กำลังของการสะสมของกิเลสมหาศาล

 
เมตตา
วันที่  28 ก.ย. 2568
หมายเลข  51028
อ่าน  303

[เล่มที่ 61] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๗ - หน้าที่ 585

ข้อความบางตอนจาก สรภังคชาดก

[๒๔๖๙] ท้าวสักกเทวราชตรัสว่า ข้าพเจ้าขออนุโมทนาคำสุภาษิตของท่าน ขอถามปัญหาข้ออื่นกะท่าน ขอเชิญท่านกล่าวแก้ปัญหานั้น บุคคลในโลกนี้ทำอย่างไร ทำด้วยอุบายอย่างไร ประพฤติอะไร เสพอะไรจึงจะได้ปัญญา ขอท่านได้โปรดบอกปฏิปทาแห่งปัญญา ณ บัดนี้ว่า นรชนทำอย่างไร จึงจะเป็นผู้มีปัญญา

[๒๔๗๐] สรภังคดาบส ทูลว่า บุคคลควรคบหาท่านผู้รู้ทั้งหลาย ละเอียดลออ เป็นพหูสูต ควรเป็นนักเรียน นักสอบถาม พึงตั้งใจฟังคำสุภาษิตโดยเคารพ นรชนทำอย่างนี้ จึงจะเป็นผู้มีปัญญา


อ.ธนากร: ประทับใจที่ท่านอาจารย์ได้กล่าวเตือนครับ เพราะว่าลืม ที่ท่านอาจารย์ได้กล่าวว่า ความจริงไม่ได้ปรากฏตามความเป็นจริง ครับ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงต้องบำเพ็ญพระบารมียาวนานมาก แล้วก็ได้ยินได้ฟังบ่อย แต่ว่าลืมเสมอ พอได้ยินได้ฟังท่านอาจารย์ได้กล่าวซ้ำอีกครั้งวันนี้ ก็ทำให้พิจารณาได้ว่า เหมือนกับมีทุกอย่างปรากฏทางตาบ้าง ทางหูบ้าง ทางจมูกบ้าง ทางลิ้นบ้าง ทางกายบ้าง และก็ทางใจครับ แต่ไม่ใช่เป็นความจริงอะไรเลยที่ปรากฏ แต่ก็เป็นทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนกับที่เคยลืมมาเป็นวัตถุ สิ่งของ โต๊ะ เป็นตัวเรา

แล้วก็ความยากอย่างยิ่ง และยากที่สุดเลยครับ ก็คือไม่ได้รู้สึกว่าความเป็นเราออกไปเลย เพราะว่าแม้แต่ฟังธรรมะก็ยังเป็นเราที่ฟัง ยังเป็นเราที่พิจารณาเรื่องนั้นเรื่องนี้ หรือว่าพออกุศลเกิด ก็ยังมีความเป็นเราที่หาทาง หรือว่าอยากที่จะไม่มีอกุศลความเดือดร้อน อะไรพวกนี้ ซึ่งก็แสดงให้เห็นว่า ลืมคำว่าธรรมะ หรือว่าความจริงของสิ่งที่มีจริงเสมอครับ

ก็อยากที่จะให้ท่านอาจารย์ได้เกื้อกูลคำว่า ความจริงเมื่อได้ปรากฏตามความเป็นจริงถึงต้องบำเพ็ญบารมียาวนานมาก เพราะว่าอันนี้ดูเหมือนกับว่า จะเป็นรากฐานของความเข้าใจ ซึ่งลืมไม่ได้เลย แต่ว่าลืมเสมอครับ

ท่านอาจารย์: อยากใช่ไหม?

อ.ธนากร: อยากครับ

ท่านอาจารย์: แล้วอยากอะไรอีกในพระไตรปิฎก?

อ.ธนากร: ตอนนี้ยังไม่มีครับ

ท่านอาจารย์: แน่ใจว่าอยากแค่นี้?

อ.อรรณพ: อยากไปหมดครับ

ท่านอาจารย์: นั่นซิ!!

อ.ธนากร: คือตอนนั้นไม่ได้คิดถึง แต่ว่าถ้าเราได้อ่าน ก็มีแน่นอนครับมั่นใจว่ามี

ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น การที่เราสนทนาเพื่อเข้าใจเพื่อละ แต่ยังอยากอยู่ เห็นไหม? กำลังของการสะสมของกิเลสมหาศาล

เพราะฉะนั้น จะละกิเลสกันใช่ไหม?

อ.ธนากร: ใช่ครับ

ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น ถ้าชีวิตประจำวันไม่ละ เราสามารถละกิเลสที่ลึกกว่านี้ได้ไหม?

อ.ธนากร: ไม่ได้เลยครับ

ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น วันนี้ชอบอะไรบ้าง? มากแค่ไหน? เดือดร้อนเพราะไม่ได้สิ่งนั้นแค่ไหน? อาหารจืดไปไม่ถูกปากเลย เดือดร้อนแล้ว!! ละอะไรบ้างหรือเปล่า? เห็นไหม ไม่ต้องมุ่งหวังที่จะไปละตัวสภาพธรรมะที่ลึกซึ้ง แม้ที่ปรากฏชัดๆ ใหญ่โตมโหฬาร คิดที่จะละไหมทีละเล็กทีละน้อย ถ้าไม่ละก็เพิ่มอีก

อ.ธนากร: ใช่ครับ ของผมความอยากก็อยากให้จิตใจเป็นไปได้ดังใจ ซึ่งมันก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้นครับ แล้วก็เรียนธรรมะไปแล้วก็รู้ทุกอย่าง แต่ถึงเวลาความอยากก็มากจริงๆ ครับ

ท่านอาจารย์: แล้วอยากแค่นั้นหรือ?

อ.ธนากร: ครับ

ท่านอาจารย์: แค่นั้นหรือ?

อ.ธนากร: อยากไม่เดือดร้อน

ท่านอาจารย์: แค่นั้นหรือ?

อ.ธนากร: สารพัดอยากเลย

ท่านอาจารย์: ยิ่งกว่านั้นอีก เพราะฉะนั้น ถ้าไม่เริ่มเห็นโทษของอกุศล ไม่มีหนทางอื่นเลย นอกจากคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ทรงตรัสรู้ ทรงพระมหากรุณาแสดงความจริงโดยละเอียด

แล้วเราจะไม่ประพฤติตามหรือ? แม้เพียงแต่ในชีวิตประจำวันนี่ ละคลายอกุศลด้วยความเข้าใจในโทษ แค่นี้!! แค่เพียงเห็นโทษเห็นภัยของการที่จะสะสมอกุศลต่อไป นี่ก็ไปเพิ่มเติมปกปิดความจริงที่มีมาแล้วมากมายให้หนาแน่นขึ้น

เห็นไหม ต้องเป็นความละเอียดอย่างยิ่งที่จะทำให้เข้าใจว่า ความดีในชีวิตประจำวันมีขึ้นเท่าไหร่ เพราะเห็นโทษของอกุศล แต่ถ้ายังคงเหมือนเดิม ชีวิตที่ได้ฟังพระธรรมซึ่งยากที่จะได้ฟัง แต่ไม่ประพฤติตาม แล้วเมื่อไหร่จะได้ประโยชน์จากการที่ได้ฟังพระธรรม

เพราะฉะนั้น โอกาสที่จะประพฤติตามมีทุกขณะในชีวิตประจำวัน เมื่อระลึกได้ เมื่อไม่เป็นไปกับอกุศล

เพราะฉะนั้น เป็นผู้ที่อดทนต่อการที่จะมีอกุศลมากๆ เหมือนเดิม ความอดทนที่จะค่อยๆ ละเมื่อเปล่งวาจาออกไป เมื่อแสดงอาการกิริยาออกไป แค่นี้ก็แสดงแล้วว่า มีบ้างไหม เพิ่มขึ้นบ้างหรือเปล่า?

ถ้าไม่เพิ่มขึ้นในทางละ ก็บวกไปเรื่อยๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ยากขึ้นเรื่อยๆ และก็คิดว่าเมื่อไหร่อกุศลจะหมด ก็เพิ่มอยู่ทุกวัน

เพราะฉะนั้น ก็ต้องมีการขัดเกลาโดยการระลึกถึงพระคุณว่า พระองค์ให้เราประพฤติสิ่งที่ถูกต้องเป็นประโยชน์ แล้วเราได้ฟังแล้ว มีกำลังพอที่จะเห็นคุณมหาศาลของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงแสดงโทษให้เราเห็น และเราก็ค่อยๆ เห็นจริงๆ ค่อยๆ ขัดเกลาจริงๆ ทุกๆ วัน แล้วแต่ว่าจะโดยการศึกษาธรรมะ ไม่ว่าอะไรเกิดขึ้น มีความเมตตา มีความเป็นเพื่อน มีความหวังดี ใครร้ายเรื่องเขา แต่เราถ้าร้ายทันทีก็เหมือนเขา และก็ไม่ได้ประพฤติตามคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วย

เพราะฉะนั้น ชีวิตประจำวันเป็นเครื่องบ่ง เครื่องบอกว่า กำลังของความเข้าใจในความจริง และเห็นประโยชน์เพิ่มขึ้นมากน้อยแค่ไหนหรือเปล่า? หรือว่าเพียงแต่พูดธรรมะไปเรื่อยๆ จิต ๘๙ เจตสิก ๕๒ อายตนะอะไรต่ออะไร แล้วแม้แต่อย่างหยาบๆ ทางกาย ทางวาจาที่พอจะรู้ได้ และทางใจ ค่อยๆ เห็นโทษของอกุศลบ้างไหม?

ทุกอย่างที่สามารถจะเป็นไปได้ ต้องเริ่มทีละเล็กทีละน้อย จนกว่าจะมากขึ้น เป็นการเกื้อกูลต่อการที่จะให้อกุศลลดน้อยลง และความเข้าใจธรรมะเพิ่มขึ้นเป็นบารมี

ถ้าไม่มีบารมีแล้ว ก็ยากที่จะละกิเลส เพราะเหตุว่า ฟังแล้วก็ยังคงเหมือมเดิม หรือว่าฟังแล้วก็เห็นโทษของอกุศล แล้วก็ประพฤติตามกำลังของปัญญาที่เพิ่มขึ้น ซึ่งต้องประกอบกับการประพฤติตามด้วย

อ.ธนากร: ไพเราะอย่างยิ่งเลย เหมือนน้ำทิพย์ชโลมครับ เพราะว่าท่านอาจารย์กล่าวว่า โอกาสของการประพฤติตามมีทุกขณะ ซึ่งก็จริงอย่างนั้นจริงๆ ครับ ถ้าขณะนั้นเห็นโทษครับ

อ.อรรณพ: โอกาสของการประพฤติตามมีอยู่เรื่อย แต่ว่า จะมีปัจจัยให้ประพฤติตามหรือเปล่าก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะว่ากิเลสอกุศลที่สะสมมาก็เยอะ แต่ว่าคำเตือนท่านอาจารย์ก็กล่าว พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ทรงแสดงธรรมเพื่อการขัดเกลา และพระศาสนานี้ก็เป็นพระศาสนาที่ขัดเกลาอย่างยิ่งเลยครับ ขัดเกลาทุกระดับด้วย ยังไม่ต้องพูดถึงการขัดเกลาระดับสูงด้วยวิปัสสนาญาณ อะไรต่ออะไร แม้น้อมประพฤติที่จะมีกุศลเกิดบ้างในชีวิตประจำวัน ค่อยๆ เห็นโทษของอกุศลนี่ ก็ถ้าไม่เกิดเลยจะไปมีระดับสูงก็ไม่ได้ ครับ

ท่านอาจารย์: และถ้าประพฤติดี บูชาคุณพระสัมมาสัมพุ ทธเจ้าหรือเปล่า คิดดู!!

อ.อรรณพ: เพราะฉะนั้น ประพฤติดีด้วยการฟังคำของพระองค์จนซึมซับเข้าไป และน้อมประพฤติตาม เป็นการบูชาพระคุณของพระองค์ครับ

ขอเชิญอ่านได้ที่ ..

กำลังของปัญญามีมากเท่าไหร่ ก็เพิ่มการที่จะละคลายอกุศลมากเท่านั้น

ขอเชิญฟังได้ที่ ..

ฟังธรรมแต่ไม่ประพฤติตาม

ศึกษาแล้วน้อมปฏิบัติตาม

จะรู้อะไรได้ขึ้นอยู่กับกำลังของปัญญา

จะรู้อะไรได้ขึ้นอยู่กับกำลังของปัญญา

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่งค่ะ

กราบยินดีในกุศลจิตของ อ.อรรณพ อ.ธนากร ด้วยความเคารพค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
chatchai.k
วันที่ 28 ก.ย. 2568

ถ้าประพฤติดี บูชาคุณพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

โอกาสที่จะประพฤติตามมีทุกขณะในชีวิตประจำวัน เมื่อระลึกได้ เมื่อไม่เป็นไปกับอกุศล เป็นผู้ที่อดทนต่อการที่จะมีอกุศลมากๆ ความอดทนที่จะค่อยๆ ละเมื่อเปล่งวาจาออกไป เมื่อแสดงอาการกิริยาออกไป แค่นี้ก็แสดงแล้วว่า มีบ้างไหม เพิ่มขึ้นบ้างหรือเปล่า

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
มังกรทอง
วันที่ 30 ก.ย. 2568

ธรรมมีมานัสพร้อม รับฟัง อันเกิดกุศลดัง ธาตุรู้ จิตเจตสิกเป็นพลัง เสริมส่ง หนุนแฮ กราบอาจารย์สุจินต์ผู้ เปี่ยมด้วยเมตตา

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ