม ซึ่งจะทำให้เรารู้ว่า ไม่มีใครสามารถที่จะทำอะไรเราได้ ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกรรม (เป็นเพราะกรรมที่ได้กระทำมาแล้ว) แม้แต่ขณะเกิด ก็ไม่มีใครบงการ ไม่มีใครสั่ง ไม่มีใครทำให้เราเกิด แรกที่เกิดมาในโลกนี้ก็เป็นผลของกรรมแล้ว ขณะที่เห็น ขณะที่ได้ยิน ขณะที่ได้กลิ่น ขณะที่ลิ้มรส ขณะที่ถูกต้องกระทบสัมผัส ได้ลาภ เสื่อมลาภ เป็นต้น ก็เป็นผลของกรรม แต่ทั้งนี้ คนเราส่วนมาก ไม่ค่อยจะยอมรับในผลของกรรมที่ไม่ดีที่จะเกิดขึ้นในทุกรูปแบบ คอยแต่หวังอยู่ตลอดเวลาว่าเราจะต้องมีความสุข เราจะต้องมีลาภ เราจะต้อง

มีคนยกย่องสรรเสริญ เป็นต้น เพราะฉะนั้น เวลาที่มีความทุกข์ ไม่ว่าจะทางหนึ่งทางใดที่เกิดขึ้นก็ตาม ดูเหมือนเป็นเรื่องใหญ่ แต่ตามความเป็นจริง เป็นเพียงชั่วขณะที่เกิดขึ้นแล้วก็หมดไป ไม่มีอะไรที่คงที่ เกิดแล้วก็ดับไป ..

 
  ความคิดเห็นที่ 32  
 
khampan.a
วันที่ 4 ส.ค. 2551


ทุกคนต่างก็สะสมเหตุที่ต่างๆ กันมา ยากที่จะรู้ได้ สภาพธรรมใดก็ตามที่จะเกิด

ก็เพราะมีเหตุมีปัจจัย จึงเป็นไปอย่างนั้น ซึ่งเป็นกิจหน้าที่ของปัญญาที่จะต้องรู้ความจริง ไม่ตกใจ ไม่กลัว ไม่เสียดาย ไม่เสียใจ ไม่กังวลใจ ไม่คิดว่ามีเราที่เป็นอย่างนั้นที่เป็นอย่างนี้ แต่เป็นสภาพธรรมที่เกิดขึ้นตามเหตุตามปัจจัยเท่านั้น

... หนทางของการอบรมเจริญปัญญา เป็นหนทางที่ประเสริฐ ... ขอร่วมเป็นกำลังใจที่ดี ให้กับคุณทองหลางและครอบครัว พร้อมทั้งขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่าน มา ณ ที่นี้ ด้วยครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 33  
 
ไม่มีเรา
วันที่ 9 ก.ย. 2551

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 34  
 
pornpaon
วันที่ 11 ก.ย. 2551

ขออนุโมทนาคุณสุวิทย์02

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 35  
 
namarupa
วันที่ 12 ก.ย. 2551

คุณทองหลางและภรรยาคะ ก่อนอื่นดิฉันขอบอกไว้ก่อนเลยนะคะว่า ไม่ใช่แค่คุณ ๒ คนเท่านั้นที่กำลังประสบกับปัญหาหนักใจแบบนี้ เรา ๒ คนก็มีปัญหาคล้ายๆ กัน แต่อาจจะไม่หนักหนาเท่าคุณ ๒ คน แต่ลองอ่านดูนะคะ เผื่อว่าคุณ ๒ คนอาจจะสบายใจขึ้นบ้างไม่มากก็น้อย

เมื่อ ๒๐ ปีกว่ามานี้ ดิฉันและสามีได้รับมรดกจากคุณพ่อ+คุณแม่ของสามีมาประมาณ ๒๐ กว่าล้าน สามีได้นำมาลงทุนในธุรกิจ เดิมทีเราทำธุรกิจเกี่ยวกับนางแบบนายแบบ บริษัทของเราเป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีชื่อเสียงโด่งดังมากๆ แทบทุกคนในวงการแฟชั่นและโฆษณา ไม่มีใครเลยที่จะไม่รู้จักเรา จะพยายามเล่าสั้นๆ นะคะ เพราะเรื่องมันยาวมากๆ เอาเป็นว่า หลายๆ ปีติดต่อกัน เราประสบปัญหาทางธุรกิจมากมาย ในที่สุดก็จำเป็นต้องปิดบริษัท พร้อมมีหนี้สินติดตัวมาอีกร่วม ๘ ล้าน หลายต่อหลายครั้งที่ดิฉันคิดมากๆ จนนอนไม่หลับ และเป็นทุกข์มากๆ ส่วนสามีเค้าอุเบกขามากค่ะ

เรา ๒ คน จำเป็นต้องขายสมบัติทุกอย่างที่ร่วมสร้างกันมา จนในปัจจุบันบ้านที่เราอาศัยอยู่ก็รอเวลาที่จะโดนยึด คุณสามีผู้ซึ่งมีความเข้าใจธรรมมากกว่าดิฉัน พูดปลอบใจดิฉันอยู่เสมอว่า ถึงแม้ว่าเราจะ ๒ คนจะสิ้นเนื้อประดาตัว เนื่องด้วยผลของกรรมแต่ชาติปางก่อน แต่เราทั้ง ๒ คนก็ยังมีพระธรรมเป็นที่พึง ซึ่งไม่มีวันที่ใครจะมาพรากจากเราไปได้ เรา ๒ คนจึงหวั่นไหวน้อยลงกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะดีหรือร้าย ในที่สุดก็พยายามที่จะฟันฝ่าอุปสรรค โดยการฟังพระธรรมให้เพิ่มมากขึ้น อาการคิดมากก็ค่อยๆ ลดลง

เราศึกษาพระธรรมมาร่วม ๓๐ กว่าปี พยายามทำแต่ความดี แต่เมื่อถึงเวลากรรมเก่าเค้าจะส่งผล เราก็ไม่สามารถที่จะหนีพ้นไปได้ แต่หากเราไม่ทอดทิ้งในการฟังพระธรรม คำสอน เราก็จะเข้าใจในกฎแห่งกรรม เราจะเข้าใจในความเป็นอนัตตาของสภาพธรรม และยอมรับในสภาพโดยที่ไม่เดือดร้อนกับมัน เพราะมันเป็นกรรมที่เราได้เคยกระทำไว้แล้วแต่ชาติปางก่อน ชาตินี้ถึงเวลาที่เค้าจะส่งผล เค้าก็จะส่งผลตามเหตุ ไม่มีใครรู้ตัวล่วงหน้า ว่าอะไรจะเกิดขึ้น

ฉะนั้นจงทำวันนี้ให้ดีที่สุด อะไรมันจะเกิดมันก็ต้องเกิด อย่าไปยึดถือ ว่ามันเป็นของเรา เพราะมันไม่ใช่...อย่าไปท้อแท้ ผิดหวัง เพราะมันจะไม่ช่วยทำให้อะไรดีขึ้นมา ลุกขึ้นมาสู้ สู้ สู้ กับชีวิต ภรรยาคุณเป็นหอบหืด ก็พยายามหาทางรักษา หรือออกกำลังกายคือว่ายน้ำ คงจะช่วยได้เยอะ และหางานการทำ อย่าให้ว่าง เพราะมันจะทำให้คิดมาก เสาร์อาทิตย์ก็มามูลนิธิ ฯ มาฟังธรรม มาเจอกัลยาณมิตร อย่างน้อยๆ จิตของคุณก็อาจจะสงบขึ้น เพราะพระธรรมจะช่วยทำให้เราเย็นใจ

และจงท่องจำให้ขึ้นใจไว้เลยนะคะว่า...ยามไหนที่เราทุกข์มากก็ให้รู้ได้เลยว่า ทุกข์ที่เกิดขึ้นเป็นเพราะเหตุว่า...เรามีความต้องการมาก และเมื่อเราไม่ได้ดั่งใจเราปรารถนาเราก็เป็นทุกข์แสนสาหัส อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะทุกข์..หรือสุข...ย่อมเกิดแล้วดับ เมื่อมีทุกข์ ทุกข์ก็อยู่ได้ไม่นาน เมื่อมีสุข สุขก็อยู่ได้ไม่นาน...เพราะฉะนั้น..เราโง่หรือเราฉลาดกันแน่ ลองคิดดูค่ะ..

ขอเป็นกำลังใจให้คุณสองคนสามีภรรยาตลอดไปค่ะ จากผู้ที่เคยมีความทุกข์มากๆ ด้วยความติดข้อง ต้องการ

 
  ความคิดเห็นที่ 36  
 
lokiya
วันที่ 22 พ.ย. 2564

กราบอนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 37  
 
สิริพรรณ
วันที่ 5 เม.ย. 2565

กราบขอบพระคุณยินดีในกุศลทุกท่านทุกประการค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 38  
 
chatchai.k
วันที่ 5 เม.ย. 2565

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ