ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๗๑๘

 
khampan.a
วันที่  25 พ.ค. 2568
หมายเลข  50024
อ่าน  2,245

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น



ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษา และพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๗๑๘




~ ถ้าไม่มีคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะเข้าใจถูกต้องได้อย่างไร เพราะฉะนั้น ยิ่งศึกษายิ่งรู้ความละเอียดว่าต้องศึกษาพระธรรมด้วยความเคารพอย่างยิ่ง มิฉะนั้น ถ้าเข้าใจเองก็ผิดหมด จะทำให้พระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าลบเลือนด้วยความเข้าใจผิด ด้วยเหตุนั้น จึงต้องศึกษาทีละคำ

~ การเกิดเป็นมนุษย์ ชีวิต จะสั้น จะยาวแค่ไหน ไม่มีใครรู้ได้ แต่เมื่อมีโอกาสได้ฟัง สะสมไปแล้ว ก็เป็นโอกาสที่จะทำให้เมื่อเกิดต่อไปข้างหน้า ชาติไหนชาติหนึ่งหรือชาติหน้า ก็อาจจะมีปัจจัยที่ทำให้ได้ยินได้ฟังอีก ที่จะสะสมต่อไปอีก

~ การปรุงแต่งของความไม่รู้ ทำให้เกิดสภาพธรรมที่ไม่ใช่บุญ โกหก ลักทรัพย์ บุญหรือเปล่า? ทุกอย่างที่เป็นความประพฤติทางกาย ทางวาจาที่ผิด เพราะไม่รู้ว่าสิ่งนั้นเป็นโทษ ถ้ารู้ว่าเป็นโทษเป็นภัยนำผลที่ไม่ดีมาให้ จะทำไหม?

~ ทานอีกประการหนึ่ง ซึ่งควรจะพิจารณาสำหรับผู้ที่จะเจริญบารมี คือ อภัยทาน ถ้าไม่คิดว่าเป็นบารมี บางท่านไม่อภัย แต่เมื่อคิดว่าถ้าไม่อภัยแล้ว จะสามารถบรรลุมรรคผลนิพพานดับกิเลสได้อย่างไร ถ้าคิดอย่างนี้ก็จะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้สามารถมีอภัยทานได้ซึ่งเป็นทานที่สูงกว่าทานขั้นอื่นๆ เพราะว่าเป็นการขัดเกลากิเลสในเรื่องของโทสะ

~ ความเพียร ควรจะเป็นความเพียรในกุศลจริงๆ ไม่ใช่เพียรในอกุศล เพราะว่าขณะใดที่อกุศลจิตเกิด วิริยเจตสิกก็เกิด แต่เป็นไปในอกุศล แต่ขณะใดที่กุศลจิตเกิด วิริยเจตสิกก็เกิดด้วย แต่ว่ากระทำกิจของกุศล ไม่ใช่กระทำกิจของอกุศล เพราะฉะนั้น ที่จะเป็นวิริยบารมี ก็คือ เพียรในกุศล

~ ถ้าท่านเป็นผู้ที่สามารถจะอดทนได้กับทั้งสิ่งที่น่าชังและทั้งสิ่งที่น่ารัก จิตใจของท่านจะสม่ำเสมอ ไม่หวั่นไหว สติสามารถที่จะระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมใดๆ ก็ได้ที่กำลังปรากฏ แม้ว่าจะเป็นสิ่งซึ่งน่าชังสักเพียงไร เมื่อสติเกิดระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่ปรากฏตามความเป็นจริง ท่านทนได้กับทุกบุคคล ทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ใดๆ ทั้งสิ้น

~ ความอดทน พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์ทรงสรรเสริญ เป็นพระโอวาทที่ทรงแสดงไว้ในพระโอวาทปาติโมกข์ ความอดทนต้องมีมากเหลือเกิน ถ้าท่านเห็นคนฆ่างู ท่านไม่พอใจใช่ไหม ท่านอาจจะบอกว่าท่านสงสารงู รู้สึกว่าท่านมีกุศลจิตที่สงสารงู แต่คนฆ่างู ท่านเกิดปฏิฆะ ความไม่พอใจ ขันติอยู่ที่ไหนในขณะนั้น อดทนหรือเปล่าที่จะไม่เกิดโทสะ ไม่เกิดปฏิฆะในบุคคลผู้ฆ่างูด้วย

~
อาหารไม่อร่อย เคยเดือดร้อนวุ่นวาย แต่เวลาที่ระลึกถึงสภาพของจิตขณะนั้นว่าเป็นอกุศล ท่านก็คงจะรู้สึกพอกับอาหารที่มีเฉพาะหน้าในขณะนั้นได้ และไม่แสวงหาด้วยความเดือดร้อน เพราะฉะนั้น การอบรมเจริญสติปัฏฐาน (ระลึกรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง) เกื้อกูลกุศลทุกประการ

~
ขณะที่โกรธ จะนึกได้ไหมว่าจริงใจที่จะขัดเกลา ไม่ใช่เพียงแต่บอกว่าจะขัดเกลา แต่ไม่อภัยคนนั้นคนนี้ หรือยังพอใจที่จะคิดถึงความไม่ดีของคนอื่น ด้วยความขุ่นเคืองใจ

~
ความโกรธไม่มีประโยชน์กับใครเลย การรังเกียจในกายวาจาของบุคคลอื่นก็ไม่มีประโยชน์ ถ้าสติไม่เกิดอย่างละเอียดก็จะไม่เห็นว่ากายวาจาของบุคคลอื่นซึ่งทำให้เกิดความไม่พอใจขึ้นนั้น ไม่ใช่เหตุอันแท้จริงที่จะทำให้อกุศลจิตเกิด แต่เหตุอันแท้จริง คือ การสะสมอกุศลของตนเองและไม่เห็นโทษของอกุศล ไม่จริงใจที่จะประพฤติปฏิบัติตาม ถ้าจริงใจที่จะประพฤติปฏิบัติตาม สละความโกรธทันทีได้และเมตตาก็เกิดได้ทันที

~
เมื่อปัญญาเกิดขึ้นย่อมรู้ทั่วซึ่งสภาพธรรมทั้งหลายที่เป็นกุศลและอกุศล ไม่ต้องถามใครเลยว่าขณะนั้นเป็นกุศลหรือเป็นอกุศล เพราะขณะนั้นปัญญาสามารถรู้ได้และรู้ว่าเป็นธรรมที่ควรเสพหรือไม่ควรเสพ ถ้าเป็นอกุศล ปัญญารู้ เห็นโทษด้วย และรู้ด้วยว่าไม่ควรจะให้ธรรมนั้นเจริญขึ้น เพราะฉะนั้น เวลาที่อกุศลจิตเกิด ปัญญารู้ชัดและเห็นโทษ เวลาที่กุศลจิตเกิด ปัญญาก็รู้ชัดและเห็นประโยชน์

~
ในวันหนึ่งๆ ขาดขันติบารมีไม่ได้เลย ยังต้องมีขันติบารมี ในเหตุการณ์ต่างๆ อีก เช่น อดทนต่อคำติหรือคำชมจากบุคคลอื่นในการกระทำของเราเอง เพราะว่าแต่ละคนจะทำดีเสมอไปนั้นเป็นไปไม่ได้ บางครั้งก็ทำสิ่งที่ไม่ถูก ไม่ควร ไม่ดี เวลาที่มีบุคคลอื่นกล่าววิจารณ์หรือติชม ผู้นั้นต้องมีขันติที่จะอดทนต่อคำติหรือคำชมของคนอื่นซึ่งมีต่อตนและยังต้องอดทนต่อกรรมหรือการกระทำความชั่วของคนอื่นด้วย

~
บางคนไม่ได้พิจารณาเรื่องของความอดทน และไม่ได้สะสมความอดทน เพราะฉะนั้น จะเห็นอันตรายของคนที่ทนไม่ได้ เพราะคนนั้นจะทนไม่ได้แม้ความสุขของคนอื่น ไม่ใช่เรื่องของตัวเองเลย ตัวเองก็มีความสุข ไม่มีความเดือดร้อน แต่ผู้ที่ไม่อดทนและมีความไม่อดทนอย่างมากที่เคยสะสมมาแล้ว จะทำให้เป็นผู้ที่ทนไม่ได้ แม้ในความสุขของคนอื่น

~
ใครก็ตามที่มีอกุศลและไม่เห็นโทษของอกุศลนั้นแม้เพียงเล็กน้อย
จะเห็นได้ว่าความดีที่จะทำเพื่อละอกุศลในขณะนั้น ยังทำไม่ได้ เพราะฉะนั้น การรู้แจ้งอริยสัจจธรรมก็ต้องยากยิ่งกว่านั้น ถ้าเข้าใจอย่างนี้ จะรีบทำความดีไหม จะรีบละอกุศลในขณะนั้นที่กำลังเกิดไหม

*** ~
คนที่อยู่ในโลกนี้ ขณะนี้เข้าใจว่ามีปัญหามาก ปัญหาในเรื่องของความเป็นอยู่ ปัญหาในเรื่องของเศรษฐกิจ ความทุกข์ยาก ปัญหาเรื่องความเจ็บไข้ได้ป่วยของร่างกาย ปัญหาชีวิตในครอบครัว เข้าใจว่ามีปัญหามากแล้ว แต่ให้ทราบว่าถ้าเกิดในอบายจะต้องได้รับภัย ความเจ็บ ความปวด ความทรมานมากกว่าโลกนี้มากทีเดียว***


*** ~ ภิกษุไม่ใช่คฤหัสถ์
ความต่างกันมีมาก เพราะเงินนี่แหละ เพราะทองนี่แหละ เพราะรับและเพราะยินดีนี่แหละ จึงได้เกิดการทุจริตต่างๆ มากมาย ทุจริตที่นี่ คือ ความประพฤติที่ไม่เหมาะสม ไม่เป็นการขัดเกลากิเลสในเพศบรรพชิต***

~ การเริ่มเห็นประโยชน์ของการได้เข้าใจความจริงในสังสารวัฏฏ์ จะทำให้มีความอดทนและรู้ว่าธรรมลึกซึ้ง เพราะฉะนั้น ปัญญาที่รู้ความลึกซึ้งของธรรมจะทำให้มีบารมีที่จะอดทนและทำความดีเพิ่มขึ้นจนสามารถที่จะเข้าใจความจริงในขณะนี้ได้

~ สิ่งที่เพียงปรากฏให้เห็นว่ามีแล้วก็หมดไป ไม่เหลืออีกเลย ควรติดข้องในสิ่งนั้นไหม? ต้องจากโลกนี้ไป ไม่มีอะไรติดตามไปสักอย่าง ร่างกายที่เข้าใจว่าเป็นของเราก็ติดตามไปไม่ได้ แล้วนี่หรือจะเป็นของเรา เพราะความจริง "ไม่มีเรา" แต่มีสิ่งที่มีจริงๆ ซึ่งมีปัจจัยปรุงแต่งให้เกิดขึ้นแล้วก็หมดไปๆ

~ สิ่งที่ไม่ดีทั้งหมดมาจากความไม่รู้ เพราะไม่รู้ว่าความไม่ดีทั้งหลายทำให้เกิดความประพฤติที่ไม่ดีมากมายเพียงใด จึงทำอกุศลกรรม เพราะไม่เห็นโทษ อกุศลทั้งหลายมาจากความไม่รู้จริงๆ



ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๗๑๗



... กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ที่เคารพยิ่ง
และยินดีในกุศลของทุกๆ ท่านครับ ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
chatchai.k
วันที่ 25 พ.ค. 2568

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
เจียมจิต สุขอินทร์
วันที่ 25 พ.ค. 2568

*** ~ คนที่อยู่ในโลกนี้ ขณะนี้เข้าใจว่ามีปัญหามาก ปัญหาในเรื่องของความเป็นอยู่ ปัญหาในเรื่องของเศรษฐกิจ ความทุกข์ยาก ปัญหาเรื่องความเจ็บไข้ได้ป่วยของร่างกาย ปัญหาชีวิตในครอบครัว เข้าใจว่ามีปัญหามากแล้ว แต่ให้ทราบว่าถ้าเกิดในอบายจะต้องได้รับภัย ความเจ็บ ความปวด ความทรมานมากกว่าโลกนี้มากทีเดียว***

ไพเราะ และเตือนสติได้ดีค่ะ

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
swanjariya
วันที่ 25 พ.ค. 2568

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
Jans
วันที่ 25 พ.ค. 2568

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
jaturong
วันที่ 26 พ.ค. 2568

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
nattawan
วันที่ 26 พ.ค. 2568

ใครก็ตามที่มีอกุศลและไม่เห็นโทษของอกุศลนั้นแม้เพียงเล็กน้อย
จะเห็นได้ว่าความดีที่จะทำเพื่อละอกุศลในขณะนั้น ยังทำไม่ได้ เพราะฉะนั้น การรู้แจ้งอริยสัจจธรรมก็ต้องยากยิ่งกว่านั้น ถ้าเข้าใจอย่างนี้ จะรีบทำความดีไหม จะรีบละอกุศลในขณะนั้นที่กำลังเกิดไหม

ยินดีในกุศลวิริยะค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
มังกรทอง
วันที่ 3 ต.ค. 2568

ธรรมมีมานัสพร้อม รับฟัง อันเกิดกุศลดัง ธาตุรู้ จิตเจตสิกเป็นพลัง เสริมส่ง หนุนแฮ กราบอาจารย์สุจินต์ผู้ เปี่ยมด้วยเมตตา

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ