การตักบาตร กับ การให้อาหารแก่ผู้ที่อดอยาก

 
บ้านธัมมะ
วันที่  21 ธ.ค. 2550
หมายเลข  6531
อ่าน  1,492

การตักบาตรแก่พระภิกษุ ผู้ที่มีมากเหลือแล้ว กับการให้อาหารแก่ผู้ที่อดอยาก มีกุศลต่างกันอย่างไร

เมื่อทำบุญให้ทานนั้น บางท่านอาจหวังจะได้ผลบุญมากๆ ถ้าเป็นมนุษย์ก็ขอให้ได้เป็นเศรษฐี ถ้าสิ้นชีวิตไปแล้ว ก็ขอให้เกิดในสวรรค์ แต่จุดประสงค์ของการเจริญกุศลในพระพุทธศาสนานั้น เพื่อขัดเกลากิเลสเพราะมีกิเลสมาก จึงทำทุจริต ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ เบียดเบียนกัน ทุกคนคงไม่อยากเป็นอย่างนั้น คงไม่อยากให้กิเลสของตนเองแรง ถึงขั้นกระทำกรรมเช่นนั้นลงไป

ถ้าไม่เจริญกุศล กิเลสก็มีแต่จะหนาขึ้นทุกวัน เห็นสิ่งที่สวยก็ชอบได้ยินเสียงที่ดีก็พอใจ เท่าไหร่ก็ไม่พอ มีแต่ความปรารถนา มีแต่ความต้องการเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าไม่เจริญกุศลก็ย่อมจะมีแต่เพิ่มกิเลสและสะสมอกุศลมากขึ้น ฉะนั้น ผู้ที่เห็นโทษภัยของอกุศล จึงเจริญกุศลเพื่อละอกุศลให้เบาบางลง จะด้วยการเจริญกุศลทางหนึ่งทางใดก็ตาม

ปัญหาที่ว่าตักบาตรแก่พระภิกษุผู้มีมากเหลือแล้วกับให้อาหารแก่ผู้อดอยากนั้นมีกุศลต่างกันอย่างไร กุศล คือสภาพธรรมที่ดีงาม จิตใจในขณะที่ให้เป็นจิตที่ดีงาม ไม่ตระหนี่ ไม่หวงแหน จึงสละได้ ในขณะที่ให้สิ่งใดนั้น ขอให้สังเกตและพิจารณาจิตใจในขณะนั้นว่า ต้องไม่มีความหวงแหน ติดข้องในวัตถุที่จะให้ เพราะถ้ายังพอใจหวงแหนติดข้องก็ให้ไม่ได้ ฉะนั้น จิตที่สามารถสละวัตถุให้เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่นได้ จึงเป็นกุศลจิต ขณะใดที่กุศลจิตเกิด ขณะนั้นอกุศลจิตก็เกิดไม่ได้ แต่ขณะใดที่กุศลจิตไม่เกิด ขณะนั้นอกุศลจิตก็เกิดพอกพูนเพิ่มขึ้น

เมื่อเข้าใจอย่างนี้แล้วว่า จิตใจในขณะที่ให้นั้นเป็นกุศล คือเป็นจิตที่ดีงาม ทำไมจึงจะต้องเลือกหรือจะต้องคิดว่า จะให้ใครระหว่างพระภิกษุที่มีมากเหลือแล้วกับการให้อาหารแก่ผู้ที่อดอยาก เมื่อจิตที่ดีงามเกิดขึ้นในขณะนั้นและคิดถึงประโยชน์ของผู้รับแล้วก็ให้ทันที

ในขณะที่เห็นพระภิกษุที่มีมากเหลือแล้ว แต่ท่านมีเจตนาที่จะถวายอาหาร ในเมื่อคนที่อดอยากก็ไม่มีอยู่ในที่นั้น ท่านจะถวายอาหารแก่พระภิกษุไหม ซึ่งก็ย่อมแล้วแต่สภาพจิตของแต่ละท่าน ที่กำลังเกิดขึ้นเป็นไปขณะนั้น และควรทราบว่าอาหารบิณฑบาตของพระภิกษุนั้น มิใช่สำหรับภิกษุรูปเดียว ที่วัดมีอีกหลายชีวิตซึ่งได้รับประโยชน์สุขจากอาหารบิณฑบาตที่ท่านถวายแก่พระภิกษุไปแล้ว ส่วนเมื่อใด ที่มีผู้อดอยากปรากฏเฉพาะหน้า แล้วท่านมีกุศลจิต มีใจเมตตาสงเคราะห์ช่วยเหลือก็เป็นกุศลที่น่าอนุโมทนา

ฉะนั้น จึงควรเจริญกุศลทุกทางทุกโอกาส เพราะเมื่อเป็นโอกาสของกุศลแล้วไม่ทำกุศล โอกาสของกุศลก็หมดไป โอกาสทำกุศลเป็นโอกาสที่หายากในชีวิต ในวันหนึ่งๆ ลองพิจารณาดูว่า อกุศลมากหรือ

ฉะนั้น เมื่อมีโอกาสที่จะเจริญกุศลทางใด ก็ไม่ควรให้โอกาสนั้นผ่านไป เพราะเมื่อกุศลไม่เกิดอกุศลก็เกิด


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
สุภาพร
วันที่ 29 ส.ค. 2551
ขออนุโมมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
Somporn.H
วันที่ 22 เม.ย. 2563

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
chatchai.k
วันที่ 1 ส.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
yu_da2554hotmail
วันที่ 21 เม.ย. 2565

ขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ