ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๖๕๖

 
khampan.a
วันที่  17 มี.ค. 2567
หมายเลข  47628
อ่าน  1,368

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น



ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจาก
ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษา และพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้


ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๖๕๖





~ การศึกษาธรรม ต้องทราบเฉพาะตนเลยว่าเพื่ออะไร จุดประสงค์ของแต่ละคนอาจจะไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้น ผู้ที่ได้สาระจากพระธรรม ก็คือ ผู้ที่ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม เพื่อเข้าใจถูกเห็นถูกในธรรม แล้วยังเพื่อขัดเกลากิเลส

~ ถ้ามีความเข้าใจถูกต้องว่าการศึกษาพระธรรมโดยพระมหากรุณาคุณที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เพื่อให้ผู้ฟังเกิดปัญญา เมื่อปัญญาเกิดแล้วเห็นถูกแล้วเข้าใจถูก ตั้งจิตไว้ถูก ใช่ไหม? ทุกอย่างก็จะเป็นไปในทางที่ดีงามเพิ่มขึ้น นี่จึงจะเป็นผลจริงๆ ของการเข้าใจธรรม

~ สุตมยปัญญา ปัญญาที่เกิดจากการฟัง คือ ความเข้าใจจริงๆ ก็จะเป็นเหตุให้เกิดศีลมยปัญญา คือ ความประพฤติทางกาย ทางวาจาที่ดีขึ้น

~ เราจะมีอะไรที่เป็นที่พึ่งจริงๆ สมบัติจริงๆ พึ่งได้ไหม? มีสมบัติมากมายมหาศาลก็ป่วยไข้ตามกรรม ก็เกิดทุกข์ทางใจเดือดร้อน เพราะฉะนั้น สมบัติจริงๆ ช่วยได้หรือเปล่า หรือว่าพี่น้องมิตรสหาย แม้แต่มารดาบิดา ถ้าลูกป่วยไข้ แม้มารดาขอที่จะป่วยแทนก็ยังเป็นไปไม่ได้ เพราะฉะนั้น ที่พึ่งจริงๆ ของทุกคน ก็คือ พึ่งความเห็นถูกความเข้าใจถูกซึ่งไม่สามารถจะเกิดได้เลยถ้าไม่มีการฟังพระธรรม

~ ถ้าจะมีคนกล่าวว่ารู้จักธรรม แต่ไม่รู้จักพระอภิธรรม ถูกหรือผิด? เพราะว่า อภิธรรมก็คือธรรม แล้วแต่ว่าเราสามารถที่จะเข้าใจได้ละเอียดแค่ไหน มากน้อยแค่ไหน แต่ถ้าเรายังไม่เข้าใจหรือว่าเข้าใจเพียงเล็กน้อย เราก็ละการยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นตัวตนไม่ได้

~ กุศลเหมือนเพื่อนที่จะอำนวยความสะดวกสบายความสุข เกื้อกูลอุปการะ ให้คุณทุกประการ แต่อกุศลเป็นธรรมที่เป็นปฏิปักษ์ต่อกุศล คือ ตรงกันข้าม กระทำทุกอย่างที่มิตรไม่กระทำ เพราะฉะนั้น ก็เปรียบเหมือนศัตรูซึ่งไม่ใช่มิตร ย่อมเป็นปฏิปักษ์ต่อมิตร เพราะฉะนั้น ศัตรูของทุกท่านไม่ใช่อยู่ข้างนอกหรือว่าไม่ใช่อยู่ภายนอกเลย แต่อยู่ภายในและใกล้ชิดที่สุด คือ ทุกขณะที่อกุศลธรรมเกิดขึ้น เป็นปฏิปักษ์ เป็นศัตรู ไม่ใช่มิตร

~ บางครั้งร่างกายเราแข็งแรง ตาหูก็ดี แต่ทำไมเสียใจ นี่ก็แสดงให้เห็นว่าเรื่องของใจเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับร่างกาย ต่อให้เป็นผู้ที่สมบูรณ์พร้อมทุกอย่างมีทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ก็โทมนัสเสียใจได้ ญาติพี่น้องพลัดพรากหรือว่าเป็นอะไรที่มีความวิบัติเกิดขึ้น ความรู้สึกก็ไม่คงที่ ลักษณะของความเสียใจ เป็นธรรมที่มีจริง ก็ต้องสอบถามกันตั้งแต่ต้นว่าเป็นนามธรรมหรือรูปธรรม? ตอนนี้ง่าย ใช่ไหม? ความเสียใจ เป็นนามธรรมแน่นอนใช่ไหม? เพราะรูปไม่รู้สึกใดๆ ทั้งสิ้น

~ อธิษฐาน ไม่ใช่ขอ แต่เป็นความมั่นคงของจิตที่จะรู้ว่าจะไม่ทิ้งพระธรรม เราอาจจะมีธุระมากหรือบางทีก็อาจจะเป็นเรื่องเร่งด่วน ซึ่งเกิดขึ้นปัจจุบันทันด่วน เป็นหน้าที่ที่ต้องทำ แต่เราก็ไม่ทิ้งพระธรรม คืออย่างไรๆ ในชีวิตของเราก็จะมีการฟัง แล้วก็การอบรมเจริญความรู้เท่าที่จะเป็นไปได้ อย่างนี้ก็จะมีความมั่นคงขึ้นในการที่จะเห็นประโยชน์สูงสุด คือ การเข้าใจธรรม

~ ถ้าเข้าใจคำว่าธรรม (สิ่งที่มีจริง) ก็จะรู้ว่ามีธรรมตลอด ไม่มีคน ไม่มีสัตว์ แต่มีธรรม และธรรม ก็เป็นนามธรรมกับรูปธรรม อย่างหนึ่งอย่างใด รูปธรรมจะเป็นนามธรรมไม่ได้ นามธรรมจะเป็นรูปธรรมไม่ได้ และนามธรรมที่เกิดขึ้นก็มี ๒ อย่าง คือ จิตกับเจตสิก จิตก็จะเป็นเจตสิกหนึ่งเจตสิกใดไม่ได้เลย เจตสิกก็จะเป็นจิตไม่ได้เลย แม้เจตสิกที่มีทั้งหมด ๕๒ ประเภท แต่ละหนึ่งก็จะเป็นอีกอย่างหนึ่งไม่ได้ เช่น สติเจตสิกจะเป็นปัญญาเจตสิกไม่ได้ ความรู้สึกคือเวทนาเจตสิกจะเป็นสัญญาเจตสิกไม่ได้ ทั้งหมดมีอยู่ที่ตัวเราทั้งหมด ถ้าเข้าใจธรรม คือ สามารถที่จะรู้จักตัวเองตามความเป็นจริงแล้วก็จะเห็นจริงตามพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงทุกประการ

~ ผูกพันกับลูกหลาน เพื่อนฝูงมิตรสหาย แต่ตายหมดเลย แล้วก็เกิดใหม่ ก็ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร เพราะฉะนั้น ระหว่างนี้อะไรล่ะที่สะสม? ความผูกพัน ความติดข้อง หารู้ไม่ว่าไม่มีคนที่เราผูกพัน แต่ความผูกพันเกิดแล้วในใจซึ่งจะผูกต่อไปอีกทุกชาติไม่ว่าจะพบอะไร

~ ความไม่รู้ในสิ่งที่ปรากฏ เป็นปัจจัยให้เกิดความติดข้องมากมายในสิ่งที่ไม่มี เพราะเหตุว่าเพียงปรากฏว่ามี แล้วดับ แล้วไม่กลับมาอีกเลยในสังสารวัฏฏ์ สิ่งนั้นไม่มีอีก แต่ก็เป็นที่ตั้งของความติดข้อง ด้วยความไม่รู้ เพราะเข้าใจผิดว่ายังอยู่ ยังมี

~ ชีวิต ก็คือ เพียงแค่จากไม่มีแล้วก็มีแล้วก็หมดไป ไม่กลับมาอีกเลยแล้วก็ไม่รู้ ก็หลงยึดถือว่า มีอยู่ เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะพอใจในสิ่งใด สิ่งที่พอใจนั้นเกิดแล้วดับแล้วไม่กลับมาอีกเลย อันไหนล่ะที่พอใจ ดับแล้ว ไม่มี แล้วก็ไม่รู้

~ ชีวิตสั้นมาก ถ้าชีวิตสั้นอย่างนี้ แล้วชีวิตควรจะเป็นอย่างไร? จะมีการเบียดเบียนทำร้ายกันไหม? จะทำทุจริตกรรมต่างๆ ไหม?

~ ตายเป็นของธรรมดา เกิดก็เป็นของธรรมดา แต่จะเกิดเป็นอะไร? แม้เดี๋ยวนี้ ยังไม่ได้ตาย ยังเป็นอยู่ จะเป็นอย่างไร เพราะอย่างไรต้องตายแล้วก็ต้องจากโลกนี้ไปแน่ มัวแต่คิดเรื่องอื่น ไม่คิดว่าจะตาย ถ้าคิดว่าจะตาย จะหยุดเรื่องอื่น ใช่ไหม? ทำความดี เพราะจะตาย จะไปทำเรื่องอื่นทำไม เสียเวลา

~ เกิดแล้วจะตายวันไหนก็ไม่รู้ ก่อนตายก็ได้เข้าใจสิ่งที่กำลังมี มิฉะนั้น ทุกสิ่งทุกอย่าง เกิดแล้วดับ มีแต่ความไม่รู้และความติดข้องเพิ่มขึ้นๆ แล้วจะสนใจฟังคำที่สามารถเข้าใจได้จากผู้ที่ตรัสรู้ไหม ถ้าไม่เห็นประโยชน์ว่าความรู้ต่างกับความไม่รู้ และความไม่รู้ ทำให้เกิดสิ่งที่ดีงามได้ไหม? จะดีงามได้อย่างไร เมื่อไม่รู้

~ กิเลสที่มีมาก ใครบังคับไม่ได้ เมื่อมีเหตุปัจจัยที่จะมีการกระทำทางกาย วาจาอย่างไร ก็เป็นไปด้วยกำลังของกิเลสนั้นๆ ที่ยังไม่ดับ เพราะฉะนั้น เมื่อยังไม่ได้ดับ ก็ต้องมีปัจจัยที่เกิดขึ้นอีก แต่เมื่อมีหิริ ความละอาย ความรังเกียจ ความเห็นว่าเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ เกิดขึ้นบ้าง ก็จะทำให้มีความเพียรที่จะขัดเกลากิเลส

~ มิตรที่ดีจะไม่ทำร้ายใครเลยให้แต่สิ่งที่เป็นประโยชน์



ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๖๕๕




... กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ที่เคารพยิ่ง
และยินดีในกุศลของทุกๆ ท่านครับ ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
swanjariya
วันที่ 17 มี.ค. 2567

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
shsso2551
วันที่ 17 มี.ค. 2567

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
มังกรทอง
วันที่ 17 มี.ค. 2567

แจ้งยิ่ง ขอน้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
Lai
วันที่ 17 มี.ค. 2567

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
jaturong
วันที่ 18 มี.ค. 2567

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
สิริพรรณ
วันที่ 25 มี.ค. 2567

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ด้วยความเคารพยิ่ง
กราบขอบพระคุณยินดีในกุศล อ.คำปั่น อักษรวิลัยด้วยความเคารพค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ