สิ่งที่เห็นได้ยาก [ปาราปริยเถรคาถา]

 
เมตตา
วันที่  18 พ.ย. 2568
หมายเลข  51491
อ่าน  82

[เล่มที่ 50] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา เล่ม ๒ ภาค ๓ ตอน ๑ - หน้า 523 - 525

๖. ปาราปริยเถรคาถา

ว่าด้วยคาถาของพระปาราปริยเถระ

ในกาลนั้น พระเถระผู้ อุปัฏฐาก นามว่าสุทัสสนะ มีฤทธิ์มาก รู้พระดำริของพระพุทธเจ้า พระนามว่า ปิยทัสสี ผู้ศาสดา อันภิกษุ ๘๐,๐๐๐ แวดล้อมแล้ว เข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้า ผู้เป็นนายกของโลก ซึ่งประทับนั่ง ทรงพระสำราญอยู่ที่ชายป่า และในกาลนั้น เทวดาผู้สิงสถิตอยู่ในไพรสณฑ์ ประมาณเท่าใด เทวดาเหล่านั้น ทราบพระพุทธดำริแล้ว พากันมาประชุมทั้งหมด เมื่อพวกยักษ์กุมภัณฑ์ พร้อมทั้งผีเสื้อน้ำมาพร้อมกัน และเมื่อภิกษุสงฆ์มาถึงพร้อมแล้ว พระชินเจ้าได้ตรัสพระคาถาว่า ผู้ใดบูชาเราตถาคตตลอด ๗ วัน และได้สร้างอาวาสถวายเรา เราจักพยากรณ์ผู้นั้น ท่านทั้งหลายจงฟังเรากล่าว เราจักพยากรณ์ สิ่งที่เห็นได้ยากนัก ละเอียดนัก ลึกซึ้ง ปรากฏดีด้วยญาณ ท่านทั้งหลายจงฟังเรากล่าว ผู้นั้น จะได้เสวยสมบัติในเทวโลก ตลอด ๑๔ กัป เทวดา ทั้งหลายจักทรงกูฏาคารอันประเสริฐ ที่มุงบังด้วยดอกปทุมไว้แก่ผู้นั้นในอากาศ นี้เป็นผลแห่งกรรมคือการบูชาด้วยดอกไม้ เขาจักเที่ยวอยู่ตลอด ๑,๔๐๐ กัปเต็ม แล้วใน ๑,๔๐๐ กัปนั้น วิมานดอกไม้จักทรงอยู่ในอากาศ น้ำย่อมไม่ติดใบบัวฉันใด กิเลสก็ไม่ติดอยู่ในญาณของผู้นั้น ฉันนั้น ผู้นี้หมุนกลับนิวรณ์ทั้ง ๕ ออกไปด้วยใจ ยังจิตให้เกิดในเนกขัมมะแล้ว จักออกบวช ในกาลนั้น วิมานดอกไม้อันทรงอยู่ ก็จักออกไปด้วย เมื่อผู้นั้นมีปัญญา มีสติ อยู่ที่โคนต้นไม้ ที่โคนต้นไม้นั้น วิมานดอกไม้จักทรงอยู่เหนือศีรษะของผู้นั้น จักถวายจีวร บิณฑบาต คิลานปัจจัย ที่นอนและที่นั่งแก่ภิกษุสงฆ์แล้ว จักไม่มีอาสวะนิพพาน เมื่อผู้นั้นเที่ยวไป พร้อมด้วยกูฏาคารออกบวชแล้ว กูฎาคารย่อมทรงผู้นั้นแม้อยู่ที่โคนไม้ เจตนาในจีวรและบิณฑบาตย่อมไม่มีแก่เรา เราประกอบด้วยบุญกรรมจึงได้จีวรและบิณฑบาตที่สำเร็จแล้ว พระพุทธเจ้าผู้เป็นนายกของโลก ล่วงเราไปเปล่าๆ พ้นไปแล้วด้วยดี ตลอดโกฏิกัปเป็นอันมาก โดยจะนับประมาณมิได้ ในกัปที่ ๑,๘๐๐ แต่ภัทรกัปนี้ เราจึงได้เฝ้าพระพุทธเจ้า พระนามว่า ปิยทัสสี ผู้แนะนำอย่างวิเศษ แล้วจึงเข้าถึงกำเนิดนี้ เราได้เห็นพระสัมพุทธเจ้า พระนามว่า อโนมะ ผู้มีจักษุ ได้เข้าเฝ้าพระองค์แล้ว บวชเป็นบรรพชิต พระพุทธชินเจ้าผู้กระทำที่สุดทุกข์ได้ทรงแสดงพระสัทธรรม เราได้ฟังธรรมของพระองค์แล้ว ได้บรรลุบทอันไม่หวั่นไหว เรายังพระสัมพุทธเจ้า พระนามว่า โคดมศากยบุตร ให้ทรงโปรด กำหนดรู้อาสวะทั้งปวงแล้ว เป็นผู้ไม่มีอาสวะอยู่ ในกัปที่ ๑,๘๐๐ แต่ภัทรกัปนี้ เราได้บูชาพระพุทธเจ้าใด ด้วยกรรมนั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งพุทธบูชา เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว ฯลฯ คำสอนของพระพุทธเจ้า เรากระทำสำเร็จแล้ว ดังนี้.

ก็พระเถระครั้นบรรลุพระอรหัตแล้ว พิจารณาดูข้อปฏิบัติของตน เกิดความโสมนัสแล้ว ได้กล่าวคาถาด้วยสามารถแห่งอุทานว่า

เราละผัสสายตนะ ๖ ประการได้แล้ว เป็นผู้คุ้มครองทวาร สำรวมด้วยดี กำจัดเสียได้ซึ่งสรรพกิเลสอันเป็นมูลรากแห่งวัฏทุกข์ บรรลุความสิ้นอาสวะ แล้ว ดังนี้.


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
chatchai.k
วันที่ 19 พ.ย. 2568

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ยินดีในกุศลจิตครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ