ทรงแสดงลักษณะ อรรถะ ที่มีของแต่ละธรรม

 
เมตตา
วันที่  25 พ.ค. 2568
หมายเลข  50018
อ่าน  361

[เล่มที่ 68] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑ - หน้า 10-12

อรรถกถาปฏิสัมภิทามรรค

ชื่อสัทธรรมปกาสินี ในขุททกนิกาย

ข้าพเจ้าขอนมัสการพระเถระองค์นั้น ผู้มีนามว่า สารีบุตร ผู้มุนีราชบุตร ผู้ยินดียิ่งในเสถียรคุณเป็นอเนก ผู้รุ่งเรืองด้วยแสงสว่างแห่งปัญญามีเกียรติงามฟุ้งขจรไป และมีจริยาวัตรสงบงาม.

วิศิษฐปาฐะคือพระบาลีอันใดอันพระสาวกผู้สัทธรรมเสนาบดีผู้ประกาศพระสัทธรรมจักรผู้เข้าถึงความแจ่มแจ้ง ในอรรถะตามความเป็นจริงในพระสูตรทั้งหลาย ที่พระตถาคตเจ้าได้ตรัสไว้แล้ว ผู้นำในการยังธรรมประทีปให้โชติช่วง กล่าววิศิษฐปาฐะนั้นไว้ โดยนามอันวิเศษว่า ปฏิสมฺภิทานํ มคฺโค แปลว่า แห่งปฏิสัมภิทาทั้งหลาย.

ปฏิสัมภิทามรรคนั้น เป็นปกรณ์อันละเมียดละมัยด้วยอรรถะและนยะต่างๆ อย่างวิจิตรอันบัณฑิตผู้มุ่งบำเพ็ญอัตตัตถะประโยชน์ตนและโลกัตถะประโยชน์แก่ชาวโลก มีปัญญาลึกซึ้งจะพึงหยั่งรู้ได้ในกาลทุกเมื่อ และสาธุชนทั้งหลายจะพึงซ่องเสพอยู่เป็นนิจ.

ข้าพเจ้าจะพรรณนาเนื้อความที่ไม่ซ้ำกันไปตามลำดับ ไม่ก้าวล่วงสุตตะและยุตติแห่งปฏิสัมภิทามรรคปกรณ์นั้น อันนำมาซึ่งประเภทแห่งญาณอันพระโยคาวจรทั้งหลายเป็นอเนกซ่องเสพแล้วโดยไม่เหลือ.

อนึ่งนั้นเล่าก็จะไม่ก้าวล่วงลัทธิของตนและจะไม่ก้าวก่ายลัทธิของผู้อื่น แต่จะรวบรวมเอาอุปเทสและนยะแห่งอรรถกถาแต่ปางก่อนมาแสดงตามสมควร.

ข้าพเจ้าจะกล่าวอรรถกถาชื่อสัทธรรมปกาสินีนั้นโดยเคารพ เพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่ชุมชนเพื่อความดำรงมั่นแห่งพระสัทธรรมตลอดกาลนาน ขอสาธุชนสัตบุรุษจงตั้งใจสดับทรงจำไว้เถิด.

ความที่ปฏิสัมภิทามรรคเป็นมรรคาแห่งปฏิสัมภิทา ข้าพเจ้าต้องกล่าวก่อน เพราะได้กล่าวไว้แล้วในคันถารัมภกถาว่า ปฏิสมฺภิทานํ มคฺโคติ ตนฺนามวิเสสิโต จ แปลว่า ซึ่งวิศิษฐปาฐะนั้น โดยนามอันวิเศษว่า ปฏิสัมภิทามรรค.

ก็ปฏิสัมภิทามี ๔ คือ

๑. อรรถปฏิสัมภิทา ปัญญาแตกฉานในอรรถ,

๒. ธรรมปฏิสัมภิทา ปัญญาแตกฉานในธรรม,

๓. นิรุตติปฏิสัมภิทา ปัญญาแตกฉานในนิรุตติ,

๔. ปฏิภาณปฏิสัมภิทา ปัญญาแตกฉานในปฏิภาณ.

ทางคืออุบายเป็นเครื่องบรรลุปฏิสัมภิทาเหล่านั้น ฉะนั้นจึงชื่อว่า ปฏิสัมภิทามรรค, มีคำอธิบายท่านกล่าวไว้ว่า เป็นเหตุแห่งการได้เฉพาะซึ่งปฏิสัมภิทา.


อ.อรรณพ: เรียน อ.คำปั่น ว่า ช่วยอธิบาย คำว่า ปฏิสัมภิทา แล้วก็เอาปฏิสัมภิทาที่ ๑ เท่านั้นพอว่า อรรถปฏิสัมภิทา คืออะไร? และท่านอาจารย์กล่าวว่า ถ้าไม่เข้าใจความเป็น สังขารธรรม จะไม่มีทางถึงการที่จะเข้าใจ ไม่ถึงที่จะเป็น อรรถปฏิสัมภิทา ได้ ก็เลยขอ อ.คำปั่น ๒ คำนะครับ ก็คือ ปฏิสัมภิทา และก็ อรรถสัมภิทาซึ่งเป็นปฏิสัมภิทาแรก แล้วก็ สังขารธรรม เป็นพื้นฐานความเข้าใจภาษาบาลี ซึ่งเป็นภาษาธรรมก่อน แล้วเดี๋ยวจะกราบเท้าสนทนากับท่านอาจารย์ต่อ เชิญครับ

อ.คำปั่น: ซาบซึ้งอย่างยิ่งในความเกื้อกูลของท่านอาจารย์ซึ่งคำว่า ปฏิสัมภิทา ก็ขอโอกาสแยกศัพท์ก่อนครับ มาจากคำว่า ปฏิ ที่แปลว่า เฉพาะ สํ แปลว่า ด้วยดี ครับ แล้วก็ ภิทะ ซึ่งก็คือ วิทะ นั่นเอง หมายถึง ปัญญาเป็นเครื่องแตกฉาน จึงรวมกันเป็นปฏิสัมภิทา ซึ่งแปลโดยศัพท์ ก็คือ ปัญญาเครื่องแตกฉานเฉพาะทางนั้นๆ ครับ นี่คือคำแปล ก็ตรงมากเลยครับ ปัญญาเครื่องแตกฉานเฉพาะทางนั้นๆ ครับ แล้วก็ปฏิสัมภิทาแรกที่ อ.อรรณพ ได้กล่าวถึงนะครับ ก็คือ อรรถปฏิสัมภิทา ปัญญาเครื่องแตกฉานใน อรรถะ ก็คือในผล ครับ อันนี้คือความหมายหนึ่งครับ และก็ใน ลักษณะของความเป็นจริงของธรรม ด้วย เพราะ อรรถะ ก็คือลักษณะของสภาพธรรม ซึ่งก็ละเอียดมากเลยครับ

แล้วก็อีกคำหนึ่ง คือ สังขารธรรม สิ่งที่มีจริงที่เกิดขึ้นเพราะอาศัยปัจจัยปรุงแต่ง นี่คือสังขารธรรม ธรรมคือสิ่งที่มีจริง สังขาร ก็คือเกิดขึ้นเพราะอาศัยปัจจัยปรุงแต่งครับ จึงรวมกันเป็นสังขารธรรม ซึ่งก็แปลได้ว่า สิ่งที่มีจริงที่เกิดขึ้นเพราะอาศัยปัจจัยปรุงแต่งครับ อ.อรรณพครับ นี่ก็คือ คำแปลจากแต่ละคำทั้ง ปฏิสัมภิทา อรรถปฏิสัมภิทา และก็สังขารธรรมครับ ก็จะได้ฟังความละเอียด เกื้อกูลจากท่านอาจารย์ครับ

อ.อรรณพ: กราบท่านอาจารย์ครับ แม้คำว่า อรรถปฏิสัมภิทา ปัญญาเครื่องแตกฉานในผล โดยคำแปลครับ แล้วท่านอาจารย์ก็กล่าวครับว่า ถ้าไม่เข้าใจสังขารธรรม ก็ไม่มีทางที่จะมี หรือถึงอรรถปฏิสัมภิทา ได้ กราบเท้าท่านอาจารย์ได้ขยายความตรงนี้ครับ ที่จะเป็นประโยชน์ในการไตร่ตรองของพวกเรา

ท่านอาจารย์: ทั้งหมดเป็นเพียงคำพูด หรือว่าเป็นธรรมที่มีจริง เห็นไหม?

อ.อรรณพ: ต้องเป็นธรรมที่มีจริงครับ

ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น เดี๋ยวนี้ธรรมก็กำลังมีจริง แต่ว่ากว่าจะเข้าใจจริงๆ ในความเป็นจริงๆ ยากมาก เพราะเหตุว่า ไม่เคยได้ฟังความจริงของสิ่งที่มีจริงๆ มาก่อนเลย

เพราะฉะนั้น การที่รู้ว่า สิ่งที่มีจริงต้องมีลักษณะ อรรถะ ของธรรม นั้น ไม่ใช่ไม่มีอะไร อย่าง เห็น นี่มีจริงใช่ไหม?

อ.อรรณพ: ใช่ครับ

ท่านอาจารย์: ทุกคนกล่าวว่า เป็นธรรม แต่อรรถะ ลักษณะ ที่เป็นจริงของเห็นคืออะไร? กว่าจะถึงการประจักษ์แจ้ง ไม่ใช่เพียงแค่ว่า เห็นมีจริง แต่ลักษณะ อรรถะ ที่เป็น เห็น นั้นคืออะไร?

อ.อรรณพ: ลักษณะ อรรถะ ที่เป็น เห็น นั้นคืออะไร ก็คือรู้แจ้งสิ่งที่กระทบตาครับ

ท่านอาจารย์: ถ้าสิ่งนั้นไม่มี ไม่เกิดขึ้น เราจะรู้ไหม?

อ.อรรณพ: ไม่รู้ครับ

ท่านอาจารย์: แต่เมื่อเกิดแล้ว รู้ไหม?

อ.อรรณพ: ก็ยังไม่รู้ เพราะว่าความเข้าใจยังไม่ถึงขั้นนั้น

ท่านอาจารย์: คิดเองได้ไหม?

อ.อรรณพ: คิดเองไม่มีทางได้ครับ

ท่านอาจารย์: แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ และทรงแสดงลักษณะที่มีของแต่ละธรรมต่างๆ กันหลากหลายมาก

อ.อรรณพ: ครับ ที่ท่านอาจารย์กล่าวเป็นคำที่ยากที่จะได้ยินที่สุดเลยครับ

ท่านอาจารย์: ถ้าไม่มีอะไรปรากฏเลย ไม่มีอะไรปรุงแต่งให้เกิดขึ้นปรากฏ จะไปรู้อะไรได้ไหม?

อ.อรรณพ: ไม่ได้ครับ ถ้าไม่มีอะไรเกิดปรากฏ แล้วสิ่งนั้นสิ่งที่เกิดปรากฏนั้น ก็จะต้องเป็นสิ่งที่เกิดแล้วก็ปรากฏลักษณะนะครับ อรรถะ นี่ให้รู้จริงๆ ครับ อันนี้ก็ไตร่ตรองตามที่ท่านอาจารย์กล่าวครับ

ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น อรรถะ ไม่ใช่เพียงคำ แต่ว่า ต้องหมายความถึงลักษณะแท้ๆ ของสิ่งนั้น เป็นอรรถะของสิ่งนั้น

อ.อรรณพ: กราบท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้น ธรรมที่เกิดขึ้นก็ต้องมี อรรถะ ทั้งนั้นใช่ไหมครับ

ท่านอาจารย์: แน่นอน ไม่เช่นนั้น จะรู้ได้อย่างไรว่า เป็นธรรม

อ.อรรณพ: ครับ

ท่านอาจารย์: ลักษณะนั้นมีจริง ปรากฏจริงๆ ต่างกันจริงๆ ความเป็นที่ต่างกัน เราใช้คำว่า อรรถะ หมายความถึงลักษณะของแต่ละหนึ่งต่างกัน

อ.อรรณพ: ลักษณะของแต่ละหนึ่งที่ต่างกัน

ท่านอาจารย์: ไม่ใช่เพียงชื่อ ไม่ใช่เพียงคำว่า เห็น เป็นธาตุรู้

อ.อรรณพ: ครับ

ท่านอาจารย์: นี่แค่ คำ แต่ อรรถะ ความเป็นเห็น ก็คือเกิดขึ้นเห็น

อ.อรรณพ: เห็น เกิดขึ้นเห็น ถ้าไม่มีเห็น ก็ไม่มีสิ่งที่ปรากฏให้เห็น ท่านอาจารย์กล่าวไว้ที่เขมร

ท่านอาจารย์: และ ถ้าไม่มีอะไรเกิดเลย จะมีสิ่งนั้นไหม?

อ.อรรณพ: ไม่มีครับ

ท่านอาจารย์: ด้วยเหตุนี้ จึงต้องมีสิ่งที่ทำให้เกิดขึ้นเป็น สังขารธรรม

อ.อรรณพ: ก็เข้าใจ เพราะฉะนั้น ท่านอาจารย์จึงอนุเคราะห์ให้คิดว่า ถ้าไม่เข้าใจสังขารธรรม ก็ไม่มีทางที่จะถึง ...

ท่านอาจารย์: ที่กล่าวว่า ถ้าไม่เข้าใจสังขารธรรม ไม่ใช่เป็นคำให้จำ แต่ถ้าไม่เข้าใจสังขารธรรม คือเห็น จะรอบรู้ในเห็นไหมว่า เห็นเพียงแต่เป็นธรรมที่เป็นธาตุรู้เกิดขึ้นเห็นแล้วดับ

อ.อรรณพ: แค่นี้ก็เป็นประโยชน์ยิ่งนะครับ จากการที่ได้ยินคำว่า ปฏิสัมภิทา ก็อยากจะรู้ว่า คืออะไร แปลว่าอะไร แล้วมีกี่ข้อ ๑ ๒ ๓ ๔ แล้วเราก็คิดไปว่า ปุถุชนจะมีไหม อะไรต่ออะไรไป พอฟังคำในพระไตรปิฎก อรรถกถา ก็ชัดเจน เฉพาะของพระอริยะอะไรใช่ไหม แล้วเราก็นึกว่าเราพอใจแล้วไปเจอข้อความ แต่จริงๆ ซาบซึ้งมากครับ อรรถะ สิ่งที่ อรรถะ ก็คือลักษณะ สภาวะ คือของธรรมแต่ละหนึ่งที่เขามีลักษณะ มีอรรถะอย่างนั้นๆ ครับ

ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น แต่ละคำ อรรถะต่างกัน เพราะลักษณะต่างกัน

อ.อรรณพ: ครับ เพราะฉะนั้น อรรถะที่แปลว่า เนื้อความของในแต่ละคำๆ ก็เพราะว่ามีสภาพธรรมอย่างนั้นๆ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงทรงแสดงด้วยพยัญชนะที่ ...

ท่านอาจารย์: ความหมายต่างกันเพราะสภาพธรรมต่างกัน

อ.อรรณพ: สภาพธรรมต่างกัน คำจึงต่างกัน เพราะฉะนั้น ที่ อ.คำปั่น กล่าวหลายครั้งนะครับ พยัญชนะกระทำอรรถะให้ปรากฏครับ ก็เป็น อรรถะ ที่จะต้องใช้พยัญชนะสื่อสารกัน เพื่อให้เข้าใจความหมาย อรรถะ คือความหมาย ตั้งแต่ความหมายของคำ แต่ความหมายของคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็เพราะว่ามี อรรถะ คือลักษณะของสภาพธรรมจริงๆ จึงมีอรรถะของคำที่แสดงถึงอรรถะของสภาพธรรมนั้น

กราบเท้าท่านอาจารย์ ให้เห็นเลยว่า การที่จะเข้าใจ อรรถะ ตั้งแต่เข้าใจเนื้อความของแต่ละคำ แต่คำนั้นเป็นคำจากการตรัสรู้ที่แสดงถึง อรรถะ ลักษณะ ของสภาพธรรมที่มีจริงๆ ครับ วันนี้ดีที่สุดเลยครับ ก็ขอกราบเท้าท่านอาจารย์ครับ

ขอเชิญคลิกอ่านได้ที่..

สอบสวนสังขารธรรมที่มีเดี๋ยวนี้ [มหาปเทสสูตร]

สังขารธรรมเป็นอย่างไร? [เวปุลปัพพตสูตร]

สังขารธรรม - วิสังขารธรรม

ขอเชิญคลิกฟังได้ที่..

พึงตรวจตราอรรถด้วยอรรถ พยัญชนะด้วยพยัญชนะ

ฟังด้วยความเคารพ

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่งค่ะ

กราบยินดีในกุศลจิตของ อ.อรรณพ ด้วยความเคารพค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
chatchai.k
วันที่ 26 พ.ค. 2568

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ