กิเลสเครื่องให้เนิ่นช้าและความตั้งอยู่ [ปปัญจชยสูตร]

 
เมตตา
วันที่  13 พ.ย. 2568
หมายเลข  51440
อ่าน  59

[เล่มที่ 44] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อุทาน เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 684 - 685

๗. ปปัญจชยสูตร

ว่าด้วยผู้ไม่มีกิเลสเครื่องเนิ่นช้า

[๑๕๓] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ :-

สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ก็สมัยนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับนั่งพิจารณาการละส่วนสัญญาอันสหรคตด้วยธรรมเครื่องเนิ่นช้าของพระองค์อยู่.

ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบการละส่วนสัญญาอันสหรคตด้วยธรรมเครื่องเนิ่นช้าชองพระองค์แล้ว จึงทรงเปล่งอุทานนี้ในเวลานั้นว่า

ผู้ใดมีกิเลสเครื่องให้เนิ่นช้าและความตั้งอยู่ (ในสงสาร) ก้าวล่วงซึ่งที่ต่อคือตัณหาทิฏฐิ และลิ่มคืออวิชชาได้ แม้โลกคือหมู่สัตว์พร้อมทั้งเทวโลก ย่อมไม่ดูหมิ่นผู้นั้น ผู้ไม่มีตัณหา เป็นมุนี เที่ยวไปอยู่.

จบปปัญจขยสูตรที่ ๗

อรรถกถาปปัญจขยสูตร

ปปัญจขยสูตรที่ ๗ มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้ :-

บทว่า ปปญฺจสญฺาสงฺขาปหานํ ความว่า กิเลสชื่อว่าธรรมเป็นเครื่องเนิ่นช้า เพราะเป็นที่เกิดขึ้นเอง ทำให้เนิ่นช้า คือ ขยายความสืบต่อนั้นให้กว้างขวาง ได้แก่ ให้ตั้งอยู่นาน โดยพิเศษ ได้แก่ ราคะ โทสะ โมหะ ทิฏฐิ และมานะ. สมจริงดังคำที่ท่านกล่าวไว้ว่า ธรรมเป็นเครื่องเนิ่นช้า คือ ราคะ โทสะ โมหะ ตัณหา ทิฏฐิ และมานะ. อีกอย่างหนึ่ง ธรรมมีอรรถว่าเศร้าหมอง ชื่อว่าอรรถแห่งธรรมเครื่องเนิ่นช้า ธรรมมีอรรถดุจหยากเหยื่อ ชื่อว่าอรรถแห่งธรรมเครื่องเนิ่นช้า.


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
chatchai.k
วันที่ 13 พ.ย. 2568

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ยินดีในกุศลจิตครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ