โวฏฐัพพนจิต หรือ ชวนปฏิปาทกะ
“ปัญจทวาร” อาศัยทวารที่เป็นรูป จะเป็นตาก็ต้องเป็นจักขุทวารวิถีตลอดหมดจนกว่ารูปจะดับ ถ้าเป็นทางหู เสียงที่ปรากฏนิดเดียว เหมือนได้ยินแล้วดับไป แต่กุศลจิต และอกุศลจิตก็เกิดแล้วตามเหตุตามปัจจัย เพราะว่ารูป ๑๗ ขณะ และจิตเกิดแล้วก็รู้อารมณ์นั้น รูปยังไม่ดับ ด้วยเหตุนี้กุศลจิต หรืออกุศลจิตเกิดสืบต่อ โวฏฐัพพนจิตซึ่งเกิดก่อนกุศลจิต และอกุศลจิต มีอีกชื่อหนึ่งว่า “ชวนปฏิปาทกะ” หมายความว่า จิตนี้เป็นบาทเฉพาะที่จะให้กุศลจิตเกิด หรืออกุศลจิตเกิด สำหรับผู้ที่ไม่ใช่พระอรหันต์ แต่ถ้าเป็นพระอรหันต์แล้ว วิถีจิตตั้งแต่ต้นเหมือนกันหมดเลย แต่เพราะดับกิเลสแล้ว หลังจากที่โวฏฐัพพนจิตดับแล้ว กิริยาจิตเท่านั้นที่จะเกิด ไม่เป็นกุศล และไม่เป็นอกุศลเลย นี่คือความต่างกัน
พระผู้มีพระภาคทรงบำเพ็ญพระบารมีเพื่อให้สัตว์โลกได้ถึงการดับกิเลสเช่นพระองค์ด้วย เพราะฉะนั้น ถ้าไม่ได้อบรมเจริญปัญญาเข้าใจความจริง รู้ว่า เพราะปัญญา แม้หลังจากที่เห็นแล้ว เมื่อดับกิเลสแล้ว เวลาที่โวฏฐัพพนจิตดับไปแล้ว ไม่มีทางที่กุศลจิต และอกุศลจิตเกิด แต่ต้องเป็นปัญญาที่ถึงระดับความเป็นพระอรหันต์ ซึ่งดับอกุศลหมด

