ไม่มีอะไรที่ไม่ใช่ธรรม…สนทนาธรรมที่บ้าน ซ.พัฒนเวศม์

หนทางเดียวคือเข้าใจ คิดโนน่คิดนี่แต่ไม่เข้าใจ ขณะนั้นก็ไร้ประโยชน์
ไม่ได้เห็นคน ไม่ได้เห็นโต๊ะ ไม่ได้เห็นเก้าอี้ ไม่ได้เห็นไฟ ไม่ได้เห็นพระอาทิตย์ พระจันทร์ เห็นแต่สีสันวรรณะจริงไหม?
ไม่รู้กับรู้ต่างกัน ถ้ารู้ ... รู้อะไร? ไม่ใช่รู้ชื่อ ไม่ใช่จำชื่อ แต่ต้องรู้ ... ความจริงของลักษณะที่มีอยู่จริงๆ
รอบแรก ให้ฟังให้ไตร่ตรองจนกระทั่งเข้าใจถูกต้อง แล้วรู้ว่าเรายังไม่ได้เข้าถึงตัวธรรมเลย ทั้งๆ ที่รอบตัวเป็นธรรมหมด ไม่มีอะไรที่ไม่ใช่ธรรม ต้องเข้าใจอย่างนี้มั่นคง
ไม่ว่าอะไร จะใกล้จะไกลอย่างไรก็ตามแต่ เมื่อปรากฏเพราะจิตรู้สิ่งนั้น ... ขณะนั้นจึงไม่มีใกล้ จึงไม่มีไกลจึงไม่มีอะไรเลยมีแต่ธรรม ซึ่งเป็นธาตุรู้กับสิ่งที่ถูกรู้
แค่ 6 ทางทั้งวัน ไม่มีอะไรเกินกว่านี้
พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ "สิ่งหนึ่งสิ่งใดมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นมีความดับไปเป็นธรรมดา" ถ้าเห็นไม่ดับ ได้ยินไม่ได้ คิดไม่ได้ แต่ละหนึ่งที่เกิดแสดงความจริงโดยละเอียดยิบว่าต้องดับจึงเป็นอนัตตา ไม่ใช่คน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่สิ่งหนึ่งสิ่งใดทั้งสิ้น ถูกไหมมีอะไรไม่จริงบ้าง?!
เริ่มรู้จักพระพุทธเจ้า สวนานุตริยะ (ฟังสิ่งที่ประเสริฐที่สุดที่เป็นความจริงเปลี่ยนไม่ได้) ทรงแสดงแต่ละหนึ่งที่รวดเร็วละเอียดยิบให้รู้ว่ากำลังมีเดี๋ยวนี้แน่นอน บอกและให้รู้ทุกขณะตามความเป็นจริงเพื่อให้เข้าใจมั่นคงทีละน้อยๆ ว่าแท้ที่จริงทุกสิ่งทุกอย่างแค่เป็นสิ่งที่มีจริงขณะนั้นชั่วขณะที่เกิด
อยู่ในโลกอย่างนี้ไม่สิ้นสุด โลกของสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นไปอย่างรวดเร็วไม่ประจักษ์ว่าแท้ที่จริงสิ่งที่เกิดแล้วดับทันทีเร็วมาก อยู่ในโลกของความจำว่าเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดจึงใช้คำว่า " อัตตสัญญา " สัญญาสภาพจำมีจริงเป็นสัญญาเจตสิกไม่ใช่จิต จิตเป็นธาตุรู้เป็นใหญ่เป็นประธานในการรู้แจ้งสิ่งที่กำลังปรากฏเดี๋ยวนี้ แต่ก็มีเจตสิกสภาพรู้ที่เกิดพร้อมกันแต่ไม่ใช่จิต จำบ้าง รู้สึกบ้าง อะไรบ้างแต่ละหนึ่ง ทั้งวันก็มีจิต เจตสิก รูป ... ถูกไหม?!
นิมิต คือสิ่งหนึ่งสิ่งใดเพียงหนึ่งเดียวไม่ได้ปรากฏให้รู้ได้ แต่หลายๆ สิ่ง ... อย่างเห็นนี่กี่ขณะรวมเป็นเห็น เป็นนิมิตของเห็น ไม่ใช่เพียงหนึ่งขณะเพราะฉะนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดปรากฏด้วยความเป็นนิมิต ... นี่คือคำของพระพุทธเจ้า ... นี่คือพระปัญญาคุณของพระพุทธเจ้าทรงแสดงละเอียดยิบทุกขณะ
เราไม่ได้เชื่อตามๆ กันแต่ไตร่ตรองว่าจริง เห็นหนึ่งขณะไม่ใช่ได้ยิน จึงเข้าใจคำว่า อนิจจังไม่เที่ยง เกิดแล้วต้องดับ สิ่งที่จากไม่มีแล้วก็เกิดขึ้นมีแล้วก็ไม่มีเหมือนเดิมไปเรื่อยๆ จะมีประโยชน์อะไร สิ่งที่จะน่ายินดีพอใจเป็นสาระคือสภาพธรรมที่ไม่ใช่สุขแต่เป็นทุกข์ เพราะฉะนั้น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา : สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นสิ่งนั้นดับไปเป็นธรรมดา นี่คือปัญญาที่เกิดจากการตรัสรู้ของผู้ที่ฟังความจริงและอบรมเจริญปัญญาจนกระทั่งสามารถรู้ความจริงได้ จึงเป็น อริยสัจจธรรม
นี่คือชีวิตทุกวันของทุกคนทุกชีวิต นกหนู ปู ปลา สิ่งที่มีชีวิตเกิดขึ้นต้องเห็นต้องได้ยิน แล้วก็จำ แล้วก็สนุกสนานเพลิดเพลินแล้วก็ทุกข์ไป แล้วก็จากโลกนี้ไปไม่เหลือเลย ชาติก่อนทั้งชาติไม่เหลือเลย แต่สะสมอุปนิสัยความคุ้นเคยแต่ละอย่าง เมื่อชอบก็หามาบ่อยๆ ก็เป็นอุปนิสัย
เห็นไหมเรื่องราวของแต่ละคนทุกชีวิตเป็นนกเป็นไก่ก็เห็น ก็คิด ก็จำ ก็ชอบไม่ชอบ สุขทุกข์ไป แล้วก็จากโลกนี้ไปเหมือนไม่มี เหมือนไม่เคยเกิดมาเลย แล้วเกิดมาทำไม?? กว่าจะรู้ว่านี่แหละ ทุกขอริยสัจจะ เปลี่ยนไม่ได้เปลี่ยนให้ยั่งยืนไม่ได้ เปลี่ยนให้เป็นสุขไม่ให้เป็นทุกข์เลยไม่ได้ทุกอย่าง เริ่มรู้จักพระพุทธเจ้า สอนให้เราไม่ติด ไม่หลง ไม่โศกเศร้ามากมายกับทุกอย่างที่มันเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ไม่ใช่มันไม่คงที่อย่างเดียวนะแต่มันไม่มีอีกต่อไป ในสังสารวัฏเกิดขึ้นครั้งเดียวแล้วไม่เกิดอีก ... ฟังแล้วก็ต้องรู้ว่าจริงไหม ... เท่านั้นแหละ!!! จริงคือเริ่มรู้ความจริงและไม่ใช่เราที่รู้ ... ปัญญาความเห็นที่ถูกต้องเกิดขึ้น ... แค่เข้าใจอย่างนี้ก็มากกว่าคนอื่นที่เขาไม่เคยฟังเลย
สมควรรู้ไหม ... เป็นประโยชน์ไหม?? ดีกว่าไม่รู้ใช่ไหม?? ความจริงต้องเป็นความจริงแล้วแต่ว่าจะเข้าใจความลึกซึ้งของความจริงได้แค่ไหน!!!
ทุกคนฟังธรรมะเพื่อเอาไปใช้ อยากได้เหลือเกินจะได้เอาไปใช้ มีประโยชน์เหลือเกินจะได้เอาไปใช้ ... ผิดหมด!! กว่าจะรู้ว่าผิด เอาไปได้ยังไงมันดับแล้ว!! ... ผิดก็ไม่รู้ว่าผิด กว่าจะไม่พูดอย่างนี้ที่จะเอาไปใช้ ... อีกนานไหม?!
ให้รู้เลยว่าไม่ได้เข้าใจธรรมะหรอก ... ไม่รู้จักธรรมะ เพราะฉะนั้นรู้ความจริงประเสริฐสุด เพราะเปลี่ยนความจริงไม่ได้ ทุกคนต้องตายแต่หารู้ไม่ว่าเดี๋ยวนี้ก็ตาย ... จริงหรือเปล่า ... เมื่อกี้นี้อยู่ไหน?? ... ตายแล้ว ... เห็นก็ตายแล้วได้ยินก็ตายแล้ว หมดแล้วไม่เกิดอีกเลย จะไม่ว่าตายได้ยังไง?? เพราะฉะนั้นในพระไตรปิฎกมีคำว่า " ขณิกมรณะ " ตายทุกขณะเพราะไม่กลับมาอีกในสังสารวัฏ
ฟังพระพุทธเจ้าเพราะรู้ว่าเป็นพระพุทธเจ้าแน่ เพราะถ้าไม่ฟังจะไม่รู้อย่างนี้เลย
ณ กาลครั้งหนึ่ง “สนทนาธรรมบ้าน ซ.พัฒนเวศม์"
อังคาร 10 มิถุนายน 2568
- ท่านอาจารย์เบื่อหนูหรือยัง? อยากทั้งนั้นแหละ!! ความเป็นผู้ตรงคืออย่างไร?
- ความไม่รู้มีจริงไหม? [มหาอวิชชาในพระไตรปิฏก] _สนทนาธรรมไทย-ฮินดี วันเสาร์ที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๖๘
- ศึกษาพระไตรปิฎกสำหรับผู้เริ่มต้นจากศูนย์
- สิ่งหนึ่งซึ่งทุกคนจะหลงทางจากพระศาสนา คือ คำนึงถึงตัวเอง แล้วเป็นผู้ที่ติดในลาภ ยศ สรรเสริญ สักการะ


