เสียงเป็นสังขารหรือเปล่า สิ่งที่มีจริง?

พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้าที่ 291
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเตือนภิกษุทั้งหลายว่า
ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้เราขอเตือนพวกเธอ สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมเป็นธรรมดา ขอท่านทั้งหลายจงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด. ไม่ช้าตถาคตจักปรินิพพาน จากนี้ล่วงไปสามเดือนตถาคตจักปรินิพพาน.
พระผู้มีพระภาคเจ้าสุคตศาสดาครั้นตรัสไวยากรณ์ภาษิตนี้แล้ว จึงได้ตรัสคาถาประพันธ์ต่อไปอีกว่า
[๑๐๘] คนเหล่าใด ทั้งเด็กผู้ใหญ่ ทั้งพาล ทั้งบัณฑิต ทั้งมั่งมี ทั้งขัดสน ล้วนมีความตายเป็นเบื้องหน้า. ภาชนะดินที่ช่างหม้อทำ ทั้งเล็กทั้งใหญ่ ทั้งสุกทั้งดิบทุกชนิดมีความแตกเป็นที่สุด ฉันใด ชีวิตของสัตว์ทั้งหลาย ก็ฉันนั้น.
[เล่มที่ 26] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม ๒ - หน้าที่ 534
ข้อความบางตอนจาก เวปุลลปัพพตสูตร
[๔๖๐] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็บัดนี้แล ภูเขาเวปุลละนี้มีชื่อว่า
เวปุลละทีเดียว ก็บัดนี้หมู่มนุษย์เหล่านี้มีชื่อว่ามาคธะ หมู่มนุษย์ที่ชื่อมาคธะ
มีอายุน้อย นิดหน่อย ผู้ใดมีชีวิตอยู่นาน ผู้นั้นมีอายุเพียงร้อยปี น้อย
กว่าก็มี เกินกว่าก็มี หมู่มนุษย์ชื่อมาคธะ ขึ้นเวปุลลบรรพตเพียงครู่เดียว
และบัดนี้ พระอรหันตสัมมาสัมพุพธเจ้าพระองค์นี้ เสด็จอุบัติขึ้นแล้ว
ในโลก ก็เราแลมีสาวกคู่หนึ่ง เป็นคู่เลิศ เป็นคู่เจริญ ชื่อสารีบุตรและ
โมคคัลลานะ. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สมัยนั้นก็จักมี สละชื่อแห่งบรรพตนี้
จักอันตรธาน หมู่มนุษย์เหล่านี้จักทำกาละ และเราก็จักปรินิพพาน
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงอย่างนี้ ไม่ยั่งยืนอย่างนี้
ไม่น่าชื่นใจอย่างนี้ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็เหตุเพียงเท่านี้ พอทีเดียวเพื่อ
จะเบื่อหน่ายในสังขารทั้งปวง พอเพื่อจะคลายกำหนัด พอเพื่อจะหลุดพ้น
ดังนี้.
อ.วิชัย: การศึกษาธรรม ก็จะมีข้อความที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ลึกซึ้ง รู้ได้โดยยากครับ ก็จะมีประเด็นที่จะกราบเรียนสนทนากับท่านอาจารย์เพิ่มเติม เพราะว่าสืบเนื่องมาจากเมื่อวานนี้ครับ ก็ได้กล่าวถึงเรื่องของ สังขารทั้งหลายไม่เที่ยง ครับ ก็ดูเหมือนกับเป็นสิ่งที่คนที่มีโอกาสได้ศึกษา หรือฟังธรรมบ้าง ก็ กล่าวคำ ครับท่านอาจารย์ครับ แต่ก็มีประเด็นที่ อ.ธนากรได้นำสนทนา ก็เชิญ อ.ธนากร สนทนากับท่านอาจารย์ก่อนครับ
อ.ธนากร: คำว่า สังขาร โดยคำ ก็เหมือนกับว่า พวกเรามีความเข้าใจในขั้นการฟังว่า สังขาร หมายถึงสิ่งที่มีจริงๆ ซึ่งต้องอาศัยปัจจัยปรุงแต่งจึงเกิดขึ้น และมีคำว่า สังขตธรรมครับมากำกับให้รู้ว่า สิ่งที่มีนั้นต้องเกิดแล้ว แล้วต้องดับด้วย แต่ว่าเป็นคำที่ไม่รู้เลยครับว่า แท้จริงแล้วไม่ได้มีความเข้าใจจริงๆ ในชีวิตประจำวันเลยครับ เพราะว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงว่า สัพเพ สังขารา อนิจจา ก็คือ สังขารทั้งหลายไม่เที่ยง แล้วท่านอาจารย์ก็จะเน้นย้ำ แม้คำธรรมดาว่า ทั้งหมดทั้งสิ้น ไม่เว้นเลย เว้นอะไรหรือเปล่า?
แต่ก็ดูเหมือนว่า ในชีวิตประจำวันจริงๆ แล้ว ไม่มีอะไรเลยสักอย่างที่เป็นสังขารจริงๆ ที่เข้าใจ เพราะว่าเป็นเรา เป็นทุกสิ่งทุกอย่างที่ไม่ใช่ความจริงของสิ่งที่มี
เพราะฉะนั้น เราก็ไม่ใช่สังขาร สิ่งใดสิ่งหนึ่งก็ไม่ใช่สังขารแน่ เพราะว่าไม่ใช่สิ่งที่มีจริงครับ ก็แสดงให้เห็นถึงความลึกซึ้งอย่างยิ่งว่า พวกเรายังไม่มีความเข้าใจสังขารจริงๆ ในชีวิตประจำวันครับ จะกราบเท้าเรียนสนทนากับท่านอาจารย์ในเรื่องนี้ครับ
ท่านอาจารย์: ก็ต้องทีละคำ เพราะฉะนั้น คุณธนากรเริ่มย้ำที่ได้พูดแล้ว เพื่อจะได้เข้าใจทีละเล็กทีละน้อย
อ.ธนากร: ก็จะมีคำว่า สัพเพ สังขารา อนิจจา ครับ
ท่านอาจารย์: แค่นี้ค่ะ มั่นคงไหม? สัพเพ คืออะไร? สังขาร คืออะไร? อนิจจา คืออะไร? ไม่ต้องรีบร้อนไปไหนเลย แต่ต้องมั่นคงในการที่จะเข้าใจในความลึกซึ้ง ซึ่งเปลี่ยนไม่ได้เลย แต่ความเข้าใจน้อยมาก ยังไม่ลึกซึ้งพอ
เพราะฉะนั้น เมื่อกี้นี้บอกว่า มีเราใช่ไหม?
อ.ธนากร: ใช่ครับ
ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น ไม่ใช่ สัพเพ สังขารา ถูกต้องไหม?
อ.ธนากร: ไม่ใช่เลยครับ
ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น ก็ต้องเข้าใจ ไม่ต้องรีบร้อนเลย ให้รู้จริงๆ มั่นคงจริงๆ
สังขารา หมายความถึงอะไร จะได้รู้ว่า เป็นเราหรือเปล่า?
อ.ธนากร: หมายถึงสิ่งที่มีจริงครับ ที่มีปัจจัยทำให้เกิดครับ
ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น ทีละหนึ่งได้เลย เพราะสามารถที่จะรู้ความหมายของสังขารแล้ว ก็ต้องรู้จักตัวสังขาร ไม่ใช่ชื่อสังขาร
เพราะฉะนั้น ซ้ำอีกที เมื่อกี็นี้สังขารคืออะไร?
อ.ธนากร: สังขาร หมายถึงสิ่งที่มีจริงๆ ที่มีปัจจัยปรุงแต่งให้เกิดครับ
ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น สิ่งที่มีจริงเดี๋ยวนี้มีไหม?
อ.ธนากร: มีครับ
ท่านอาจารย์: อะไรมี?
อ.ธนากร: อย่างเช่น เสียง ครับ
ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น เสียงมีแน่นอน เสียงเป็นสังขาร
เสียงเป็นสังขารหรือเปล่า สิ่งที่มีจริง?
อ.ธนากร: เป็นครับ
ท่านอาจารย์: แล้วยังสังสัยอะไร?
อ.ธนากร: ไม่สงสัยโดยคำครับ แต่ว่า โดยภาวะความเป็นจริงครับ อันนี้ก็ยังไม่มีความเข้าใจ เพราะว่า พอได้ยิน เสียง ก็เป็นเราได้ยิน
ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น จึงต้องฟัง คำ ของพระพุทธเจ้าใช่ไหม?
อ.ธนากร: ใช่ครับ
ท่านอาจารย์: ไม่เช่นนั้น ก็เป็นอย่างที่เราคิดเหมือนเดิม จึงต้องฟัง ทุกคำ ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เพราะฉะนั้น เมื่อกี้บอกว่า เสียง เป็นสังขารใช่ไหม?
อ.ธนากร: ใช่ครับ
ท่านอาจารย์: เสียง เป็นอื่นได้ไหม?
อ.ธนากร: ไม่ได้ครับ ต้องเป็นเสียงเท่านั้นครับ
ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น หาให้ทั่ว สังขารทั้งนั้นใช่ไหม?
อ.ธนากร: ใช่ครับ
ท่านอาจารย์: แล้วเราอยู่ไหน? หาเราซิ?
อ.ธนากร: ไม่มีครับ เพราะว่า เสียงต้องเป็นเสียง
ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น ธรรมะ ไม่ใช่ใครจะมาบอก ค่อยๆ ชี้แจงเหมือนเราเป็นเด็ก แล้วก็มาจับมือเขียนหนังสือ หรืออะไรนะ แต่ ทุกคำ ต้องพิจารณาไตร่ตรองด้วยตนเอง ต่อให้ใครจะพูดอย่างไรก็ตามแต่ แต่ถ้าขาดการไตร่ตรองพิสูจน์ให้มั่นคง มุ่งแต่ที่จะสนทนา มุ่งแต่ที่จะจำชื่อ พูดชื่อ หรืออะไรอย่างนี้ ไม่ใช่การพิจารณาของตนเอง ถ้าเป็นการพิจารณาของตนเอง เริ่มจากเป็นคนตรง สิ่งที่มีจริงมีอะไรบ้าง ถึงจะเข้าใจความหมายนี้ได้ทีละเล็กทีละน้อย
ขอเชิญอ่านเพิ่มได้ที่..
สังขารทั้งหลายไม่เที่ยง [สุริยสูตร]
ความเร็วของสังขาร [ชวนหังสชาดก]
นิเทศสังขาร - บาลีข้อ ๒๕๗ [วิภังค์]
ขอเชิญฟังได้ที่..
สังขารธรรม - สังขตธรรม สองคำสองความหมาย
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่งค่ะ
กราบยินดีในกุศลจิตของ อ.วิชัย และ อ.ธนากร ด้วยความเคารพค่ะ