ผัสสะ (ผุสนลกฺขโณ)

 
KC.CK
วันที่  13 ก.ค. 2568
หมายเลข  50378
อ่าน  220

มีความประสงค์ทราบ กระบวนการเกิดผัสสะ (ผุสนลกฺขโณ) เจริญพร ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 13 ก.ค. 2568

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ผัสสเจตสิก เป็นสภาพธรรมที่มีจริง เป็นสภาพธรรมที่กระทบอารมณ์ เป็นเจตสิกที่เกิดร่วมกับจิตทุกขณะ ไม่ว่าจะเป็นจิตขณะใด จะไม่ปราศจากผัสสเจตสิกเลย แสดงถึงความเป็นจริง ธรรมที่เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น ไม่มีใครบังคับให้สภาพธรรมหนึ่งสภาพธรรมใด เกิดขึ้นได้เลย แต่ธรรมเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย แม้ผัสสเจตสิก ก็ต้องอาศัยปัจจัย ด้วย เช่น ต้องอาศัยจิตเกิดขึ้น ต้องเกิดร่วมก้บเจตสิกอื่นๆ ต้องมีอารมณ์ ต้องมีที่อาศัยเกิด เป็นต้น แสดงถึงความเป็นอนัตตาของสภาพธรรมจริงๆ

จิตทุกขณะไม่ปราศจากผัสสเจตสิก ดังนั้น เมื่อจิตเกิดที่วัตถุรูปใด ผัสสเจตสิก ก็เกิดที่วัตถุรูปนั้น จิตรู้อารมณ์ใด ผัสสะ ก็กระทบในสิ่งที่จิตรู้นั้น ทั้งหมด มีแต่ธรรมเท่านั้นที่เกิดขึ้นทำกิจหน้าที่ ครับ

... ยินดีในกุศลของทุกๆ ท่านครับ ...

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
KC.CK
วันที่ 14 ก.ค. 2568

ขอแก้คำผิดให้เป็นคำว่า

(ผุสนลกฺขโณ)

สาธุธรรม เจริญพรคุณโยมอาจารย์Khampan สาธุ ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
KC.CK
วันที่ 14 ก.ค. 2568

อ้างอิงจาก ความคิดเห็น 1 โดย khampan.a

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ผัสสเจตสิก เป็นสภาพธรรมที่มีจริง เป็นสภาพธรรมที่กระทบอารมณ์ เป็นเจตสิกที่เกิดร่วมกับจิตทุกขณะ ไม่ว่าจะเป็นจิตขณะใด จะไม่ปราศจากผัสสเจตสิกเลย แสดงถึงความเป็นจริง ธรรมที่เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น ไม่มีใครบังคับให้สภาพธรรมหนึ่งสภาพธรรมใด เกิดขึ้นได้เลย แต่ธรรมเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย แม้ผัสสเจตสิก ก็ต้องอาศัยปัจจัย ด้วย เช่น ต้องอาศัยจิตเกิดขึ้น ต้องเกิดร่วมก้บเจตสิกอื่นๆ ต้องมีอารมณ์ ต้องมีที่อาศัยเกิด เป็นต้น แสดงถึงความเป็นอนัตตาของสภาพธรรมจริงๆ

จิตทุกขณะไม่ปราศจากผัสสเจตสิก ดังนั้น เมื่อจิตเกิดที่วัตถุรูปใด ผัสสเจตสิก ก็เกิดที่วัตถุรูปนั้น จิตรู้อารมณ์ใด ผัสสะ ก็กระทบในสิ่งที่จิตรู้นั้น ทั้งหมด มีแต่ธรรมเท่านั้นที่เกิดขึ้นทำกิจหน้าที่ ครับ

... ยินดีในกุศลของทุกๆ ท่านครับ ...

เจริญพรคุณโยมอาจารย์

ช่วยตรวจความเช้าใจว่าถูกหรือไม่ ดังนี้

รูปารมณ์เกิดที่ประสาทตา มีจักขุวิญญาณจิตเป็นตัวรับช่วงต่อ เกิดเป็นผัสสะ

ตามที่ได้กล่าวแล้วนั้นถูกหรือไม่ประการใด ช่วยแสดงความคิดเห็นด้วย เจริญพร

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
khampan.a
วันที่ 15 ก.ค. 2568

เรียนความคิดเห็นที่ ๓ รูปารมณ์ เกิดตามสมุฏฐานของตนๆ ไม่ได้เกิดที่จักขุปสาท แต่จักขุปสาทเป็นสภาพที่สามารถรับกระทบกับรูปารมณ์ ในขณะที่มีการเห็นเกิดขึ้นนั้น รูปารมณ์ เกิดก่อนแล้ว จักขุปสาท ก็เกิดก่อนแล้ว และต้องมีจิตขณะก่อนเกิดก่อนจิตเห็น ในขณะที่จิตเห็น (จักขุวิญญาณ) เกิดขึ้น จิตเห็นเกิดที่จักขุปสาท กำลังเห็นรูปารมณ์คือสี ผัสสะก็กระทบกับสีที่จิตเห็นกำลังรู้ จิตเห็นกับผัสสะ ก็เกิดพร้อมกันเลย ไม่ก่อนไม่หลัง ครับ


... ยินดีในกุศลของทุกๆ ท่านครับ ...

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
KC.CK
วันที่ 15 ก.ค. 2568

สาธุธรม เจริญพร

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
KC.CK
วันที่ 18 ก.ค. 2568

อคหิตัคคหนนัย บอกว่า ทวิเหตุกเจตสิก= เจตสิกที่มีเหตุ๒ คือ โมหเจตสิก มีเหตุ๒ คือ โลภะเหตุ โทสะเหตุ

แต่ ... คหิตัคคหนนัย บอกว่า อเหตุกเจตสิก= เจตสิกที่ไม่มีเหตุ คือ โมหะเจตสิก๑ ที่ประกอบกับ โมหมูลจิต หมายความว่าอย่างไรและต่างกันอย่างไร เจริญพร ...

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
khampan.a
วันที่ 19 ก.ค. 2568

เรียนความเห็นที่ ๖ ครับ

โมหเจตสิก เป็นเหตุ ที่เป็น อกุศลเหตุ ถ้ากล่าวถึงโลภมูลจิต (จิตที่มีโลภะเป็นมูล) แล้ว มีสภาพธรรมที่เป็นตัวเหตุ ๒ ประเภท คือ โลภเหตุ กับ โมหเหตุ เมื่อกล่าวถึง โมหะเป็นเหตุแล้ว โมหะ ย่อมเกิดกับเหตุ คือ โลภเหตุ เท่านั้น ถ้ากล่าวถึงโทสมูลจิต (จิตที่มีโทสะเป็นมูล) มีสภาพธรรมที่เป็นตัวเหตุ ๒ ประเภท คือ โทสเหตุ กับ โมหเหตุ เมื่อกล่าวถึง โมหะเป็นเหตุแล้ว โมหะ ย่อมเกิดกับเหตุ คือ โทสเหตุ เท่านั้น

ดังนั้น เจตสิกที่มีเหตุ ๒ คือ โมหเจตสิก มีเหตุ ๒ คือ โลภะเหตุ โทสะเหตุ นั้น เป็นการกล่าวโดยรวม ในขณะที่โมหะ เกิดร่วมกับโลภมูลจิต และ โมหะที่เกิดร่วมกับโทสมูลจิต โดยไม่ปะปนกัน เพราะโลภมูลจิตกับโทสมูลจิต จะไม่เกิดพร้อมกัน


ส่วนอีกประเด็นหนึ่ง
อเหตุกเจตสิก = เจตสิกที่ไม่มีเหตุ คือ โมหะเจตสิก ๑ ที่ประกอบกับโมหมูลจิต คำอธิบาย คือ เพราะใน โมหมูลจิต มี โมหเจตสิก เท่านั้น ที่เป็นเหตุเพียงเหตุเดียว ดังนั้น โมหเจตสิก จึงไมมีเหตุอื่นเกิดร่วมด้วย นั่นเอง ครับ


... ยินดีในกุศลของทุกๆ ท่านครับ ...

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
KC.CK
วันที่ 25 ก.ค. 2568

อ้างอิงจาก ความคิดเห็น 7 โดย khampan.a

เรียนความเห็นที่ ๖ ครับ

โมหเจตสิก เป็นเหตุ ที่เป็น อกุศลเหตุ ถ้ากล่าวถึงโลภมูลจิต (จิตที่มีโลภะเป็นมูล) แล้ว มีสภาพธรรมที่เป็นตัวเหตุ ๒ ประเภท คือ โลภเหตุ กับ โมหเหตุ เมื่อกล่าวถึง โมหะเป็นเหตุแล้ว โมหะ ย่อมเกิดกับเหตุ คือ โลภเหตุ เท่านั้น ถ้ากล่าวถึงโทสมูลจิต (จิตที่มีโทสะเป็นมูล) มีสภาพธรรมที่เป็นตัวเหตุ ๒ ประเภท คือ โทสเหตุ กับ โมหเหตุ เมื่อกล่าวถึง โมหะเป็นเหตุแล้ว โมหะ ย่อมเกิดกับเหตุ คือ โทสเหตุ เท่านั้น

ดังนั้น เจตสิกที่มีเหตุ ๒ คือ โมหเจตสิก มีเหตุ ๒ คือ โลภะเหตุ โทสะเหตุ นั้น เป็นการกล่าวโดยรวม ในขณะที่โมหะ เกิดร่วมกับโลภมูลจิต และ โมหะที่เกิดร่วมกับโทสมูลจิต โดยไม่ปะปนกัน เพราะโลภมูลจิตกับโทสมูลจิต จะไม่เกิดพร้อมกัน


ส่วนอีกประเด็นหนึ่ง
อเหตุกเจตสิก = เจตสิกที่ไม่มีเหตุ คือ โมหะเจตสิก ๑ ที่ประกอบกับโมหมูลจิต คำอธิบาย คือ เพราะใน โมหมูลจิต มี โมหเจตสิก เท่านั้น ที่เป็นเหตุเพียงเหตุเดียว ดังนั้น โมหเจตสิก จึงไมมีเหตุอื่นเกิดร่วมด้วย นั่นเอง ครับ


... ยินดีในกุศลของทุกๆ ท่านครับ ...

สาธุธรรม ... ขอเจริญพร 😇

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ