ไวพจน์ของตัณหา ตอนที่ 6 [สัทธัมมปัชโชติกา]

 
wittawat
วันที่  29 ม.ค. 2568
หมายเลข  49433
อ่าน  167

ไวพจน์ของตัณหา ตอนที่ 6 [สัทธัมมปัชโชติกา]
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขอกราบระลึกถึงคุณท่านพระอัครสาวกธรรมเสนาบดีสารีบุตรเถระ

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย มหานิทเทส เล่ม ๕ ภาค ๑ - หน้า 98
ชื่อว่า อาสา เพราะเป็นอาหารของอารมณ์ทั้งหลาย. อธิบายว่า เพราะท่วมทับด้วย. เพราะความพอใจไปบริโภคด้วย.
ชื่อว่า อาสิงสนา ด้วยสามารถแห่งความจำนง.
ภาวะความจำนง ชื่อ อาสิงสิตัตตะ .
บัดนี้ เพื่อจะแสดงฐานะที่เป็นไปของตัณหานั้น พระสารีบุตรเถระจึงกล่าวคำเป็นต้นว่า รูปาสา ดังนี้.
ในบทเหล่านั้น พึงถือเอาเนื้อความของอาสาว่า ความหวัง. แล้ว ทราบบททั้ง ๙ อย่างนี้ว่า ความหวังในรูป ชื่อว่า รูปาสา .
ละในบทนี้ ๕ บทแรกท่านกล่าวด้วยสามารถแห่งกามคุณ ๕. ที่ ๖ กล่าวด้วยสามารถแห่งความโลภในบริขาร.
บทที่ ๖ นั้นกล่าวสำหรับบรรพชิตเป็นพิเศษ. ๓ บทนอกนั้นกล่าวสำหรับคฤหัสถ์ ด้วยสามารถวัตถุอันไม่เป็นที่พอใจ
เพราะคฤหัสถ์ทั้งหลาย สิ่งซึ่งเป็นที่รักกว่าทรัพย์ บุตร ละชีวิตย่อมไม่มี
ชื่อว่า ชัปปา เพราะอรรถว่า ยังสัตว์ทั้งหลายให้ปรารถนาอย่าง นี้ว่า นี้ของเราๆ หรือว่าคนโน้นให้สิ่งนี้ๆ แก่เรา.
๒ บทต่อไปท่านขยาย ด้วยอุปสรรค. ข้อนั้นท่านกล่าวบท ชปฺปา อีกเพราะปรารภจะจำแนก ความโดยอาการอย่างอื่น.
อาการที่ปรารถนา ความเป็นไปแห่งความ ปรารถนา.
ภาวะที่จิตปรารถนา ชื่อว่า ชัปปิตัตตะ .


ขุทฺทกนิกายฏฺฐกถา มหานิทฺเทสวณฺณนา (สทฺธมฺมปชฺโชติกา) - หน้าที่ 55
อารมฺมณานํ อสนโต อาสา อชฺโฌตฺถรณโต เจว ติตฺตึ อนุคนฺตฺวาว ปริภุญฺชนโต (๖) จาติอตฺโถ ฯ
อาสีสนวเสน (๗) อาสีสนา ฯ
อาสีสิตภาโว (๘) อาสีสิตตฺตํฯ
อิทานิ ตสฺสา ปวตฺติฏฺฐานํ ทสฺเสตุํ รูปาสาติอาทิวุตฺตํฯ
ตตฺถ อาสีสนวเสน อาสาย อตฺถํ คเหตฺวารูเป อาสา รูปาสาติ (๙) เอวํ นวปิ ปทานิ เวทิตพฺพานิฯ
เอตฺถ จ ปุริมานิ ปญฺจ ปญฺจกามคุณวเสน (๑๐) วุตฺตานิ ปริกฺขารโลภวเสน ฉฏฺฐํฯ
ตํ วิเสสโต ปพฺพชิตานํ ตโต ปรานิ ตีณิ อติตฺติยวตฺถุวเสน คหฏฺฐานํฯ
น หิ เตสํ ธนปุตฺตชีวิเตหิ [๑๑] ปิยตรํ อตฺถิฯ
อิทํ มยฺหํ อิทํ มยฺหนฺติวา อสุเกน เม อิทํ ทินฺนํ อิทํ ทินฺนํนฺติ วา เอวํ สตฺเต ชปฺปาเปตีติชปฺปา ฯ
ปรโต เทฺว ปทานิ อุปสคฺเคน วฑฺฒิตานิ ตโต ปรํ อญฺเญนากาเรน วิภชิตุํ อารทฺธตฺตา ปุน ชปฺปาติ วุตฺตํฯ
ชปฺปนากาโร ชปฺปนายนาฯ
ชปฺปิตภาโว ชปฺปิตตฺตํฯ


< ๖. ม. ปริภุญฺชนโตว ฯ
# ๗. ม. อาสีสนวเสน อาสีสนา ฯ ๘. ม. อาสีสิตสฺส ภาโว อาสีสิตตฺตํฯ
# ๙. ม. รูปาสา ฯ ๑๐. ม. ปญิจ ปญิจกามคุณวเสน ฯ
# ๑๑. ม. เอตฺถนฺตเร อญิญนฺติ ทิสฺสติฯ >


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย มหานิทเทส เล่ม ๕ ภาค ๑ - หน้า 11
[๑๔] คำว่า ผู้นั้นเป็นผู้มีสติ ย่อมล่วงพ้นตัณหาอันชื่อว่า วิสัตติกานี้ ในโลกเสียได้ มีความว่า คำว่า ผู้นั้น คือผู้เว้นขาดกามทั้งหลาย.
ตัณหา เรียกว่า วิสัตติกา ได้แก่ ความกำหนัด, ... ,ความหวัง, ความจำนง, ความประสงค์, ความหวังในรูป, ความหวังในเสียง, ความหวังในกลิ่น, ความหวังในรส, ความหวังในโผฏฐัพพะ, ความหวังในลาภ, ความหวังในทรัพย์, ความหวังในบุตร, ความหวังในชีวิต, ความปรารถนา, ความให้สัตว์ปรารถนา, ความที่จิตปรารถนา, ความเหนี่ยวรั้ง, ความให้สัตว์เหนี่ยวรั้ง, ความที่จิตเหนี่ยวรั้ง, ...


สุตฺต ขุ. มหานิทฺเทโส - หน้าที่ 9
[๑๔] โสมํ วิสตฺติกํ โลเก สโต สมติวตฺตตีติ โสติ โย
กาเม ปริวชฺเชติ ฯ วิสตฺติกา วุจฺจติ ตณฺหา โย ราโค ... อาสา อาสึสนา
อาสึสิตตฺตํ รูปาสา สทฺทาสา คนฺธาสา รสาสา โผฏฺฐพฺพาสา
ลาภาสา ธนาสา ปุตฺตาสา ชีวิตาสา ชปฺปา ปชปฺปา อภิชปฺปา
ชปฺปา ๔ ชปฺปนา ชปฺปิตตฺตํ
< ๔ ม. ยุ. #อยํ ปาโฐ นตฺถิฯ>


[สรุป ตัณหา ตอนที่ 5]
ไวพจน์ของตัณหา ตอนที่ 5 (12 วรรคต่อมา)
ตัณหา หรือ โลภเจตสิก ท่านแสดงด้วยชื่ออื่นๆ มีดังนี้ ได้แก่
>> ชื่อว่า อาสา หมายถึง ความหวัง เพราะเป็นอาหาร (อสน = อาหาร, การกิน, ธาตุ "อสฺ" (กิน) + ปัจจัย "-น" เป็น อสน หมายถึง "สิ่งที่ใช้กิน") ของอารมณ์ทั้งหลาย อธิบายว่า เพราะท่วมทับ {อชฺโฌตฺถรณ = ท่วมทับ, อชฺโฌ = ทับ, ครอบคลุม, อตฺถรณ = การปกคลุม, การแผ่ขยาย} และเพราะบริโภคตามความพอใจ (ติตฺตึ = พอใจ, อนุคนฺตฺวาว = โดยติดตาม, ปริภุญฺชน = บริโภค)
>> ชื่อว่า อาสิงสนา หมายถึง ความจำนง เพราะเป็นไปได้ด้วยอำนาจแห่งความจำนง ( อาสีสน = ความจำนง, ความปรารถนา (จากธาตุ อาสฺ หมายถึง ปรารถนา))
>> ภาวะแห่งความจำนง ชื่อว่า อาสีสิตัตตะ หมายถึง ความประสงค์
>> บัดนี้ เพื่อจะแสดงฐานะที่เป็นไปของตัณหานั้น จึงกล่าวคำว่า รูปาสา เป็นต้น ดังนี้
>> ในบทเหล่านั้น พึงถือเอาเนื้อความของ อาสา ว่า ความหวัง. แล้ว ทราบบททั้ง ๙ อย่างนี้ว่า ความหวังในรูป ชื่อว่า รูปาสา .
(บททั้ง ๙ เข้าใจว่า ได้แก่ รูปาสา สทฺทาสา คนฺธาสา รสาสา โผฏฺฐพฺพาสา ลาภาสา ธนาสา ปุตฺตาสา ชีวิตาสา )
>> ในที่นี้ 5 บทแรกกล่าวด้วยสามารถแห่งกามคุณ 5 ส่วนบทที่ 6 กล่าวด้วยสามารถแห่งความโลภในบริขาร.
(5บทแรก ได้แก่ ความหวังในรูป, ความหวังในเสียง, ความหวังในกลิ่น, ความหวังในรส, ความหวังในโผฏฐัพพะ บทที่ 6 ได้แก่ ความหวังในลาภ)
>> บทนั้น (บทที่ 6) สำหรับบรรพชิตโดยพิเศษ. ส่วน 3 บทนอกนั้นกล่าวสำหรับคฤหัสถ์ ด้วยสามารถแห่งวัตถุอันไม่เป็นที่พอใจ.
(3 บทนอกนั้น ท่านหมายถึง ความหวังในทรัพย์, ความหวังในบุตร, ความหวังในชีวิต)
>> เพราะว่า สำหรับคฤหัสถ์ทั้งหลาย ย่อมไม่มีสิ่งใดที่เป็นที่รักยิ่งกว่าทรัพย์ บุตร และชีวิต.
>> ชื่อว่า ชัปปา หมายถึง ความปรารถนา เพราะมีอรรถว่า ยังสัตว์ทั้งหลายให้กล่าวปรารถนาอย่างนี้ว่า 'สิ่งนี้เป็นของเราๆ ' หรือว่า 'คนนั้นให้สิ่งนี้แก่เราๆ
>> สองบทถัดไป ท่านได้ขยายด้วยอุปสรรค เพราะปรารภจะแจกแจงความโดยอาการที่แตกต่างออกไป ท่านจึงกล่าวบท ชปฺปา อีกครั้ง.
(สองบทถัดไป เข้าใจว่าหมายถึง ปชปฺปา อภิชปฺปา ซึ่งมีคำอุปสรรคเพิ่มเติม ป- เป็นคำอุปสรรค = "ขยาย" หรือ "มากขึ้น" เช่น ปชปฺปา หมายถึง ปรารถนามาก และ อภิ- เป็นคำอุปสรรคที่ใช้เพิ่มความหมายให้แรงขึ้น เช่น อภิชปฺปา (นัยนี้ หมายถึง ปรารถนาอย่างแรง) และบทปิดท้ายต่อว่า ชปฺปา ที่ท่านแปลว่า ความเหนี่ยวรั้ง ในส่วนแห่งมหานิเทส ฉบับไทย ในพระไตรปิฎกฉบับของพม่า หรือฉบับมหาวิหาร ไม่มีข้อความนี้ แต่ในส่วนอรรถกถา ชปฺปา นี้ท่านแปลว่า ความปรารถนา)
>> อาการแห่ง ชปฺปนา หมายถึง ความที่สัตว์ปรารถนา ("นา" ใช้ในการ สร้างคำนามจากรากศัพท์กิริยา เช่น ชปฺป ถ้าหมายถึง การปรารถนา ชปฺปนา จะหมายถึง ภาวะของการปรารถนา) ความเป็นไปแห่งความปรารถนา
>> ภาวะที่จิตปรารถนา ชื่อว่า ชัปปิตัตตะ หมายถึง ความที่จิตปรารถนา.


กราบเรียนอาจารย์คำปั่น
1. "อารมฺมณานํ อสนโต อาสา อชฺโฌตฺถรณโต เจว ติตฺตึ อนุคนฺตฺวาว ปริภุญฺชนโต (๖) จาติอตฺโถ ฯ" บทนี้ที่ท่านแปลว่า อาสา หมายถึง "อาหารของอารมณ์" (อสน) อันนี้ท่านหมายถึงว่า เพราะตัณหาเกิดบ่อยมากกับอารมณ์ที่ปรากฏทางตา หู ... กาย จึงราวกับว่า ตัณหาเป็นอาหารของอารมณ์ หรือท่วมทับในอารมณ์อย่างนั้นหรือครับ
2. จากข้อความว่า "ตํ วิเสสโต ปพฺพชิตานํ ตโต ปรานิ ตีณิ อติตฺติยวตฺถุวเสน คหฏฺฐานํฯ" คำว่า "วัตถุอันไม่เป็นที่พอใจ (อติตฺติยวตฺถุ) " อันนี้หมายถึง อะไรครับ หรือคำแปลของ อติตฺติยวตฺถุ จะแปลว่า วัตถุที่รักยิ่ง (สำหรับคฤหัสถ์) หรือเปล่าครับ ซึ่งจะสอดคล้องกับวรรคถัดไป
3. คำว่า ชปฺปา นี้ โดย ศัพท์ ไม่ได้หมายถึงความปรารถนา หรือความเหนี่ยวรั้ง โดยตรงใช่ไหมครับ ชปฺปา ความหมายตรงๆ แปลว่า "การกล่าว การพูด" ใช่ไหมครับ แต่ในบริบทนี้ ท่านใช้ ชปฺปา ว่าเป็นความปรารถนา เพราะยังสัตว์ให้"กล่าว" (ชปฺปาเปติ) ว่าเป็นของๆ เรา ใช่ไหมครับ

กราบอนุโมทนาครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 30 ม.ค. 2568

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

1. "อารมฺมณานํ อสนโต อาสา อชฺโฌตฺถรณโต เจว ติตฺตึ อนุคนฺตฺวาว ปริภุญฺชนโต (๖) จาติอตฺโถ ฯ" บทนี้ที่ท่านแปลว่า อาสา หมายถึง "อาหารของอารมณ์" (อสน) อันนี้ท่านหมายถึงว่า เพราะตัณหาเกิดบ่อยมากกับอารมณ์ที่ปรากฏทางตา หู ... กาย จึงราวกับว่า ตัณหาเป็นอาหารของอารมณ์ หรือท่วมทับในอารมณ์อย่างนั้นหรือครับ

เข้าใจอย่างนั้นได้ เพราะตัณหา หวังอารมณ์ ต้องการอารมณ์ บริโภคโดยไม่รู้จักอิ่ม ครับ


2. จากข้อความว่า "ตํ วิเสสโต ปพฺพชิตานํ ตโต ปรานิ ตีณิ อติตฺติยวตฺถุวเสน คหฏฺฐานํฯ" คำว่า "วัตถุอันไม่เป็นที่พอใจ (อติตฺติยวตฺถุ) " อันนี้หมายถึง อะไรครับ หรือคำแปลของ อติตฺติยวตฺถุ จะแปลว่า วัตถุที่รักยิ่ง (สำหรับคฤหัสถ์) หรือเปล่าครับ ซึ่งจะสอดคล้องกับวรรคถัดไป

คำแปลเมื่อเทียบกับอัฏฐสาลินี อรรถกถา พระอภิธรรมปิฎก ธัมมสังคณีปกรณ์ จะแปลว่า "๓ บทต่อจากนั้นเป็นของพวกคฤหัสถ์ด้วยอำนาจแห่งวัตถุเป็นอารมณ์ไม่รู้จักอิ่ม เพราะวัตถุอันเป็นที่รักยิ่งกว่าทรัพย์ บุตร ชีวิต ของพวกคฤหัสถ์เหล่านั้นมิได้มี" ดังนั้น จึงขอแก้ คำแปลของคำว่า "อติตฺติยวตฺถุ" เป็น "วัตถุอันเป็นอารมณ์ไม่รู้จักอิ่ม" ครับ


3. คำว่า ชปฺปา นี้ โดย ศัพท์ ไม่ได้หมายถึงความปรารถนา หรือความเหนี่ยวรั้ง โดยตรงใช่ไหมครับ ชปฺปา ความหมายตรงๆ แปลว่า "การกล่าว การพูด" ใช่ไหมครับ แต่ในบริบทนี้ ท่านใช้ ชปฺปา ว่าเป็นความปรารถนา เพราะยังสัตว์ให้"กล่าว" (ชปฺปาเปติ) ว่าเป็นของๆ เรา ใช่ไหมครับ

โดยความหมายของ ชปฺปา (ชัปปา) คือ กระซิบ, การกล่าว, การพูด นั่นถูกต้องแล้ว ครับ ตามข้อความในอัฏฐสาลินี อรรถกถา พระอภิธรรมปิฎก ธัมมสังคณีปกรณ์ แสดงความเป็นจริงของตัณหาที่ชื่อว่า ชัปปา ไว้ดังนี้

ตัณหาที่ชื่อว่า ชปฺปา (ธรรมชาติผู้กระซิบ) เพราะอรรถว่า ยังสัตว์ ให้พูดอุบอิบอย่างนี้ว่า นี่ของฉัน นี่ของฉัน หรือว่า สิ่งนี้บุคคลโน้นให้แก่เรา สิ่งนี้บุคคลโน้นให้แก่เรา ดังนี้”


... ยินดีในกุศลวิริยะของคุณวิทวัตอย่างยิ่งครับ ...

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
chatchai.k
วันที่ 30 ม.ค. 2568

ยินดีในกุศลจิตครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
wittawat
วันที่ 3 ก.พ. 2568

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ