แล้วเมื่อไหร่จะเข้าใจเห็นที่กำลังเห็น?

 
เมตตา
วันที่  10 พ.ย. 2568
หมายเลข  51399
อ่าน  325

อ.อรรณพ: การเผยแพร่พระธรรมที่พุทธคยา และรวมทั้งที่พระเวฬุวัน ท่านอาจารย์ได้ถามผู้ร่วมสนทนาว่า เบื่อ เบื่อที่จะฟังเรื่องเห็นไหม? แล้วท่านอาจารย์ก็ยังได้กรุณาให้ความเข้าใจกับกระผมด้วย ท่านอาจารย์กล่าวว่า ถ้าเบื่อที่จะฟังเรื่องเห็น จะไม่มีทางที่จะรู้ความจริงตลอดไปตลอดสังสารวัฏฏ์เลย เป็นเรื่องสำคัญมากว่า ถ้าเบื่อที่จะฟังเรื่องเห็น ก็จะไม่มีทางเข้าใจความจริงไปตลอดกาล

กราบเท้าท่านอาจารย์ได้อนุเคราะห์อธิบายตรงนี้ให้ชัดเจน เพราะว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะบางทีเราก็คิดว่า เราฟังมาหลายหนแล้วเรื่องเห็น เพราะฉะนั้น ท่านอาจารย์กล่าว เราก็รู้สึกว่าไม่ค่อยได้สนใจมากก็ได้ หรือว่า เอ๊ะ!! อยากจะฟังเรื่องอื่นบ้าง เรื่องนี้ก็ฟังมาเยอะแล้ว แต่ที่ท่านกล่าวว่า ถ้าเบื่อที่จะฟังเรื่องเห็น ไม่มีทางที่จะได้เข้าใจความจริงไปตลอดกาล กราบเท้าท่านอาจารย์ครับ

ท่านอาจารย์: เพราะเหตุว่า ส่วนใหญ่ต้องการจะฟังธรรมะเพื่ออะไร? ต้องคิดให้ลึกซึ้งเพื่อรู้ความจริง สัจจธรรมะ เพื่อประจักษ์แจ้งความจริงจนกระทั่งหมดความสงสัย หมดกิเลสไปตามลำดับ นั่นคือจุดประสงค์ของการฟัง

ไม่ใช่ฟังเรื่องนี้แล้ว ฟังเรื่องอื่นเถิด รู้เรื่องอื่นอีกมากๆ แต่ว่า ลืมสนิท เห็นมีจริงๆ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ธรรมะอะไร? ในเมื่อ เห็น กำลังเป็นธรรมะที่กำลังเห็น

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ความจริงทุกอย่างที่มีจริงโดยละเอียดโดยลึกซึ้งเป็นอย่างยิ่ง ประจักษ์แจ้งจนกระทั่งหมดความไม่รู้สิ่งใดๆ ในโลกทั้งสากลจักรวาล ไม่เหลือความสงสัยเลย

แต่เดี๋ยวนี้ เห็น กำลังมี จะรู้ความจริงของอะไร? ถ้าไม่พูดเรื่องเห็น ลืมเรื่องเห็นทั้งหมด ไปคิดถึงเรื่องธาตุ ไปคิดถึงเรื่องอายตนะ ไปคิดถึงเรื่องปฏิจจสมุปาทะ เพื่ออะไร? เพื่อไม่รู้เห็นที่กำลังเห็นอย่างนั้นหรือ?

เพราะฉะนั้น การฟังธรรมะ จะรู้ได้ว่า ไม่เข้าใจความจริง ไม่รู้อะไรเลยมานานเท่าไหร่ แม้กำลังเห็นก็ยังไม่สนใจ ทั้งๆ ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า เป็นอริยสัจจธรรม เป็นสิ่งที่มีจริง แล้ว ทั้งวันตั้งแต่เกิดจนตายทุกวัน มีใครสนใจเห็นบ้าง ทั้งๆ ที่กำลังเห็น ไม่สนใจเห็น ไม่ฟังบ่อยๆ ไม่เข้าใจความลึกซึ้ง แล้วจะรู้ความจริงของเห็นไหม? แล้วถ้าไม่รู้ความจริงของ เห็น ที่กำลังเห็นเดี๋ยวนี้ จะรู้อะไร?

เพราะฉะนั้น ทุกคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากล่าวถึงสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ทุกขณะในชีวิตประจำวันว่า เป็นธรรมะ แต่ไม่มีอะไรเป็นธรรมะสักอย่าง เป็นโต๊ะ เป็นเก้าอี้ เป็นรองเท้า เป็นอาหาร เป็นเรื่องราวต่างๆ มากมาย ยังไม่เป็นธรรมะเลย

เพราะฉะนั้น ทุกอย่างเป็นธรรมะ หมดความสงสัยเมื่อเริ่มรู้สิ่งที่มีแต่ละขณะตามความเป็นจริง และก็เป็นผู้ที่ตรงต่อความเป็นจริง กำลังเห็นนี่ รู้แล้วหรือยัง? ระลึกถึงเห็นบ้างไหม? จำได้ไหมว่า เห็นไม่ใช่เรา แล้วเห็นเป็นอะไร? เห็นไหม!

เพราะฉะนั้น กว่าจะมีความมั่นคงว่า ไม่ต้องไปขวนขวายหาอะไรทั้งสิ้น นอกจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงความจริงของสิ่งที่มี เพื่ออะไร? เพื่อให้รู้ เพื่อให้ระลึก เพื่อให้สามารถรู้สิ่งที่กำลังปรากฏ ใช่ไหม?

อ.อรรณพ: ใช่ครับ

ท่านอาจารย์: แล้วไง? กำลังเห็น ไม่พูดถึงเรื่องเห็นเลย พูดเรื่องอื่นเถิด!! รู้ไหมว่า เห็นนี้แหละ ไม่ใช่เรา แล้วเป็นอะไร ลองตอบซิ

อ.อรรณพ: เป็นธรรมะอย่างหนึ่งที่มีจริงๆ กำลังมีอยู่ครับ

ท่านอาจารย์: ฟังธรรมะเพื่ออะไร?

อ.อรรณพ: เพื่อเข้าใจในความเป็นธรรมะ แต่ละอย่างๆ ตามความเป็นจริง

ท่านอาจารย์: แล้วเมื่อไหร่จะเข้าใจ เห็น ที่กำลังเห็น?

อ.อรรณพ: เมื่อมีความใส่ใจที่จะฟังให้เข้าใจในความเป็นจริงของเห็น

ท่านอาจารย์: แล้วเมื่อไหร่ใส่ใจ เดี๋ยวนี้กำลังมีเห็น?

อ.อรรณพ: ใส่ใจในขั้นการฟังครับ

ท่านอาจารย์: ลืมหรือเปล่าว่า ไม่ได้ใส่ใจเห็น แต่ใส่ใจอย่างอื่น จึงเบื่อ! แล้วอย่างนี้จะรู้จักเห็นไหม?

อ.อรรณพ: ไม่มีวันจะรู้จัก

ท่านอาจารย์: แค่นี้ยังไม่รู้หนทางที่จะรู้ความจริงของสิ่งที่พูดกันเสมอ รู้ความจริงของสิ่งที่มีจริง แต่สิ่งที่มีจริงมีทุกวัน ไม่เคยคิดถึง

ไม่เคยไม่ลืมที่จะฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า ทุกอย่างที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ เดี๋ยวนี้เอง เดี๋ยวนี้แหละ เป็นสิ่งที่ถ้าไม่รู้ก็ไม่สามารถที่จะละความไม่รู้ และความเห็นผิด และกิเลสต่างๆ ได้เลย คำของใคร?!

เพราะฉะนั้น ฟังธรรมะ มีแต่ความอยาก เบื่อ!! เห็นฟังมามากแล้ว กำลังเห็นก็ไม่สนใจแล้ว!! อยากฟังเรื่องอื่นใช่ไหม ทันที!! ไม่รู้เลยว่า นั่นคืออริยสัจจธรรม ที่ ๒ เพิ่มความยาก เพิ่มความต้องการ เพิ่มความไม่รู้ความจริงที่กำลังปรากฏ แล้วเมื่อไหร่จะรู้ได้ ไม่มีทางเลย มีแต่จะเพิ่มพูนความไม่รู้ และความอยากเพิ่มขึ้นๆ

และ ก็ลองสนทนากันซิ ระหว่างผู้ที่ศึกษาอย่างนี้ใช่ไหม ต้องการรู้เรื่องอื่น ถามเรื่องอื่นทั้งนั้น แต่ว่า เพื่ออะไร? ถามเรื่องอื่นเพื่อไม่รู้เห็น หรือว่าถามเรื่องอื่นเพื่อนำมาสู่ความเข้าใจ เห็น ที่กำลังเห็นให้มากขึ้น จึงค่อยๆ เข้าใกล้ลักษณะเห็น จนกระทั่งรู้ว่า ลักษณะเห็นต่างกับสิ่งอื่น ต่างกับสิ่งที่ปรากฏให้เห็น นี่คือความลึกซึ้งอย่างยิ่งของประโยชน์ที่ต้องไตร่ตรองคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพื่อประโยชน์อันแท้จริงของการฟังธรรมะ

เคยเป็นอย่างนี้บ้างไหม? "เบื่อ" จะเป็นอย่างนี้ได้ไหม?

อ.อรรณพ: น่ากลัวจริงๆ ครับว่า เบื่อที่จะฟังเรื่องเห็น ก็จะพลาดไปเรื่อยๆ ๆ แล้วก็ต้องการที่จะฟังเรื่องอื่น แล้วก็ความต้องการที่จะฟังเรื่องอื่นนั้น คือตัวกลบการที่จะได้ใส่ใจที่จะเข้าใจความจริงที่มีขริงๆ เมื่อกี้ท่านอาจารย์ก็กล่าวครับ บางคนก็คิดว่า อย่างนั้นก็เอาแต่ เห็น เห็น เห็น ไม่ใช่เรา เห็นไม่ใช่เรา อย่างเดียวก็ไม่ใช่ครับ

แต่ไม่ว่า จะถามเรื่องอื่น เรื่องขันธ์ เรื่องธาตุ เรื่องอายตนะ ก็เพื่อให้เข้าใจเห็น ซึ่งเป็นขันธ์ เป็นธาตุ เป็นอายตนะ ตามความเป็นจริง อันนี้ก็เป็นความละเอียดเพราะว่าท่านอาจารย์ก็ไม่เคยทิ้งปริยัติเลย แต่ว่าพระปริยัตินั้นเป็นไปเพื่อที่จะเป็นปริยัติจริงๆ อันนี้สำคัญมากเลย แต่วัดใจได้เป็นเครื่องวัดใจว่า พูดเรื่องเห็นอีกแล้ว ขณะนี้มีเห็นไหม? อะไรอย่างนี้ครับ

ท่านอาจารย์: แล้วทำไมไม่พูดเรื่องอื่น เห็นไหม? เรื่องอื่นจะพ้นจากเห็นเดี๋ยวนี้ได้ไหม?

อ.อรรณพ: ไม่ได้ครับ

ท่านอาจารย์: ก็ไม่รู้!! เพราะมุ่งหน้าอยากรู้ อยากรู้เรื่องอื่น อยากฟังเรื่องอื่น แต่ไม่เข้าใจประโยชน์ของการรู้แม้เรื่องใดๆ ก็ตาม เพื่อเข้าใจสิ่งที่กำลังปรากฏ และเห็นก็มีทุกวัน ทั้งวัน แล้วไง? เมื่อไหร่จะรู้ ถ้าไม่สนใจความจริงที่รู้ว่า ไม่ว่าฟังเรื่องอะไร เพื่อเห็นประโยชน์ของการรู้ความจริงของทุกอย่าง แม้แต่ เห็น ที่กำลังเห็น แม้แต่ คิด ที่กำลังคิด แม้แต่ จำ ที่กำลังจำ ทุกอย่างหมด

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่งค่ะ

กราบยินดีในกุศลจิตของ อ.อรรณพ ด้วยความเคารพค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
chatchai.k
วันที่ 10 พ.ย. 2568

รู้ความจริงของสิ่งที่มีจริง แต่สิ่งที่มีจริงมีทุกวัน ไม่เคยคิดถึง

ไม่เคยไม่ลืมที่จะฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า ทุกอย่างที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ เดี๋ยวนี้เอง เดี๋ยวนี้แหละ เป็นสิ่งที่ถ้าไม่รู้ก็ไม่สามารถที่จะละความไม่รู้ และความเห็นผิด และกิเลสต่างๆ ได้เลย คำของใคร

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ