รูปที่ปรากฏมี ๗ รูป

 
บ้านธัมมะ
วันที่  15 มิ.ย. 2567
หมายเลข  47878
อ่าน  15

สิ่งที่ปรากฏทางตาเป็นรูปที่ ๑ คนที่ไม่เห็น คือ คนที่ตาบอด แต่คนตาไม่บอดต้องมีสิ่งที่ปรากฏทางตาให้เห็น เพราะฉะนั้น สิ่งที่ปรากฏทางตามีจริงเป็นรูปๆ หนึ่ง คนที่หูไม่หนวกก็มีเสียงปรากฏให้รู้ได้ เป็นรูปที่ ๒ คนที่กำลังได้กลิ่นสิ่งหนึ่งสิ่งใด ขณะนั้นกลิ่นมีจริงๆ ปรากฏ เป็นรูปที่ ๓ ขณะที่กำลังรับประทานอาหารก็มีการลิ้มรสต่างๆ รสหวานจะกระทบกับตัวไม่มีทางจะรู้ได้เลย แต่ต้องถึงลิ้นจึงสามารถที่จะมีการรู้รส ว่ารสนั้นหวาน รสนั้นเค็ม รสนั้นเปรี้ยว เพราะฉะนั้น รส ก็เป็นอีกรูปหนึ่งที่รู้ได้ทางลิ้น ส่วนทางกายก็มี เย็น หรือ ร้อน ขณะนั้นก็เป็นรูป อ่อน หรือ แข็ง ขณะนั้นก็เป็นรูป ตึง หรือไหว ขณะนั้นก็เป็นรูปที่สามารถจะรู้ได้ในขณะที่กระทบสัมผัสกาย

ตลอดชีวิตตั้งแต่เกิดจนตาย รูปจริงๆ ที่ปรากฏไม่ขาดเลย ก็มีเพียง ๗ รูปทางตา ๑ รูปทางหู ๑ รูปทางจมูก ๑ รูปทางลิ้น ๑ รูปทางกาย ๓ รูป คือ เย็น หรือ ร้อน ๑ อ่อน หรือ แข็ง ๑ ตึง หรือ ไหว ๑ เป็นรูป นอกจากนั้นเป็นสภาพธรรมอื่นทั้งหมดซึ่งไม่ใช่ ๗ รูปนี้ เพราะฉะนั้น การที่จะมีรูปหนึ่งรูปใดปรากฏจะต้องปรากฏกับสิ่งที่มีจริงอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งเราไม่เคยคิดเลย เพราะว่าเป็นเราหมด ที่เห็น เราเห็น เราได้ยิน เราคิดนึก เราได้กลิ่น เราโกรธ เราขยัน เราทุกอย่างหมด แต่ว่าความจริงสิ่งต่างๆ เหล่านั้นไม่ใช่ว่าไม่มี เป็นสิ่งที่มีแต่ว่าเป็น “นามธรรม” ไม่มีรูปร่าง ไม่มีหน้าตา ไม่อ่อน ไม่แข็ง ไม่หวาน ไม่เค็ม แต่ว่าธาตุชนิดนี้เป็นธาตุซึ่งเป็นสภาพที่สามารถจะรู้สิ่งหนึ่งสิ่งใดที่กำลังปรากฏให้รู้ ซึ่งเคยเป็นเรา แต่จริงๆ แล้วก็เป็นธาตุแต่ละอย่าง ซึ่งถ้าเป็นนามธาตุ ก็คือเป็นธาตุที่ต่างจากรูปธาตุโดยสิ้นเชิง

ไม่ว่าจะเป็นในโลกนี้ หรือในโลกไหน บนสวรรค์ หรือที่ในนรก ในน้ำ บนบก ก็จะมีธรรมที่ต่างกันเป็นสองประเภทใหญ่ๆ คือ นามธรรมกับรูปธรรม แล้วอะไรที่ทำความเดือดร้อนให้เรา นามธรรม หรือ รูปธรรม

พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 3


เริ่มต้นเข้าใจว่าธรรมคืออะไร


เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ