ไม่รู้ทุกอย่างที่กำลังปรากฏใช่ไหม?

 
เมตตา
วันที่  30 ก.ย. 2568
หมายเลข  51042
อ่าน  363

อ.ณภัทร: ท่านอาจารย์เพิ่งกลับจากเวียดนาม มีอะไรเล่าให้พวกกระผมฟังบ้างไหมครับ กราบเรียนท่านอาจารย์ตรงนี้ก่อนครับ

ท่านอาจารย์: มีธรรมะวันนี้ค่ะ

อ.ณภัทร: ครับ แล้วท่านอาจารย์ก็ ...

ท่านอาจารย์: ไม่ว่าวันไหน วันก่อนๆ กับวันนี้ หรือต่อไปข้างหน้า ก็คือธรรมะ วันนี้เดี๋ยวนี้ทั้งหมด หมดแล้วด้วย

อ.ณภัทร: เมื่อวานครับ ได้นำคลิปที่ท่านอาจารย์ได้บรรยายไว้ เป็นหัวข้อเรื่อง เกิดแล้วเป็นเรา ครับ ก็แสดงให้เห็นถึง ความไม่รู้ในสิ่งที่กำลังปรากฏ ครับ ไม่ว่าจะเป็น สี เสียง กลิ่น รส เย็นหรือร้อน อ่อนหรือแข็ง ตึงหรือไหว ในชีวิตประจำวัน ปรากฏแต่ก็ไม่รู้ตามความเป็นจริงอย่างนั้น ก็ยึดถือสิ่งเหล่านั้นว่า เป็นสัตว์ เป็นบุคคล เป็นตัวตนครับ

เพราะฉะนั้น จากไม่มี แล้วมี แล้วก็หามีไม่ ก็แสดงถึงความเป็นอนิจจัง ก็คือความไม่เที่ยง แม้ได้ฟังก็เข้าใจในเบื้องต้นว่า ความจริงเป็นอย่างนั้น แต่ปัญญาที่จะรู้ในความ จากไม่มี แล้วมี ก็หามีไม่ ก็ไม่ใช่เป็นสิ่งที่จะรู้ได้โดยง่ายเลย

ก็กราบเรียนถามท่านอาจารย์ ทุกขณะก็มี แล้วจะไม่มี แล้วก็หมดไป กราบท่านอาจารย์ครับ

ท่านอาจารย์: ไม่มีอะไรเลย แล้วก็มี มีอะไร?

อ.ณภัทร: มีธรรมที่เกิดขึ้น แล้วดับไปครับ

ท่านอาจารย์: รู้หรือยัง?

อ.ณภัทร: ยังไม่ได้รู้ตามความเป็นจริงครับ

ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น แต่ละคำต้องฟังมั่นคงเพียงไรว่า อยู่ในโลกของความต่างกับความเป็นจริงระดับไหน เพราะว่าฟังเผินเหมือนต่างกันนิดเดียวใช่ไหม? เข้าใจแล้ว!! ก่อนเห็น ไม่มีเห็น แล้วก็มีเห็น แล้วเห็นก็ดับไป แต่ก็ยังไม่รู้ลักษณะของเห็น ได้แต่พูดถึงสิ่งที่กำลังมี แต่ไม่ได้รู้จักความจริงว่า สิ่งนี้ที่กล่าวว่า เห็น แม้ไม่ต้องพูดก็เห็น ใช่ไหม? แต่ก่อนจะมีอย่างนี้ ไม่มี แล้วก็เกิดมีเห็น แล้วก็หมดไป ไม่ต้องพูดอะไรเลยสักคำ ถูกต้องไหม? แต่ถ้าไม่พูดก็ไม่รู้

เพราะฉะนั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเมื่อทรงตรัสรู้แล้ว จึงได้ทรงแสดงพระธรรม สิ่งที่มีจริงทุกขณะตามความเป็นจริง

ค่อยๆ ฟัง ค่อยๆ เห็นความลึกซึ้ง ค่อยๆ เห็นพระคุณสูงสุดของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สิ่งที่ได้ฟังไม่ใช่จะรู้เร็ว วันสองวัน ปีสองปี ชาติสองชาติ แต่ว่า สิ่งที่กำลังมีนี่แหละ ใครรู้ว่าเกิดแล้วดับ และคืออะไร ลึกซึ้งไหม?

เห็นไปอีก ฟังไปอีก เห็นไปอีก จะรู้ได้ไหม?

อ.ณภัทร: ครับ ลึกซึ้งเป็นอย่างยิ่ง

ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น ตลอด ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ก็ตามแต่ ลืมเสมอ!! จนกว่าจะมั่นคงในการที่ได้ฟังแต่ละคำว่า ไม่รู้อะไร ก็ไม่รู้สิ่งที่กำลังมี!!

อ.ณภัทร: ครับ ท่านอาจารย์ใช้คำว่า สาหัส เห็นภาพเลยครับ เห็นถึงความสาหัสสากันจริงๆ ครับที่ไม่รู้ในสิ่งที่กำลังมี

ท่านอาจารย์: แล้วพูดทำไม? เพราะรู้ได้ มีผู้ที่ได้ทรงตรัสรู้ทรงแสดงหนทางที่ยาวนานมาก แม้พระองค์เองก็ต้องทรงบำเพ็ญพระบารมีนับประมาณไม่ได้ แล้วเราเพิ่งจะได้ฟัง มีความมั่นคงแค่ไหนที่ว่า ไม่รู้เลยสักนิดเดียวในความเป็นจริงของสิ่งที่ปรากฏตลอดตั้งแต่เกิดจนตาย แล้วก็สามารถที่จะได้ฟังคำที่ฟังแล้วต้องไตร่ตรองละเอียดลึกซึ้ง มั่นคงว่า ขณะนี้ก่อนเกิดเห็น ไม่มีเห็น แล้วเห็นก็ดับ และก็มีอย่างอื่นเต็มไปหมด เร็วแค่ไหน แล้วเห็นที่ดับไปแล้ว ก็ไม่ได้กลับมาอีกเลย

เริ่มรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือยัง เท่านั้นค่ะ ไม่ใช่ง่ายๆ ไม่ใช่ให้ทำอย่างนั้น ให้ทำอย่างนี้ ไม่ใช่เลย!! แต่ให้รู้ความจริงที่ลึกซึ้งอย่างยิ่ง

อ.ณภัทร: ครับ ดังนั้น การไตร่ตรองโดยละเอียดที่ท่านอาจารย์กล่าว เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง เพราะว่าแม้เพียงฟังว่า จากไม่มี แล้วมี แล้วหามีไม่ครับ ถ้าไม่ไตร่ตรองโดยละเอียด จะไม่รู้เลยว่า จากไม่มีอะไร แล้วมีอะไร แล้วอะไรที่หมดไปครับ

ท่านอาจารย์: ก็สิ่งที่มีงัยค่ะ ถ้าไม่มี จะหมดไหม?

อ.ณภัทร: ถ้าไม่มี ก็ไม่หมดครับ

ท่านอาจารย์: ก็เดี๋ยวนี้สิ่งที่เกิดนี่แหละ ดับ แน่นอน

อ.ณภัทร: ครับ

ท่านอาจารย์: เห็นไหม ไม่รู้ใช่ไหม?

อ.ณภัทร: ไม่รู้ เพราะว่ารวดเร็วมากครับ

ท่านอาจารย์: ไม่รู้อะไรบ้าง?

อ.ณภัทร: ไม่รู้เลยว่า สิ่งที่ปรากฏเป็นธรรมะ แล้วก็เกิดดับ และก็มีเหตุปัจจัยอะไรที่ปรุงแต่งให้เกิดขึ้น ไม่รู้เลยครับ

ท่านอาจารย์: ไม่รู้ทุกอย่างที่กำลังปรากฏใช่ไหม?

อ.ณภัทร: ใช่ครับ

ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น ความไม่รู้แค่ไหน คิดดู!! นานมาแล้วด้วย ไม่ใช่เพิ่งจะวันนี้ เดี๋ยวนี้ แสนโกฏกัปป์ เหนียวแน่นหนาแน่น ลึกมาก ยากที่จะรู้ได้ เพราะเพิ่มขึ้นทับถมขึ้น ประมาทไหมที่จะรู้ว่า ความเข้าใจเดี๋ยวนี้เป็นหนทางเดียวที่ต้องมั่นคงในความเป็นธรรมที่กำลังเกิดดับเดี๋ยวนี้ที่ลึกซึ้งอย่างยิ่ง

เพราะฉะนั้น ไม่มีหนทางอื่นเลย นอกจากเข้าใจในความลึกซึ้งเมื่อไหร่ เมื่อนั้นกำลังชำระล้างสิ่งที่สกปรกมาก เหนียวมากแน่นมากลึกมากแสนโกฏกัปป์ ยิ่งกว่านั้นอีก แล้วกว่าจะหมดได้ และสิ่งที่ได้ยินได้ฟังแค่น้อยนิดแค่ไหน ไม่สามารถที่จะประมาทได้เลยว่า ตามความเป็นจริง ทุกคำ เป็นคำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ แล้วทรงแสดงเพียงทีละหนึ่ง ให้รู้ว่าหลากหลายมาก ปะปนกันไม่ได้เลย

แต่เวลานี้ไม่รู้สักหนึ่ง ใช่ไหม?

อ.ณภัทร: ครับ รู้ได้ยากครับ แค่หนึ่งนี่ก็รู้ได้ยากมากครับ

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่งค่ะ

กราบยินดีในกุศลจิตของ อ.ณภัทร ด้วยความเคารพค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
chatchai.k
วันที่ 30 ก.ย. 2568

มีผู้ที่ได้ทรงตรัสรู้ทรงแสดงหนทางที่ยาวนานมาก แม้พระองค์เองก็ต้องทรงบำเพ็ญพระบารมีนับประมาณไม่ได้ แล้วเราเพิ่งจะได้ฟัง มีความมั่นคงแค่ไหนที่ว่า ไม่รู้เลยสักนิดเดียวในความเป็นจริงของสิ่งที่ปรากฏตลอดตั้งแต่เกิดจนตาย แล้วก็สามารถที่จะได้ฟังคำที่ฟังแล้วต้องไตร่ตรองละเอียดลึกซึ้ง มั่นคงว่า ขณะนี้ก่อนเกิดเห็น ไม่มีเห็น แล้วเห็นก็ดับ และก็มีอย่างอื่นเต็มไปหมด เร็วแค่ไหน แล้วเห็นที่ดับไปแล้ว ก็ไม่ได้กลับมาอีกเลย

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
มังกรทอง
วันที่ 1 ต.ค. 2568

แต่ละคำองค์พระศาสดา จักศึกษาจนเข้าใจ หนักแน่นไม่หวั่นไหว ด้วยเข้าใจในอนัตตา กราบอาจารย์สุจินต์ให้ เมตตาได้ทุกเวลา อีกเปี่ยมความกรุณา น้อมศรัทธาอาจารย์เทอญ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ