ขณะเมื่อกี้นี้และเดี๋ยวนี้เหมือนฝัน

 
nattawan
วันที่  21 เม.ย. 2568
หมายเลข  49803
อ่าน  124

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขณะเมื่อกี้นี้และเดี๋ยวนี้เหมือนฝัน

สุ. เมื่อฝันกำลังฝันเหมือนกับมีจริง แต่พอตื่นขึ้นมีอะไรบ้าง ฝันว่าได้เงินทอง พระพุทธรูป ดอกไม้ อาหารอร่อย พอตื่นขึ้นมีอะไรอยู่หรือเปล่า ไม่มี เพราะฉะนั้นขณะเมื่อกี้นี้ซึ่งเหมือนมีสาระเป็นแต่เพียงขณะที่เดี๋ยวนี้หมดไปแล้ว เพราะฉะนั้นถ้าเราคิดถึงขณะเดี๋ยวนี้กับเมื่อกี้นี้ ผู้ที่ได้ทรงตรัสรู้ก็ตรัสรู้ตามความเป็นจริงว่าขณะก่อนที่ดับไปก็เหมือนฝัน ไม่มีอะไรเหลือเลย แต่ขณะนี้มีสิ่งที่กำลังปรากฏ แล้วก็ดับไปหมดไม่กลับมาอีกเลยก็เหมือนฝันซึ่งเมื่อตื่นขึ้นก็ไม่มีอะไรเหลือ เพราะฉะนั้นตั้งแต่เกิดจนตายทุกชาติ เราอาจจะคิดว่าเรามีการสูญเสียบางวัน แต่ว่าความจริงไม่รู้ว่าสูญเสียสภาพธรรมที่เกิดปรากฏแล้วก็หมดไปทุกขณะ ไม่มีอะไรเหลือเลยจนกว่าจะถึงขณะสุดท้าย ก็จะรู้ความจริงว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เหมือนเป็นของเราก็คือสิ่งที่ไม่สามารถที่จะติดตามไปได้เหมือนฝัน

Photo cr. Amazing Places on Earth

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
nattawan
วันที่ 21 เม.ย. 2568

ไม่สละความเป็นเรา

จิตเป็นสภาพรู้ที่เป็นใหญ่ เป็นประธาน

ส่วนเจตสิกเป็นธาตุรู้ ที่เกิดกับจิต โลภะเป็นเจตสิกอย่างหนึ่ง ที่เป็นความติดข้อง ความไม่พอ ความไม่สละ โดยเฉพาะความไม่สละความเป็นเรา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
nattawan
วันที่ 21 เม.ย. 2568

ละความไม่รู้ด้วยความรู้

อวิชชาคือความไม่รู้ในสิ่งที่ปรากฏ
ขณะนี้ ซึ่งจะละอวิชชาได้ด้วยวิชชา คือ ปัญญาที่ความเข้าใจความจริง
เดี๋ยวนี้ ซึ่งจะมีปัญญาได้
ก็ต้องอาศัยพระธรรม
ที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
ทรงแสดงจากการที่ทรงตรัสรู้
สภาพธรรมตามความเป็นจริง

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
nattawan
วันที่ 21 เม.ย. 2568

จะไม่ให้ติดข้องได้ไหม

แม้จะมีความเข้าใจถูกขั้นการฟังธรรมว่า ความติดข้องเป็นธรรม ไม่ใช่เรา แต่เมื่อยังมีเหตุปัจจัยก็เกิดความติดข้องเป็นธรรมดา จึงเป็นเพียงการสะสมความรู้ให้ค่อยๆ เพิ่มขึ้นจนกว่าจะรู้ความจริงว่า ไม่ว่าจะสิ่งที่เป็นที่รักที่ผูกพันมากแค่ไหน ก็จากกันเท่านั้นเอง

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
nattawan
วันที่ 21 เม.ย. 2568

เพียรผิดหรือเพียรถูก

พระธรรมเป็นประโยชน์
เพื่อความเพียรที่ถูกต้อง ไม่ใช่เพื่อความเพียรผิด ปฏิบัติผิด
ซึ่งไม่ได้มีความเข้าใจอะไรเลย ดังนั้นจึงควรอนุเคราะห์กันให้มีความเข้าใจและความเพียรที่ถูกต้องด้วยพระธรรม

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
nattawan
วันที่ 21 เม.ย. 2568

เก็บกิเลสหรือเก็บปัญญา

จิตเป็นสภาพรู้ที่มีการสะสมทั้งสิ่งที่ดีและกิเลส แต่ส่วนใหญ่สะสมเก็บกิเลสไว้ในจิตมากกว่ามาก

จึงควรเจริญกุศลและปัญญา ซึ่งจะสะสมไว้ในจิต และเป็นไปเพื่อ
ละคลายดับกิเลสต่อไป

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
nattawan
วันที่ 21 เม.ย. 2568

ผู้ชนะวิบากคือ พระอรหันต์ เมื่อปรินิพพานแล้ว ไม่ต้องรับวิบากใดๆ อีกเลย

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
chatchai.k
วันที่ 21 เม.ย. 2568

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ