ปัญญาสว่างคืออย่างไร?? ... สนทนาธรรมที่บ้านซ.พัฒนเวศม์ บ่าย 8/10/68

เขาเขมร เราไทย แล้วมีไทยมีเขมรไหม? มีทั้งเขมรมีทั้งไทย แต่ความจริงไม่มี!! มีแต่ธรรมะ เอาธรรมะมาเป็นเขมร ... ผิดหรือถูก? เอาธรรมะมาเป็นไทย ... ผิดหรือถูก? มีหรือธรรมะเป็นไทย มีหรือธรรมะเป็นเขมร ... ธรรมะเป็นธรรมะ เพราะฉะนั้นเห็นว่าเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดก็คือทิฏฐิ เป็นความเห็นที่ไม่ถูกต้อง เพราะไม่ใช่สิ่งหนึ่งสิ่งใดเลยทั้งสิ้น แค่กระทบตาปรากฏนิดเดียวมันจะเป็นอะไรได้ และเห็นหนึ่งขณะมันจะเป็นใครได้ ไทยก็ไม่ใช่ เขมรก็ไม่ใช่ เพราะฉะนั้นต้องรู้ว่าอะไรจริง ... เป็นสัจจะตรงต่อความเป็นจริงจนกว่าจะไม่มีเราที่ดีกว่าใครเลวกว่าใคร ไม่มีเขาเป็นโนน่เป็นนี่ เพราะเป็นธรรมะ ไม่มีความติดข้องว่าเรานะสวยจังเลยวันนี้ ... ติดข้องในความเป็นเราสวย ไม่ได้ติดข้องในอย่างอื่น ติดข้องด้วยความยินดีพอใจ แล้วแต่ว่าจะเป็นอะไร ... เราดี เราเก่ง เราฉลาด ... แม้แต่เราโง่ ... ติดข้องในความเป็นเราโง่ ... นั่นแหละเรา (แต่ว่าไม่มีใครอย่าโง่หรอก)
พระพุทธเจ้าตรัสความจริงถึงที่สุดโดยประการทั้งปวง แต่ละหนึ่งขณะๆ ความจริงถึงที่สุดคืออะไร?? เป็นจิตประเภทไหน ... เป็นเจตสิกประเภทไหน ... เป็นรูปประเภทไหน เพราะฉะนั้นเผินไม่ได้เลย คิดว่าเราเข้าใจแล้ว ... แล้วหรือ?! ... ถ้าแล้วต้องไม่เหลือเลย ... เข้าใจทั้งหมดโดยละเอียดโดยประการทั้งปวงไม่งั้นไม่แล้ว!! รู้แล้วระดับไหน?! กว่าจะถึงอริยสัจ 3 รอบ!!
มืดมาก อยู่ในความโง่เพราะไม่เห็นตามความเป็นจริงจะสว่างได้ยังไง?! เดี๋ยวนี้ไม่ได้ปรากฏตามความเป็นจริงมืดไหมล่ะ ... มืดที่ไม่รู้ความจริงทั้งๆ ที่เป็นอย่างนี้กำลังปรากฏ มืดด้วยความไม่รู้ตามความเป็นจริง
ถ้าไม่ฟังโดยดีจะรู้จักพระพุทธเจ้าไหม?! ว่าเพราะไม่รู้อย่างนี้จึงจำผิดไว้ตลอดเวลาว่าสว่างทั้งวัน ... นี่ก็ผิดแล้ว เพราะฉะนั้นกว่าจะตรัสรู้ ... ทุกคำไม่ผิด ... จริงขนาดที่ว่าพิสูจน์ได้ ... ประจักษ์แจ้งได้ ไม่ต้องไปเชื่อเฉยๆ โดยไม่เข้าใจอะไรเลย ... ความเชื่อผิด!!!
ยิ่งฟังแต่ละคำยิ่งเข้าใจในความละเอียด ถ้าไม่ฟังทีละคำก็ไม่เห็นความละเอียด ... ทุกขณะเป็นอย่างนี้ ... ทั้งๆ ที่เป็นก็ไม่รู้
ปัญญาสว่างคืออย่างไร?? ... มืดสนิทใครรู้ความจริง ถ้ารู้ความจริงในความมืดได้ ความรู้นั้นสว่างยิ่งกว่าความสว่างใดๆ เพราะสามารถรู้ความจริงที่มีในความมืดได้ ปัญญาสามารถประจักษ์ความจริงตามความเป็นจริงซึ่งเดี๋ยวนี้ไม่ได้ปรากฏ ... ทุกอย่างที่ปรากฏไม่ได้ปรากฏตามความเป็นจริง ความเป็นจริงจะปรากฏกับปัญญาเท่านั้น!! ... ที่สามารถรู้จนเข้าใจ จนชัดเจน จนประจักษ์แจ้ง ... สว่างไหม??
เหตุปัจจัยให้ปัญญาเจริญขึ้น ... ถ้าไม่มีพระพุทธเจ้าเราจะรู้ไหม? พระพุทธเจ้าเป็นใคร? เป็นผู้ทรงตรัสรู้และทรงแสดง ฟังคำของพระองค์ ... ไตร่ตรองจริงหรือเปล่า ... ต้องฟัง ต้องอดทนมากมายแค่ไหน??แสนโกฏกัปจะถึงหรือเปล่า?? ถ้าเดี๋ยวนี้ไม่รู้!! เราก็อยู่ในความมืด แล้วมานั่งฟังสิ่งที่จะเป็นความสว่าง ให้ค่อยๆ รู้ความจริงว่าแท้ที่จริงมืดสนิทตรงนี้ สว่างแค่กระทบตา ... คิดดู!!
เพราะฉะนั้นฟังและไตร่ตรองทำไมจึงมีคำว่าพุทธะ ... ตื่นจากความหลับ ... อยู่ในโลกของความคิดตลอดเวลา เป็นโนน่เป็นนี่เป็นนั่น ไหนล่ะโนน่นี่นั่น ... มีจริงหรือ?? ... แค่คิดและกว่าฟังแล้วจะตรงจริงๆ ... ต้องมั่นคงในแต่ละคำ ... จริงหรือเปล่า?! จนกว่าทุกคำจริง จึงรู้ว่าอยู่ในความมืดมานานเท่าไหร่ ... ไม่รู้เท่าไหร่ ... และแค่ฟัง ... เข้าใจแค่ไหน ... ต้องตรง!! จึงเป็นสัจจบารมี
ยินดีในความดีของทุกท่านค่ะ
ต้องตรง จึงเป็นสัจจบารมี
ฟังและไตร่ตรอง ทำไมจึงมีคำว่า พุทธะ ตื่นจากความหลับ อยู่ในโลกของความคิดตลอดเวลา เป็นโนน่ เป็นนี่ เป็นนั่น มีจริงหรือ แค่คิด ฟังแล้ว กว่าจะตรงจริงๆ ต้องมั่นคงในแต่ละคำ จริงหรือเปล่า จนกว่าทุกคำจริง จึงรู้ว่าอยู่ในความมืดมานานเท่าไหร่ ไม่รู้เท่าไหร่ และแค่ฟัง เข้าใจแค่ไหน
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง
ยินดีในกุศลจิตครับ


