สนทนาธรรมที่เขมร เช้า 13/3/68

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ทั้งหมดที่มีจริงเป็นธรรมะ ธรรมะทั้งปวงเป็นอนัตตา ไม่ใช่ใคร ไม่ใช่อะไรทั้งสิ้น เกิดและดับเป็นอนัตตา เข้าใจอย่างนี้เป็นบารมี
ขณะใดที่ฟังธรรมะเข้าใจขณะนั้นเป็นบารมี
ปฏิบัติเป็นปัญญาที่ไม่ใช่ขั้นฟัง ปริยัติรอบรู้ขั้นฟังไม่ใช่ปฏิบัติ
อริยสัจธรรมสามรอบ ปริยัติเป็นรอบที่หนึ่ง ฟังแล้วเข้าใจว่าทุกคำของพระพุทธเจ้าเพื่อเข้าใจสิ่งที่มีจริงเดี๋ยวนี้ เห็นมีจริงเกิดและดับไม่เหลือเลยเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เพราะฉะนั้น เกิดทำไม เพราะเกิดและดับ ... เกิดไปดับไปไม่มีอะไรเหลือเลยมีประโยชน์ไหม? เป็นที่น่าพอใจหรือไม่น่าพอใจ?!
ปฏิบัติเป็นธรรมะไม่ใช่เรา เพราะฉะนั้น ต้องรู้ว่าอะไรปฏิบัติ ถ้าไม่ศึกษาให้เข้าใจว่าทุกอย่างที่มีจริงเป็นธรรมะ จะไม่รู้ว่าอะไรปฏิบัติ แต่พูดคำว่าปฏิบัติและคิดว่าเราต้องปฏิบัติ ... ลืมว่าเป็นธรรมะทั้งหมดไม่ใช่เรา
การฟังพระธรรมต้องละเอียดลึกซึ้งจึงมีวันนี้และวันต่อๆ ไป ทุกขณะที่ฟังและเข้าใจเป็นบารมี จนกว่าความเข้าใจเพิ่มขึ้นทุกขณะที่เข้าใจจนมั่นคงเป็นอธิษฐานบารมี ไม่คิดว่าเราปฏิบัติเพราะรู้ว่าอะไรปฏิบัติ!!!
อะไรปฏิบัติ?? ธรรมะอะไรปฏิบัติ?? สติรู้ขณะนี้ที่กำลังเกิดว่าเป็นอนัตตา ... ถ้ายังเป็นอัตตา ... อัตตาปฏิบัติไม่ได้เพราะฉะนั้น อัตตาไม่ใช่ปัญญา เพราะฉะนั้น คนที่ยังไม่รู้ความจริงมีอัตตาไหม?? เพราะฉะนั้น ต้องฟังธรรมะของพระพุทธเจ้า นั่นเป็นสัจจบารมีว่าฟังแล้วยังไม่รู้ความจริง ... ขณะนั้นไม่ใช่อริยสัจจธรรม เพราะฉะนั้น ธรรมะลึกซึ้ง ต้องรู้ก่อนว่าอะไรเป็นธรรมะจนทั่ว ได้ยินคำใดที่พระพุทธเจ้าตรัส ต้องเข้าใจคำนั้นอย่างตลอดแจ่มแจ้ง จึงเป็นอริยสัจจธรรมรอบแรกคือปริยัติ เพราะฉะนั้นฟังธรรมะสองสามคำไม่พอ ... ได้ยินคำว่าปัญญา ได้ยินคำว่าสติ ปัญญาคืออะไร ... สติคืออะไร?? ถ้ายังไม่เข้าใจปฏิบัติไม่ได้!!!
youtube.com/live/c-tYz_Q6vaQ?feature=share
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง