ความรู้สึกเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนยึดถือ

 
nattawan
วันที่  14 มิ.ย. 2568
หมายเลข  50176
อ่าน  273

เพราะฉะนั้น การที่รู้ความละเอียดของเวทนา จะเกื้อกูลให้สติเริ่มระลึกรู้ลักษณะของเวทนาบ้าง ถ้าไม่กล่าวถึงเวทนาเลย ก็ย่อมจะผ่านไป ไม่ได้ระลึกว่า ในวันหนึ่งๆ ก็มีแต่เวทนา เช่นเดียวกับในวันหนึ่งๆ ก็มีสภาพที่ปรากฏทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ เพราะจิตเกิดขึ้นรู้สภาพธรรมนั้นๆ

ลองคิดดูว่า ถ้าเพียงเห็นแล้วไม่รู้สึกอะไร ก็คงไม่เดือดร้อน ถ้าได้ยินแล้วไม่รู้สึกอะไร ก็ไม่เดือดร้อนอีกเหมือนกัน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัสก็ไม่เดือดร้อนเลย ซึ่งถ้าเป็นอย่างนี้ก็คงจะไม่มีบาปอกุศลธรรมใดๆ ทั้งสิ้น แต่เวลาที่มีความรู้สึกเกิดขึ้น ดีใจ จึงติดอย่างมาก และปรารถนาที่จะได้สิ่งที่ทำให้ดีใจนั้นบ่อยๆ เนืองๆ เพราะฉะนั้น จึงทำให้อกุศลธรรมทั้งหลายเกิดขึ้นบ่อยๆ เนืองๆ

ประโยชน์ของการศึกษาธรรม เพื่อที่จะเกื้อกูลให้สติระลึกรู้ลักษณะของ สภาพธรรมที่กำลังปรากฏ ไม่ว่าจะศึกษาธรรมข้อใดที่เป็นความละเอียดยิ่งขึ้น จุดประสงค์ก็เพื่อที่จะให้สติระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมตามที่ได้ศึกษา เช่น ความรู้สึก เป็นสภาพที่มีจริง ไม่มีใครสามารถที่จะยับยั้งไม่ให้ความรู้สึกเกิดขึ้น แม้แต่ในขณะนี้ ไม่ว่าจิตเกิดขึ้นขณะใด ก็จะต้องมีสภาพที่รู้สึกในอารมณ์ที่จิตกำลังรู้ในขณะนั้น ซึ่งในขณะนี้ความรู้สึกย่อมจะเป็นอย่างหนึ่งอย่างใด คือ เป็นความรู้สึกเฉยๆ หรือว่าความรู้สึกที่เป็นสุข ความรู้สึกที่เป็นทุกข์ ความรู้สึกดีใจ ความรู้สึกเสียใจ ไม่ใช่เพียงเพื่อจะให้รู้จำนวน หรือว่ารู้เพียงชื่อ แต่เพื่อให้รู้ลักษณะของความรู้สึกที่กำลังมี ซึ่งถ้าสติไม่เกิด ไม่ระลึกรู้ลักษณะของความรู้สึกที่กำลังมีในขณะนี้ แม้ความรู้สึกนั้นมีจริง เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป แต่เมื่อปัญญาไม่สามารถที่จะรู้ลักษณะของความรู้สึกได้ ก็ย่อมจะยึดถือความรู้สึกว่า เป็นเรา ที่เป็นสุข หรือเป็นทุกข์ หรือดีใจ หรือเสียใจ หรือเฉยๆ

เพราะฉะนั้น ตราบใดที่สติยังไม่ระลึกรู้ลักษณะของความรู้สึก ย่อมไม่มีทางที่จะละการยึดถือสภาพธรรมว่า เป็นสัตว์ เป็นบุคคล เป็นตัวตน เพราะทุกคนยึดมั่นในความรู้สึก ความรู้สึกนี้เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต เพราะว่าทุกคนต้องการความรู้สึกที่เป็นสุข ไม่มีใครต้องการความรู้สึกที่เป็นทุกข์ เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะมีทางใดที่จะให้เกิดสุขเวทนาหรือโสมนัสเวทนา ก็ย่อมจะพยายามขวนขวายให้เกิดความรู้สึกนั้นโดยที่ไม่รู้ว่าขณะนั้นเป็นการติด เป็นความพอใจ เป็นความยึดมั่นในความรู้สึกซึ่งเพียงเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัยแล้วก็ดับไป

ในเมื่อ ความรู้สึกเป็นสิ่งที่สำคัญที่ทุกคนยึดถือ เพราะฉะนั้น พระผู้มีพระภาคจึงทรงแสดงเวทนาเจตสิกเป็นเวทนาขันธ์ ซึ่งเป็นสภาพธรรมที่ยึดถือว่าเป็นตัวตน เป็นสัตว์ เป็นบุคคลประการสำคัญประการหนึ่ง มิฉะนั้นแล้ว คงจะไม่แยก เวทนาเจตสิก เป็นเวทนาขันธ์

แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ 1007


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
chatchai.k
วันที่ 14 มิ.ย. 2568

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ