เสียชีวิตก่อนวัยอันควร กรรมมาตัดรอนหรือไม่

 
oom
วันที่  21 ก.ค. 2551
หมายเลข  9313
อ่าน  5,523

เมื่อวันที่ 17 พ.ค 51 เป็นวันอาสาฬหบูชา ดิฉันก็ไปใส่บาตรตอนเช้า ก่อนเดินทางไปต่างจังหวัด ปรากฎว่าทราบข่าวรุ่นพี่เสียชีวิต จากอุบัติเหตุ ขับรถหลบมอเตอร์ไซด์ รถจึงตกลงไปในคลอง ของคืนวันที่ 16 ก.ค 51 รู้สึกใจหาย สลดใจ ชีวิตนี้ไม่แน่นอนเลยพี่คนนี้อายุ 51 ปีเอง การเสียชีวิตกระทันหันแบบนี้เรียกว่ากรรมมาตัดรอนหรือไม่ จึงทำให้เสียชีวิตก่อนวัยอันควร


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
study
วันที่ 21 ก.ค. 2551

การตายลักษณะที่ว่าเป็นอุปัจเฉทมรณะ คือ ตายเพราะกรรมเข้าไปตัดรอน อกุศลกรรมที่เข้าไปตัดรอนนั้นมีชื่อว่า อุปฆาตกกรรม ทั้งหมดเป็นไปตามเหตุและปัจจัยไม่มีสัตว์บุคคลตัวตน เป็นเพียงธรรมะอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้น

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
wannee.s
วันที่ 21 ก.ค. 2551

ถึงแม้ว่าเขาจะตายเพราะถูกอกุศลกรรมเข้าไปตัดรอน ในสังสารวัฏฏ์ก็ทำกรรมมามากมาย ไม่ได้มีกรรมเดียว กรรมหนึ่งกรรมใดเป็นปัจจัยนำเกิดในสุคติภูมิหรือทุคติภูมิก็ได้ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
oom
วันที่ 21 ก.ค. 2551

ผู้ตายเคยถูกหวยรางวัลที่ 1 หุ้นกับเพื่อนแบ่งแล้วได้คนละประมาณ 20 ล้าน มีคนถามว่าผู้ตายก็เป็นคนที่โชคดีมาก แต่ทำไมถึงตายเร็ว และชาตินี้ก็เป็นคนรับผิดชอบครอบครัวทั้งหมด เลี้ยงแม่ เลี้ยงน้อง เลี้ยงลูกและหลานๆ เป็นคนทำงานหาเงินให้คนอื่นใช้ แต่ทำไมบุญที่ทำไว้ ไม่ช่วยเลย

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 21 ก.ค. 2551

กุศลที่ได้ทำแล้ว ที่จะให้ผลนั้นแล้วแต่เหตุปัจจัย อาจให้ผลในชาตินี้หรือชาติหน้าหรือชาติถัดๆ ไปก็ได้ครับ เช่นเดียวกับอกุศลกรรมที่ทำก็เช่นกัน ย่อมมีกาลเวลาที่ให้ผล รวมทั้งปัจจัยอื่นๆ ด้วย เมื่ออกุศลให้ผลก็ย่อมได้รับผลที่ไม่ดี เมื่อกุศลให้ผลก็ย่อมได้รับผลที่ดี แต่ไม่ใด้หมายความว่าทำดีแล้วจะต้องได้ดีทันที

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
khampan.a
วันที่ 22 ก.ค. 2551

ทุกคนล้วนเป็นผู้ได้กระทำกรรมมามาก ทั้งในชาติปัจจุบันนี้ รวมถึงชาติก่อนๆ ที่ผ่านมาอย่างนับไม่ถ้วนด้วย การที่ได้เกิดมาเป็นบุคคลหนึ่งๆ นั้น ก็เพราะกรรมหนึ่งกรรมใดที่ได้กระทำแล้ว ตราบใดที่ยังมีความไม่รู้ ยังมีตัณหา ความติดข้องยินดีพอใจก็ย่อมจะทำให้มีการเกิดอยู่ร่ำไป เกิดแล้วตาย ตายแล้วเกิด ไม่มีวันจบสิ้น การได้ลาภ เสื่อมลาภ ได้ยศ เสื่อมยศ มีสุข มีทุกข์ ที่เป็นไปในแต่ละวันนั้นล้วนเป็นผลของกรรมทั้งสิ้น หรือแม้แต่จุติจิตจะเกิด เคลื่อนจากความเป็นบุคคลนี้ก็ต้องเป็นผลของกรรม เป็นเพราะกรรมที่ได้กระทำแล้ว ซึ่งก็แล้วแต่ว่าจะเป็นวาระของกรรมใดที่จะทำให้เกิดผลขึ้น (ซึ่งเลือกไม่ได้ เพราะธรรมทั้งหลายทั้งปวง ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใคร)

ดังนั้น ผู้ที่เป็นพุทธบริษัท เมื่อมีความมั่นคงในเรื่องกรรม และผลของกรรมแล้ว ความหดหู่ ความหวั่นไหว ก็จะลดน้อยลง อีกทั้งยังจะเป็นผู้ที่มีสติเกิด จากการตายของบุคคลอื่นอีกด้วย ว่าทุกคนเกิดมา จักต้องตายทั้งนั้น (รวมถึงตัวเองด้วย) ไม่เร็วก็ช้า แต่ช่วงเวลาที่ยังมีชีวิตอยู่นี้ เป็นช่วงเวลาที่สำคัญ ที่จะได้สั่งสมคุณงามความดี เจริญกุศลประการต่างๆ ตามกำลัง รวมถึงการศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม อบรมเจริญปัญญา สั่งสมความเข้าใจถูก เห็นถูก ในลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ ให้ยิ่งๆ ขึ้นไป ด้วยครับ ..

...ขออนุโมทนาครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
wannee.s
วันที่ 22 ก.ค. 2551

การที่เขาถูกหวยรางวัลที่ 1 เป็นผลของกุศลที่เขาเคยทำไว้ในอดีต ผลของการมีทรัพย์โดยตรงคือการให้ทาน และผลของการล่วงศีลข้อหนึ่งคือปาณาติบาต การฆ่าสัตว์ทำให้ไปอบายภูมิ ภายหลังกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ ทำให้อายุสั้นค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
ไม่มีเรา
วันที่ 23 ก.ค. 2551

ขออนุโมทนาในกุศลของทุกๆ ท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
suwit02
วันที่ 25 ก.ค. 2551

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
ทองหลาง
วันที่ 31 ก.ค. 2551

ผมเป็นคนที่เชื่อในเรื่องบุญกรรมมากและพยายามสร้างบุญกุศลเสมอมา กลัวในเรื่องการทำบาปมากๆ ในชีวิตผมและภรรยาช่วยเหลือผู้คนไว้มากมาย เพราะผมเป็นเจ้าของธุรกิจจึงมีกำลังพอสมควรที่จะช่วยเหลือคนอื่น ทำนุบำรุงศาสนาด้วยความเลื่อมใสตามกำลังเสมอๆ ผู้คนรอบๆ ข้างให้ความนับถือและเชื่อมั่นในความเป็นคนที่มีสัจจะและให้ความเคารพ ซึ่งผมและภรรยามีกำลังใจที่จะสร้างความดีต่อไปและตั้งปณิธานเอาไว้ว่าจะเป็นที่พึ่งของคนตกทุกข์ได้ยาก จนบางครั้งมีหลายๆ คนไม่เข้าใจว่าทำไมต้องช่วยคนนั้นคนนี้ แต่ผมและภรรยารู้สึกปลื้มใจและสุขใจถ้าได้ช่วยใครๆ ให้พ้นจากความทุกข์หรือความเดือดเนื้อร้อนใจ แต่เมื่อสองปีก่อนผมประสบกับปัญหาทางธุรกิจ ต้องปิดบริษัท ต้องขายสมบัติทุกอย่างที่ร่วมสร้างกันมากับภรรยา จนไม่มีที่อยู่ที่อาศัย ต้องมาอาศัยเขาอยู่ สภาพที่เป็นอยู่ในขณะนี้จึงเป็นเสมือนคนที่สิ้นเนื้อประดาตัว หมดกำลังใจ ท้อแท้ เหนื่อยหน่ายต่อการมีชีวิตมากๆ ภรรยาก็คิดมากจนเจ็บป่วยมีอาการหอบหืดผมไม่รู้ว่าเวรกรรมอันใด จึงทำให้เราต้องกลับกลายเป็นคนที่สูญสิ้นทุกๆ อย่างที่เป็นมาทั้งๆ ที่ผมและภรรยาสร้างแต่กรรมดีมาตลอด ขณะนี้ผมเอากำลังใจโดยหันหาพระธรรมสวดมนต์ไหว้พระ ภาวนาสมาธิ แต่ก็แสนยากเย็นเพราะไม่เข้าใจว่าอะไรเกิดขึ้นในชีวิตจึงสับสนไปหมดในเรื่องของเวรกรรม พิจารณาถึงเหตุผลก็วกไปวกมาเวียนมาบางทีก็ทำใจได้บางทีก็หดหู่จนไม่มีกำลังใจ ขอความกรุณาท่านผู้มีปัญญาได้ชี้แนะ ให้ทางสว่างกับเราทั้งสองด้วยเถิดครับ

ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆ ท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
ไม่มีเรา
วันที่ 4 ส.ค. 2551

ขอโมทนาบุญกับทุกๆ ท่านค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ