ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๖๕๗

 
khampan.a
วันที่  24 มี.ค. 2567
หมายเลข  47647
อ่าน  1,537

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น



ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจาก
ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษา และพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้


ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๖๕๗




~ พระธรรมทั้งหมดที่เป็นคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นเรื่องละ ต้องลืมไม่ได้เลย ถ้าใครคิดว่าจะต้องการ หรือจะได้ นั่นคือความเป็นเรา ความเป็นตัวตน ซึ่งทำให้ต้องการ และไม่มีวันจะถึงอะไรเลย เพราะเหตุว่าโลภะเป็นเครื่องเนิ่นช้า แล้วก็ไม่สามารถที่จะทำให้เข้าใจลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ

~ พระธรรมทั้งหมดที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ๔๕ พรรษา เพื่ออบรมจิต บ่มปัญญา เพื่อที่จะขัดเกลากิเลสให้ยิ่งขึ้น เพราะเหตุว่า ถ้าไม่มีปัญญา อะไรจะขัดเกลากิเลสได้

~ ฟังเพื่อเข้าใจสิ่งที่มีจริงซึ่งไม่เคยเข้าใจไม่เคยรู้ความจริงมาก่อน แล้วปัญญาก็จะค่อยๆ เจริญขึ้นจนกระทั่งเห็นโทษของความไม่ดีทุกประการ ในขณะที่เห็นโทษของความไม่ดี ความดีก็จะเจริญขึ้นด้วย แต่ต้องค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป

~ อวิชชา ความไม่รู้ ปิดบังไม่ให้รู้ความจริง ซ้ำยังถูกฉาบทาด้วยโลภะอีกต่างหาก เป็นกำแพงที่หนาแน่น ถ้าไม่ได้ศึกษาพระธรรม จะไม่มีทางทำลายอวิชชา และความติดข้องได้เลย

~ ความไม่รู้ก็เป็นกิเลสชนิดหนึ่งซึ่งเป็นพื้นฐานของอกุศลความไม่ดีไม่งามทุกชนิด เพราะว่าถ้ามีความเห็นถูกคือปัญญาซึ่งตรงกันข้ามกับความไม่รู้ ก็จะนำไปสู่ทางที่ถูกต้อง ทางที่จะไม่ให้โทษ

~ ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนธรรมได้เลย ขณะใดที่เกิดไม่รู้ จะเปลี่ยนให้ไปรู้ไม่ได้ ขณะใดที่ติดข้องเกิดขึ้น จะเปลี่ยนให้เป็นความไม่ติดข้องไม่ได้ ขณะใดที่เป็นความขุ่นเคืองแม้เพียงเล็กน้อย ก็เปลี่ยนให้เป็นความต้องการหรือความติดข้องไม่ได้ เพราะเหตุว่าธรรมเป็นธรรม ธรรมหนึ่งก็เป็นธรรมหนึ่ง เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป เปลี่ยนแปลงไม่ได้เลย

~ ถ้าปราศจากคุณความดีที่จะทำให้รู้ความจริง จะรู้ความจริงไม่ได้เลย เพราะฉะนั้นคุณความดีหนึ่ง ก็คือ สัจจะความจริงใจ เป็นผู้ที่รู้ว่าความจริงมีในขณะนี้แต่ยังไม่รู้แต่รู้ได้ เพราะฉะนั้น จะต้องเป็นผู้ที่อาจหาญที่จะอดทนต่อการที่จะค่อยๆ ฟัง ให้ค่อยๆ เข้าใจ ค่อยๆ เข้าใจขึ้น

~ เป็นลาภอันประเสริฐที่ได้มีโอกาสได้เข้าใจธรรม บางคนก็คิดว่าลาภอันประเสริฐคือขณะที่ได้รู้แจ้งอริยสัจจธรรม แต่ว่ามูล คือ ดั้งเดิม ต้นเหตุ ก็คือ การฟังธรรมนี่เอง แต่ละครั้งที่ได้ฟังก็จะนำมาซึ่งการที่จะเข้าใจขึ้นจนกระทั่งสามารถที่จะรู้จักพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า และมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งจริงๆ

~ เริ่มมีความเข้าใจชีวิตว่า "ไม่ว่าอะไรทั้งสิ้น หาใช่ใครไม่"
ถ้าใครไม่ชอบเรา โกรธเรา เป็นเรื่องที่บุคคลนั้นสะสมมาใช่ไหมจนกระทั่งปรากฏความเป็นบุคคลประเภทที่ใจร้อน เดือดร้อน โมโหร้าย ใจร้ายหรืออะไรก็ตามแต่ แต่เราไม่เดือดร้อนเลย เพราะมีความเข้าใจถูก

~ ฟังพระธรรมเข้าใจเท่าไหร่ รู้คุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น จึงกล่าวได้ว่ามีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง เพราะได้เข้าใจความจริงซึ่งถ้าไม่ได้ฟัง ก็ไม่มีหนทางที่จะรู้ความจริงเดี๋ยวนี้ได้เลย

~ โอกาสของกุศลที่จะเกิดเป็นโอกาสที่หายาก เพราะฉะนั้น เมื่อมีโอกาสที่กุศลจะเกิดได้ ก็ควรให้เกิด เจริญให้มากๆ ทุกประการ เพื่อที่จะดับอกุศลธรรมได้

~ เพราะเหตุใด พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงทรงแสดงเรื่องของอกุศลธรรม? เพราะเป็นสภาพธรรมที่มีจริง และถ้าไม่ทรงแสดง จะรู้ได้อย่างไรว่าแต่ละคนสะสมสิ่งที่ไม่ดีมามากมายแค่ไหน

~ สิ่งที่ไม่ดีทั้งหมดมาจากความไม่รู้ เพราะไม่รู้ว่าความไม่ดีทั้งหลายทำให้เกิดความประพฤติที่ไม่ดีมากมายเพียงใด จึงทำอกุศลกรรม เพราะไม่เห็นโทษ อกุศลทั้งหลายมาจากความไม่รู้จริงๆ

~ ถ้าเข้าใจธรรมแล้วจะทำชั่วหรือ? มีแต่จะทำดีเท่าที่จะทำได้ ให้คนอื่นได้มีความเข้าใจธรรม พูดความจริงให้เขาค่อยๆ เข้าใจขึ้น ทำทุกสิ่งทุกอย่าง ด้วยความอดทน ถ้าไม่มีความอดทนจะสำเร็จไหม? เพราะฉะนั้น ความอดทน ก็เป็นบารมี

~ เกิดมาเป็นคนนี้ ไม่นานแน่นอนก็จะหมดความเป็นบุคคลนี้ แต่คนต่อไปที่จะเกิดต่อจากการเป็นบุคคลนี้จะเป็นอย่างไรแล้วแต่ชาตินี้ด้วย ที่เป็นส่วนประกอบที่จะทำให้บุคคลนั้นเป็นอย่างที่เคยเป็นหรือเคยสะสมมาแล้ว ถ้าไม่เคยเห็นประโยชน์ของการฟังธรรมเลย กี่ชาติให้ฟังธรรม แสดงประโยชน์ เขาก็ไม่ฟัง

~ ทุกข์ทั้งหมดมาจากกิเลส ถ้าไม่มีกิเลสไม่มีอกุศลธรรม ทุกข์ใดๆ ก็ไม่มีทั้งสิ้น แต่เพราะเหตุว่ามีอกุศลธรรม ก็มีการเบียดเบียน มีการประทุษร้าย หรือแม้แต่อกุศลที่เกิดขึ้นก็เบียดเบียนทำร้ายตัวเองก่อนจะทำร้ายใคร

~ ทรัพย์ทางโลกหมดไปได้ด้วยไฟ ด้วยน้ำ ด้วยโจร แต่สิ่งที่ได้สะสมมาในแต่ละชาติก็จะสะสมสืบต่อไป เพราะฉะนั้น ก็จะเห็นได้ว่าประโยชน์ที่แท้จริงของการมีชีวิตอยู่ในแต่ละชาติ คือ ขณะที่ได้ฟังพระธรรมและเข้าใจพระธรรม

~ ทุกคนทุกท่านที่เคารพในพระธรรม ไม่เห็นว่าจะลำบากในการที่จะทิ้งความเห็นผิดเลย และไม่ลำบากที่จะเริ่มต้นในสิ่งถูก เพราะว่าถ้าไม่เริ่มต้น ยิ่งผิด ยิ่งยาก ถูกยากขึ้น

~ ไม่ต้องหวั่นไหว เมื่อมีลาภก็เสื่อมลาภได้ มียศก็เสื่อมยศได้ มีสุขก็มีทุกข์ได้ มีสรรเสริญก็มีนินทาได้ ก็เป็นของธรรมดา ทุกอย่างก็ต้องเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ไม่มีใครสามารถที่จะเลือกได้

~ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ก็คือ ต้องเป็นอย่างนั้น เพราะเหตุว่ามีปัจจัยที่ทำให้เกิดขึ้นแล้วเห็นชัดว่าไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ก็มีความเข้าใจในความไม่เที่ยงความไม่แน่นอน เข้าใจในความเป็นธรรมที่จะต้องเกิดดับไปโดยยับยั้งไม่ได้ เพราะจากขณะนี้ไปเราก็ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในชีวิต

~ ฟังอย่างอื่นยังฟังได้ แล้วทำไมจะฟังพระธรรมไม่ได้



ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๖๕๖




... กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ที่เคารพยิ่ง
และยินดีในกุศลของทุกๆ ท่านครับ ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
มังกรทอง
วันที่ 24 มี.ค. 2567

ขอน้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
swanjariya
วันที่ 24 มี.ค. 2567

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
panasda
วันที่ 24 มี.ค. 2567

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
shsso2551
วันที่ 24 มี.ค. 2567

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
jaturong
วันที่ 25 มี.ค. 2567

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
Parichat_04
วันที่ 25 มี.ค. 2567

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
Lai
วันที่ 25 มี.ค. 2567

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
chatchai.k
วันที่ 1 เม.ย. 2567

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ