จิตและเจตสิกเป็นนามธรรม

 
บ้านธัมมะ
วันที่  15 มิ.ย. 2567
หมายเลข  47867
อ่าน  11

ขณะนี้เป็นการสนทนาธรรม เพราะว่าการสนทนาธรรมจะทำให้ได้รับฟังความเห็นของผู้ที่ได้ฟัง และความคิดความเข้าใจ วันนี้เราสนทนาถึง ปรมัตถธรรม ๔ รูปธรรม ได้กล่าวไปแล้ว ส่วนนามธรรมก็มีจิต และเจตสิก จิตเป็นใหญ่เป็นประธานในการรู้สิ่งที่กำลังปรากฏ ซึ่งภาษาบาลีใช้คำว่า “อารมฺมณ” หรือ “อาลมฺพน” แต่ภาษาไทยใช้คำว่า “อารมณ์”

เมื่อมีจิตซึ่งเป็นสภาพรู้ก็ต้องมีสิ่งที่ถูกรู้ด้วย แต่ว่าจิตก็เป็นสังขารธรรม ต้องมีปัจจัยปรุงแต่ง อะไรจะเป็นปัจจัยปรุงแต่งให้จิตเกิด ก็แสดงให้เห็นว่า ขณะที่นามธรรมซึ่งเป็นสภาพรู้เกิดขึ้น ก็จะมีนามธรรมที่เป็นสภาพรู้อีกประเภทหนึ่งที่เกิดร่วมกัน และก็ดับพร้อมกันด้วย เมื่อนามธรรมเป็นสภาพรู้ สิ่งที่เกิดร่วมกับจิตก็ต้องเป็นสภาพรู้ที่รู้สิ่งเดียวกับจิตที่กำลังรู้ด้วย แสดงให้เห็นว่าขณะใดที่นามธรรมเกิดขึ้น จะมีทั้งจิตซึ่งเป็นใหญ่เป็นประธานที่สามารถที่จะรู้แจ้ง เช่น กำลังเห็นสิ่งที่กำลังปรากฏ ได้ยินเสียงที่กำลังได้ยิน แต่ในขณะนั้นเองจิตเป็นสังขารธรรม เกิดตามลำพังไม่ได้ ต้องมีสภาพธรรมที่เกิดร่วมกัน ปรุงแต่งให้จิตเกิดในขณะนั้น ซึ่งเป็นนามธรรมที่มองไม่เห็นเลย ไม่มีรูปร่างเลย แต่ว่าเป็นสภาพธรรมที่อาศัยจิต เกิดกับจิต จะไม่เกิดที่อื่นเลย สภาพธรรมนั้นชื่อว่า “เจตสิก” หมายความว่าเป็นสภาพที่เกิดกับจิต เกิดในจิต อาศัยจิตเกิดขึ้น เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป

พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 4


เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ